(06-10-2009, 07:52)Webmaster Wrote: มีครับ มันเบื่อๆอยากๆอ่ะครับ
ถ้าน้า Pooh ยังหาไม่ได้ก็มาเอาไปครับ ราคาพิเศษครับ

(06-10-2009, 11:12)Labour Wrote:

(06-10-2009, 07:52)Webmaster Wrote: มีครับ มันเบื่อๆอยากๆอ่ะครับ
ถ้าน้า Pooh ยังหาไม่ได้ก็มาเอาไปครับ ราคาพิเศษครับ

ส่วนใหญ่ "พิเศษ"มักแัพงกว่า"ธรรมดา" ประมาณ 5-10 บาท
น้าม่ิอนใจร้าย!!!

(06-10-2009, 10:39).::.pOoH.::. Wrote: ที่นี้ก็จะได้เจาะสีข้างใส่ PARA D.I. สะที

(06-10-2009, 11:53)Katayoot Wrote:

(06-10-2009, 10:39).::.pOoH.::. Wrote: ที่นี้ก็จะได้เจาะสีข้างใส่ PARA D.I. สะที

ทำไมไม่เจาะใส่ Roland AC-90 เข้าไปด้วยเลยล่ะ 'จ๊ารย์... โฮ่ยย เหนื่อยจัย...

(06-10-2009, 22:23)dear709 Wrote: ขอถามหน่อยนะครับ
มันคืออะไร มีไว้ทำไมอ่ะครับ เจ้า Baggs Para Acoustic D.I. เนี่ยครับ
นึกว่ากีต้าโปร่งไฟฟ้าเสียบแอมป์หรือเสียบพีเอตรงๆก็มีเสียงแล้ว
ขอบคุณครับ

Quote:เอาแบบบ้านๆก่อนน๊ะครับ เดี๋ยวคงมีน้อง ยอด Sound Eng. มาซ้ำอีกที

DI Box มีหลายชือ เช่น direct input, direct injection,direct interface ทำหน้าที่ matching impedance ครับ สัญญาณ Output ของ กีตาร์ไฟฟ้า เป็น High Impedance Level ครับ ส่วน Microphone เป็น Low Impedance Level ดังนั้น เวลาเราเอากีตาร์ไฟฟ้า จะมาเสียบเข้า Input ของ Mixer จึงต้องมี DI
DI ทำออกมาหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็น DI เฉยๆ DI ที่ Build-in Preamp หรือ Compresser มาด้วย เช่น Para EQ ของ LR Baggs หรือ เป็น DI with Multi Effect and Cabinet Simulator แบบ เจ้าถั่วแดง หรือ POD ครับ
หน้าที่อีกอย่างของ DI คือ เปลี่ยนสัญญาณ จาก Unbalance signal ให้เป็น Balance Signal ครับ โดย Balance จะมีความแรงของสํญญาณ มากกว่า และ Noise น้อยกว่าทำให้ เพิ่มระยะห่างระหว่าง กีตาร์ กับ Mixer ได้ หรือใช้สายสัญญาณยาวๆได้ โดยไม่ Drop นั่นเอง
กีตาร์โปร่งไฟฟ้าที่ติดตั้ง Pre Amp มา ตัว Pre Amp จะทำหน้าที่เป็น DI อยู่แล้วครับ ไม่ต้องหาอะไรมาเพิ่ม จิ้มเข้า Line ของ Mixer Console ได้เลย เว้นแต่ Pick up บางรุ่นที่ Pre Amp อยู่ที่ End Pin แต่เราต้องการจะ EQ มัน ก็หา EQ แบบ Para EQ มาต่อเพิ่มก่อนเข้า Mixer ได้ครับ
ถ้าต่อแบบที่คุณ katayoot ถามมาก็ไม่ต้องมี DI ครับ แต่มันจะ D หรือไม่ D ต้องลองเองครับ ถ้าให้เดาผมว่ามันน่าจะบวมๆ อู้ๆ เพราะมันไม่ได้ EQ

ส่วนอีกคำถาม อธิบายแบบนี้ครับ Amp กีตาร์ จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ Pre Amp และ Power Amp และ ลำโพง
Per Amp ทำหน้าที่ขาย และ EQ สัญญาณเล็กๆ ระดับ milivolt ที่ออกมาจาก Pick up ให้มีค่ามากขึ้น เพื่อให้เหมาะสำหรับ Input ของ Power Amp
ส่วน Power Amp ก็รับสัญญาน ที่ Pre Amp ขยายมา เอาไปขยายต่อให่เหมาะกับ ลำโพง
ลำโพง หรือ Speaker ก็ทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้า เป็นเสียงให้เราได้ยินกัน

ดังนั้น การต่อเข้า Input ของ Amp ก็คือ Input ของ Pre Amp
และ Return คือ Input ของ Power

ยังมีอีกคำนึงที่ไม่ได้ถาม แต่เป็นเรื่องเดียวกันคือ Send
Send คือ Output ของ Pre Amp ครับ

Quote:DI ทำหน้าที่สองอย่าง
1. เปลี่ยนสัญญาณ Hi impedance (ความต้านทานสูง) เป็น Low impidance (ความต้านทานต่ำ)
2. เปลี่ยนสัญญาณ Unbalance Level เป็น Balance Level


katayoot Wrote:
ผมใช้กีต้าร์โปร่ง ติด PU คาด Soundhole ของ L.R. Baggs รุ่น M1
ต่อผ่าน Boss CE-5 และต่อไปยัง Return หลัง Amp
ผมควรหา DI Box มาใช้เพิ่มเติมมั้ยครับ และมันจะช่วยด้านใดบ้าง

ไม่จำเป็นครับ CE-5 ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ Hi ให้เป็น Low แล้ว ต่อเข้า Retune ได้เลย



Quote:
อีกนิสส์ .. นึง��อิ ๆ���� การต่อกีต้าร์เข้า Input หน้า amp�� กับต่อ Return ต่างกันยังไงครับ

ต่างกันตรงช่อง input ของ Amp มีค่า Load impedance สูง
เหมาะกับการต่อจาก Guitar ครับ
ส่วนช่อง Retune จะมีค่า Load impedance ต่ำ
เหมาะกับการต่อ Effect ต่างๆ

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ได้แปลว่า Effect จะเอาไปต่อช่อง input ของ Amp แล้วเสียงไม่ดีนะครับ
หลักมันมีอยู่ว่า ต้นทางเป็น Hi impedance ช่องต่อไปที่จะต่อ ก็ต้องเป็น Hi impedance
แต่ถ้าต้นทางเป็น Low impedance ช่องต่อไปที่จะต่อ จะเป็น Hi หรือ Low ก็ได้ครับ

ทั้ง Low และ Hi ทั้งคู่ถ่ายทอดสัญญาณได้คุณภาพดีทั้งคู่ครับ
แต่จะ Hi หรือ Low ต้องใช้ให้ถูกอุปกรณ์และต่อถูกช่องเท่านั้นเองจ้า

ส่วน กีต้าร์ที่มี on board Preamp อันนี่สัญญาณจะเป็น Low impedance
แต่จะเป็น Balance หรือ unbalance อันนี้ขึ่นอยู่กับรุ่นครับ

ส่วน Piezo ก็มีทั้งชนิด Active และ Passive ถ้าเป็น Active ก็ Low impedance
ถ้าเป็น Passive ก็เป็น Hi impedance ครับ