O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1) +--- Forum: พูดคุยสนทนาทั่วไป (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=2) +--- Thread: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน (/showthread.php?tid=13574) |
RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - thepguitar - 04-07-2012 อาหารที่น้า sarun ทำคงจะต้องรสกลมกล่อมแน่นอน ผมรับรู้ได้จากเสียงกีตาร์ที่น้าบรรเลงออกมา RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - Hussdalton - 04-07-2012 มีคำตอบที่ผมใคร่รู้สองประการ ที่คาดหวังคำตอบและรอชมจากงานนี้ 1 boutique guitars นั้น เลิศกว่า Martin จริงหรือ ? 2 กีตาร์ราคากลางๆหรือแม้กระทั้งไทยทำ นั้นไม่มีทางเทียบ hi-end guitar ( boutique + Martin) ได้เลยจริงหรือ? สาย A จึงควรจับ boutique มาท้าชนมาร์ตินแบบเทียบน้ำหนัก(สเปคและราคา)แบบปอนด์ต่อปอนด์ ได้คำตอบอย่างไรก็ตามแต่ ให้เลือก boutique กับมาร์ติน ตัวที่เจ๋งสุดมาอย่างละตัว ไว้ชนกับสาย B ซึ่งก็คือกีตาร์มวยรองที่คัดเลือกเข้ามาถ้าชิงกีตาร์ hi-end ซึ่ง ไม่แน่เสมอไปว่าอาจมีเซอร์ไพรส์ RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - วันละเป๊ก - 04-07-2012 (04-07-2012, 21:00)Hussdalton Wrote: มีคำตอบที่ผมใคร่รู้สองประการ ที่คาดหวังคำตอบและรอชมจากงานนี้ เอา Huss & Dalton มาด้วยนะครับ RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - pood - 04-07-2012 ขอจับคู่รอบแรกจากกีต้าร์ที่มาร่วมรายการถึงวันนี้ครับ ตอนนี้ผมขอยืม Martin OM-18GE มาชนกับกีต้าร์ mahogany ในกลุ่ม B ก่อนนะครับ ถ้ามีคนส่ง mahogany group B เข้ามาก็จะย้ายไปอยู่กลุ่ม A ทันที เหตุผลที่จับคู่แบบนี้ก็เพราะต้องการให้กีต้าร์ที่ไม่ใช่ rosewood ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ตัวใด้ประลองกันเองก่อนเพราะมี character เสียงของไม้ชนิดเดียวกัน กรุณาส่งรายชื่อกีต้าร์ที่จะนำมาภายในวันที่ 19 นะครับ แล้วอย่าลืมจองที่ให้ตัวเองและครอบครัว (ถ้ามี) ด้วยเพราะทางร้านจะรับใด้ 35 ที่นั่งเท่านั้น ท่านที่ส่งรายชื่อมาแล้วถ้ายังไม่ใด้ลงเสป็คก็กรุณาลงด้วยครับเพราะผมจะใด้ลงรายละเอียดและความเป็นมาของกีต้าร์แต่ละรุ่นที่มาร่วมงานใด้ กีต้าร์ custom made บางตัวที่ลงไว้ใน gallery แล้วก็ยังไม่ใด้ลงสเป็คนะครับ อย่างเช่นไม่ใด้บอกว่ามันทำด้วยไม้อะไรเป็นต้น ผมจะลองบรรยายสรรพคุณของกีต้าร์ชุดแรกในกลุ่ม A เป็นตัวอย่างนะครับ กีต้าร์กลุ่มนี้เป็นกลุ่ม all solid spruce/mahogany ครับ ประกอบด้วย 1. Martin OM-18GE 1930 Golden Era Martin รุ่นนี้ทำเสป็คเดียวกับ 1930 OM-18 ซึ่งเป็น OM mahogany รุ่นแรกที่ผลิตครับ ไม้หน้าใช้ adirondack spruce ไม้หลังและไม้ข้างเป็น mahogany ใช้ scalloped bracing pattern ของเดิม มีจุดเด่นตรงที่ใช้ Waverly banjo tuners เหมือนที่เคยใช้ในปี 1930 (ใครที่ใด้ลองในวันงานต้องระวังเรื่องการตั้งสายด้วยนะครับเพราะ banjo tuner นั้นใช้ gear ratio 4:1 ไม่เหมือน tuner สมัยใหม่ที่ใช้ 16:1 หรือ 18:1) ผลิตปี 2003-2009, list price $4899 เสียงน่าจะ vintage สุดๆแล้วครับ มันคือ original sound ของ mahogany OM ส่วนคุณจะชอบหรือไม่ชอบนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 2. 2012 Guild F-30 Aragon AE Guild OM รุ่นนี้เป็นรุ่นเด่นของ Guild ยุคปัจจุบันครับ Guild เริ่มผลิต F-30 Aragon มาตั้งแต่ปี 1954 และเลิกผลิตไปในปี 2000 ต่อมาก็ผลิตรุ่น GAD30 (China) มาขายในปี 2005 ซึ่งกลายเป็นรุ่นที่ขายที่ที่สุด เมื่อทรงนี้มันกลายเป็นทรงที่ใด้รับความนิยม Guild USA ก็เลยอยากผลิตขายบ้างแต่มีปัญหาตรงที่ว่าจะกลับไปใช้สเป็ค original ก็ไม่ใด้เพราะ GAD30 ใช้อยู่ ถ้าทำออกมาแล้วเสียงไม่ดีกว่ามากมายแล้วใครจะซื้อในราคาที่สูงกว่าเกินสองเท่าล่ะครับเพราะหน้าตามันเหมือนกันเปี๊ยบ ดังนั้น Guild ก็เลยไปโขมย concept ของ Huss and Dalton โดยทำให้เป็นกีต้าร์ archtop ซะเลย การทำนั้นเขาเหลา bracing และ bridge เป็นรูปโค้งโดยใช้ radius 30 ft. (Huss and Dalton ใช้ radius 25 ft.) ซึ่งทำใด้โดยการใช้ CNC machine เท่านั้น เขาว่าไม้หน้าที่โค้งนี้ทำให้ย่านเสียงกลางเด่นขึ้นและ sustain ยาวขึ้นครับ นอกจากนี้ Guild ยังใช้ไม้หน้าเป็น adirondack spruce ด้วยส่วนไม้หลังก็เป็น mahogany เสียงของ Guild น่าจะแตกต่างกับ Martin OM-18GE อย่างสิ้นเชิงเพราะมันเป็น modern OM sound ซึ่งสมัยก่อนทำไม่ใด้ครับ สองรุ่นนี้สเป็คไม้เหมือนกันแต่ Guild ราคาตั้งแค่ $3300 ครับ 3. Breedlove Revival OM-M Custom Breedlove นั้นเขาขึ้นชื่อในการผลิตกีต้าร์ที่เสียงเป็นเอกลักษณ์เพราะระบบ bracing ของเขานั้นเขามีคานรับแรงดึงของ bridge (JLD bridge truss) แต่ในปี 2005 เขาก็ออก revival series ที่หันกลับไปใช้ bracing แบบ prewar Martin และเขาคุยว่าเสียงออกมาเหมือน Martin Golden Era แบบแยกไม่ออกเลยละ รุ่นนี้ไม้หน้าเป็น sitka spruce ราคาตั้ง $2529 เดี๋ยวเจอกับ Golden Era ของแท้ก็คงรู้ครับว่าเสียงเหมือนจริงหรือเปล่า นี่แค่สามตัวแรกนะครับ กีต้าร์แต่ละรุ่นนั้นมีความเป็นมาที่น่าสนใจทั้งสิ้น (แต่กีต้าร์จีนหรือกีต้าร์ไทยผมขอให้เจ้าของมาบรรยายเองนะครับ) งานนี้ขอเตือนไว้ก่อนว่าใครที่ชอบเสียงกีต้าร์ทรง OM ของตัวเองอยู่แล้วไม่ควรมานะครับ (เดี๋ยวกะลาจะแตก) RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - doyz - 04-07-2012 เป็นการประลองที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งเลยครับ RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - piggyprince - 05-07-2012 เยี่ยมไปเลย เห็นด้วยกับพี่Realครับ! วิธีWeighted Averageเป็นวิธีสากลที่ใช้กันแพร่หลาย เห็นด้วยว่ากรรมการควรได้สำผัสและลองเล่น ส่วนสัดส่วนกรรมการครึ่งหนึ่งและสมาชิกอีกครึ่งหนึ่งน่าจะเข้าท่าครับ เพราะกรรมการจะมีประสบการณ์ในเรื่องเสียงและplayabilityและภาพรวม ส่วนเพื่อนๆที่คัดมาแล้วให้เป็นตัวแทนฟังเสียงและได้ลอง ผมว่าแฟร์ดีครับ ปล. ข้าวเหนียวมะม่วงอีก1เสียงครับพี่Paco เรื่องนี้ใหญ่ที่สุด! แล้วพี่Pacoครับ กว่า บ ใบไม้ จะมาเนี่ยยยยยย เกือบเข้าใจว่าน้ากานต์ร้องเจี๊ยบบบแล้วคร้าบบ 555 RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - povation - 05-07-2012 ขอขอบคุณในทุกความเห็น ผมรับจะเป็นแม่งานจัดงานนี้ให้ท่านที่มาร่วมงานสนุกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอเวลา 1-2 วัน ผมจะสรุปรายการทั้งหมดว่า จะออกมารูปแบบใด กติกาใด ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้ช่วยในหลายๆด้านตามมา โปรดอดใจรอนะครับ RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - pood - 05-07-2012 PREVIEW "BATTLE OF THE MARQUESSES" กีต้าร์สาย A ชุดแรกที่จะมาประลองกันเป็น Martin Marquis ทั้งสามตัวครับ ศึกครั้งนี้จะเป็นการตอบคำถามโลกแตกที่ถามว่า "Martin รุ่นแพงเสียงดีกว่ารุ่นที่แพงน้อยกว่าจริงหรือ" คำถามนี้ Chris Martin เคยตอบแล้วว่า " The traditional Martin sound is represented by our 28 series, the more expensive series just have more decorations and prettier woods." Marquis นั้นเป็นอันดับของการผลิตแบบย้อนยุคอันดับที่สามรองลงมาจาก Authentic และ Golden Era ครับ อันดับแรกคือ Authentic นั้นเขาใช้วิธีผลิตเหมือนเมื่อแปดสิบปีก่อนทุกอย่างและใช้ช่างที่เงินเดือนแพงสุดหกคนทำ ส่วน Golden Era นั้นอยู่ในไลน์การผลิตปกติเพราะไม่ใด้ใช้ hide glue ถ้าเป็น series 28 ขึ้นไปก็ใช้ brazilian rosewood back and side มีการใช้เทคดนโลยี่ใหม่ที่ไม่มีในยุค 1930s ด้วยอย่างเช่น T fret bars และ adjustable truss rod เป็นต้น ส่วน Marquis นั้นก็ใช้ไม้หน้าเป็น adirondack spruce เหมือนรุ่นพี่แต่เปลี่ยนมาใช้ indian rosewood back and side เพรามันหาง่ายกว่าครับ ดังนั้นกีต้าร์สามตัวนี้เลยมีเสปคเดียวกันทั้งหมดนอกจากเครื่องประดับและเกรดไม้เท่านั้น (เรื่องการแบ่งเกรดไม้ของ Martin อ่านใด้ที่นี้ ครับ http://theunofficialmartinguitarforum.yuku.com/topic/5308/Martin-Wood-Grades-Martin-Laminates ) 1. 2011 Martin OM-28 Marquis รุ่นนี้เป็นรุ่นมาตรฐานครับ ราคาตั้ง $5299 2. 2000 Martin OM-42 Custom Marquis specs. รุ่นนี้เป็นรุ่นที่สั่งทำโดย Mars Music ในปี 2000 โดยปรกาศว่าจะสั่งทำแค่ 50 ตัวเท่านั้น สเป็คดีขึ้นมาหน่อยเพราะใช้ Waverly Tuners มาแทน Gotoh ราคาตั้งไม่มีเพราะไม่ใช่รุ่นทั่วไป รุ่นนี้มียอดผลิตจริงแค่ 30 ตัวครับเพราะขายใด้แค่นั้นเอง http://theunofficialmartinguitarforum.yuku.com/topic/134144 3. 2003 Martin OM-45 Marquis รุ่นนี้เป็นรุ่นแพงสุดของ Martin OMs ในตอนนี้เพราะรุ่น Golden Era นั้นเลิกผลิตไปแล้ว ราคาตั้งอยู่ที่ $12,999 ครับ หมายเหตุ....Marquis นั้นเป็นตำแหน่งขุนนางครับ ในภาษาฝรั่งเศษออกเสียงว่า "มักขี้" ส่วนภาษาอังกฤษออกเสียงใด้สองอย่างคือ "มาคี" และ "มาควิส" สามตัวนี้โครงสร้างและขั้นตอนการผลิตเหมือนกัน 100% ความแตกต่างอยู่ที่เครื่องประดับ เกรดไม้และอายุเท่านั้นครับ RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - piggyprince - 05-07-2012 สุดยอดเลยครับพี่ปู๊ด ขอบคุณที่ช่วยหาข้อมูลดีๆมาฝากกัน อย่างนี้เจ้ามะขวิด 28 ของผมก็เด็กสุดในสามตัวนี้เลยน่ะสิ อิๆๆๆ ผมมีคำตอบในใจละว่าตัวไหนจะชนะเข้ารอบต่อไป แต่ก็อยากลุ้นกับผลจริงๆครับว่าจะเป็นอย่างที่ใครๆเค้าว่ากันจริงหรือเปล่า แต่ในไอเดียผมนะ ผมเคยเล่นทั้งสามตัว และก็คงต้องบอกได้เลยว่าโทนใกล้กันมากๆครับ จะสัมผัสได้ชัดเจนเมื่อเล่นทุกตัว และมะขวิดของผมน่าจะอยู่ในอันดับที่3 ในความรู้สึกผมนะครับที่เคยได้ลองมาจริงๆ ไม่ได้จะมาBluffกันแต่อย่างใด แต่ด้วยความสัตย์จริงที่เคยได้ลองมาทั้ง3ตัว ผมขอ Ranking ในมุมมองส่วนตัวของผมดังนี้ 1. OM-45 Marquis 2. OM-42 Marquis Custom Specs 3. OM-28 Marquis เจ้าน้องมะขวิดของผม บอกตามตรงว่าที่1กับที่2 ผมยังไม่เคยนั่งเล่นเทียบกัน Side by Side แต่ 1กับ3 และ 2กับ3 ผมเคยได้ลองมาแล้วครับ และก็อีกนั่นแหละครับ เวลาก็มีผลมากเหมือนกันเรื่องไม้ที่แห้ง กีต้าร์ผมปี 2011ครับ ส่วน OM-45 น่าจะปี 2003 และ OM-42 Custom Marquis น่าจะตามที่ปู๊ดว่าปี 2000 ทั้งสามตัวออกกันคนละปี อาจจะมีผลพอสมควรเพราะโดยประสบการณ์ที่ไม่ได้เยอะมากของผม ผมได้D-18GEมาสภาพดีและมีร่องรอยการเล่นมามาก บอกได้เลยว่าเสียงเปิดมากกว่าตัว OM-28 Marquis อย่างแน่นอนครับเพราะเล่นน้อยมาก น่าตื่นเต้นมากๆครับ อยากรู้จังว่าถ้าเสียงมันต่างกัน มันต่างเพราะอะไร อย่างไร 1. เสียงดีกว่า เพราะเกรดไม้ที่ดีกว่า 2. เสียงดีกว่า เพราะปีที่เก่ากว่า ทำให้เสียงเปิดกว่า 3. เสียงดีกว่า เพราะกีต้าร์เล่นมากกว่า การสะท้อนของเสียงดีกว่า เปิดกว่า 4. การเก็บรักษา ความชื้น อุณหภูมิ ใส่กล่อง อยู่นอกกล่อง บลาบลาบลา.. 5. หรือสุดท้าย ไม่ต่าง!! ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ RE: O Meeting อมยิ้มกันทั้งวัน - SARUN - 05-07-2012 (05-07-2012, 16:43)piggyprince Wrote: 3. เสียงดีกว่า เพราะกีต้าร์เล่นมากกว่า การสะท้อนของเสียงดีกว่า เปิดกว่า ช่วงเดือนนี้ รับจ้างเบิร์น กีตาร์ ดีกว่า!!! "บริการ เล่นกีตาร์ก่อนเข้าประลอง แทนเจ้าของที่ไม่ค่อยมีเวลา เพื่อทำให้สายสั่นสะเทือน จนทำให้ ส่วนต่างๆ ของกีตาร์สั่นสะเทือน ทำให้ ข้อต่อ ส่วนจับยึด กาว ฯลฯ เข้าที่ เพื่อร่นระยะเวลาเสียงเปิด ให้มาเร็วขึ้น" |