ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1) +--- Forum: พูดคุยสนทนาทั่วไป (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=2) +--- Thread: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร (/showthread.php?tid=11812) |
RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - Webmaster - 26-10-2011 (26-10-2011, 16:05)นริศ วงษ์เวช Wrote:(26-10-2011, 15:51)povation Wrote: แหมโพสต์พร้อมกันกับน้องนริศ เลย อย่างนี้เรียกว่า ทางเดินโปรยไปด้วยกล่องกีต้าร์ RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - Tai Labour - 26-10-2011 (26-10-2011, 16:51)Webmaster Wrote:(26-10-2011, 16:05)นริศ วงษ์เวช Wrote:(26-10-2011, 15:51)povation Wrote: แหมโพสต์พร้อมกันกับน้องนริศ เลย อ้าว...มีแต่กล่องเหรอ ตัวกีต้าร์ล่ะ!!!??? โหย..น้าเว็บฯพูดงี้ดูถูกพี่โนบิชัดๆ ซื้อให้เข็ดเลยพี่........อิ อิ เสี้ยมมมมม! RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - nit gt - 26-10-2011 ธรรมะคือธรรมชาติ นี่คือธรรมะ เราต้องเข้า ใจ RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - napman - 27-10-2011 1.ทุกจังหวัดต้องขุดคลองระบายน้ำ ความลึกต้องไม่ต่ำกว่า 20 เมตร กว้างไม่ต่ำกว่า 100 เมตร ยิ่งขุดมากยิ่งดี 2.วางผังทางเดินของน้ำใหม่ทุกจังหวัดให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกันให้ได้ทุกจังหวัด เพื่อรองรับน้ำจำนวนมหาศาล ที่อาจจะมากกว่าปีนี้อีกหลายเท่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงที่ผ่านมาคือแม้ใช้หลักวิชาการอย่างไร ก็แก้ไขได้ยาก ไม่บรรลุตามเป้าหมาย เพราะ แก้ไขแบบไม่อิงความจริง ปัญหาความขัดแย้งของคนและทำงานไม่สอดคล้องกัน (ไปคนละทิศละทางซะมากกว่า) 3.ปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ปลูกอยู่เรื่อยๆ I?ve been thinking about chime in my opinions but kind of reluctant because I haven?t been living in Thailand as Thai residence for the last 40 years. So may be some people will say that I don?t know what I?m talking about. After re- read Pov?s ideas few times I finally gave in and just want to COMMENT about this matter too. I do very much agree with the canal and tree ideas. I had spent my first 24 years of my life mainly in Bangkok and mostly at Ladpraw while I attended the closed by school (Panabhan, which is no longer existed). Our home was at Ladpraw Soi 3rd , now became Ladpraw Soi 30th. And that means they had sub-divided the 3 Sois into 30 Sois during the 30-40 years period!! At that time there were canals running along both sides of Ladpraw road started at Phaholayothin and kept going to Klong Jan and beyond and also most of the canals at those Soi roads too. As I recalled there were plenty of canals all over Bangkok wherever I went. And there were so many trees that shaded us from the sun too. Very much less cars on the roads and nobody needed to turn the air-condition in the car, and very seldom if any house would have air-condition unit installed. Now fast forwarded to around 1993, I went back to Thailand for the first time in almost 20 years of not being there. I could feel the heat at the moment I stepped out of the airport. Every car must turned on the air-condition and looked like every house had the air-condition turn on almost all the time. It was almost not breathable to walk along the traffic jammed road?s sidewalk. I was wondering how many people would die from any kind of lung diseases in the near future. I went to my last residence at Ladpraw Soi 3rd (30th) and I didn?t see any canal at all along Ladpraw road, all I could see were the commercial building and whatever people can put it up for their survivals. No more canal at those Soi roads Everything looked so dry and dusty and hot! They just simply filled up those canals and built some kind of construction to make their personal financial gain. I won?t talk about the other provinces because I didn?t really stay at any other place besides Bangkok long enough to judge them. But I still recalled how lush and green the forests were when my dad frequently took me out in the woods whenever he could. I?ve heard so many stories about deforestation that happened in all over Thailand with their self-profit gain from the individuals and also from the Army and Government workers themselves. After so many years of assaulting and raping the land, we are all paying the prices of our own greediness and foolishness big time. It seemed like rich people are getting richer while the poor people are getting poorer and struggling to survive for each and everyday. Now we (rich or poor) are effected by this unprecedented phenomenal flood and if no one do anything to revert it then it will happen again and again and even worse in the very near future. As far as I recalled, our beloved king always tries his best to convince Thai people about these matter but it seemed to me like his advices went from right ear and passed out by left ear. And it?s the matter of ?when? not ?if? that someday he will pass on like the other kings. And when that happens I think Thailand will become another ?Running chicken without head?. I just hope that Thai people will come to senses and start to do at least the first 3 things that Pov mention or else we will all doomed in our present generation, left alone the next generation to come. RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - Katayoot - 27-10-2011 ปลูกต้นไม้เพิ่มเป็นวาระแห่งชาติ (ไม่ใช่ปล่อยเป็นหน้าที่ของนายทุนกลุ่มพลังงานทำกันโครม ๆ เพื่อกลบกระแสด้านการก่อมลพิษ) เอาจริงเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า ย้ายเมืองหลวง ศึกษาเรื่องผังเมือง ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยาให้ดี (รู้ว่ายาก แต่เค้าทำกันบ่อย ๆ ) เพราะสุดท้ายเราไม่สามารถท้าทายอำนาจธรรมชาติได้ครับ RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - rasun - 27-10-2011 1. ระดับครัวเรือน - ถ้าสร้างบ้านใหม่ให้ทำใต้ถุนสูง หลังคาเป็นดาษฟ้า - วางระบบไฟฟ้าให้สามารถตัดไฟชั้นล่างได้โดยไม่ดับทั้งบ้าน ปลั๊กไฟอยู่สูง - บ้านชั้นเดียวให้ทำเพดานสูงๆ ยกพื้นสูง - สร้างห้องน้ำชั้นบนทุกบ้าน - บ้านที่ยกไม่ได้แล้วควรหาวิธีกันน้ำที่จะติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว เช่นตึกแถวบางที่จะก่อทำนบไว้ถาวรเลยโดยเว้นทางเข้าไว้ (เรื่องสวย/ไม่สวย ออกแบบกันได้) พอจะกันน้ำก็เอาไม้กระดานที่เตรียมไว้มาเสียบลงไป อัดดินน้ำมันหน่อยก็อยู่แล้ว อย่าลืมอุดท่อระบายน้ำ จุดต่ำสุดทำเป็นหลุมไว้วางป๊มพ์น้ำดูดน้ำที่ซึมเข้ามา - มีเรือทุกบ้าน หรือแพก็ยังดี - ทำที่จอดรถให้สูงหน่อย หรือถ้าพอมีทุนก็ทำที่จอดรถแบบลอยน้ำได้ เช่่นใช้ทุ่นลอย (http://www.air.in.th/Image/paptun10.jpg ) ตกตรม.ละหมื่นนิดๆ รถ 1 คัน ใช้ 10 ตรม. แสนกว่าบาท จอด coroolla คันละร่วมล้านผมว่าคุ้มนะครับ - ถ้าเปลี่ยนรถใหม่ใหเลือกที่ใช้เครื่องดีเซล ยิ่งยกสูงด้วยก็ยิ่งดี - มีถังสำรองน้ำทุกบ้าน ตรงนี้จะมีประโยชน์ในกรณีน้ำประปาหยุดไหลด้วย และถ้ามีน้ำประปาไว้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำดืมเพราะใช้ต้มเอาได้ - เริ่มเตรียมซื้อข้าวซื้อของเก็บข้าวของตั้งแต่ปลายฤดูฝน อย่ารอจนน้ำเริ่มท่วมเพราะคนจะแย่งกันซื้อของจะหมด - สั่งแก๊สมาสำรองไว้อีก 1 ถัง - หยูกยา - เตรียมตัวรับ "worst case" ไว้ก่อน เตรียมเก้อดีกว่าจมน้ำ 2. ระดับชุมชน - เตรียมที่หลบภัยฉุกเฉินของแต่ละชุมชน ที่ๆน่าจะเหมาะก็คือโรงเรียนและวัด - ยกศาลาการเปรียญของทุกวัดให้สูงพอที่จะใช้เป็นที่อพยพของชาวบ้านในแต่ละชุมชนได้ - อุปกรณ์ใหม่ที่อภปร.ต้องมีคือเรือท้องแบนติดเครื่อง 3. ระดับชาติ - ตึกที่จะสร้างใหม่โดยเฉพาะของทางราชการไม่ว่าจะกี่สิบชั้นก็ตามให้ออกแบบให้ชั้น ground โล่ง ตอนน้ำไม่ท่วมก็ยังใช้เป็นลานเอนกประสงค์ได้ - ถนนหลักทุกสายควรสูงพ้นน้ำ (ตามสถิติของพื้นที่นั้น) เพราะถ้าถนนไม่ท่วมซะอย่างการให้ความช่วยเหลือจะง่ายขึ้นมาก ส่วนถนนสายไหนจะให้น้ำผ่านได้ สายไหนจะใช้เป็นคันกั้นน้ำด้วยก็แล้วแต่แผน - สังคายนาระบบระบายน้ำ ทั้งระดับภาคและระดับเมือง จะลอกท่อ ขุดลอกคลอง ขุดขยายคลอง ขุดคลองใหม่ รีบจัดการเสียตั้งแต่น้ำลด ไม่ใช่มาเร่งขุดเอาตอนน้ำกำลังท่วม หลังน้ำลดคนตกงานมีเยอะแยะแรงงานเหลือเฟือ - ที่นาที่ท่วมซ้ำซากให้เวนคืนสร้างอ่างเก็บน้ำ หน้าน้ำใช้เป็นแก้มลิง น้ำลดเก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง โดยให้ราคาให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย - นาล่ม: ชาวนาเองต้องวางแผนให้ดีว่าจะเก็บเกี่ยวทันน้ำท่วมหรือไม่ รัฐอาจช่วยให้ข้อมูล อาจจัดให้มีการซื้อประกันนาล่ม ที่นาที่เสี่ยงมากค่าประกันก็จะแพงมากจนไม่คุ้มที่จะทำ - บังคับ condo ที่จะสร้างใหม่ต้องมีที่จอดรถให้เพียงพอ อย่างน้อยเท่าจำนวนห้อง และหาวิธีควบคุมรถอื่นมั่วเข้ามาจอดกันเอาเอง - ทำกทม.ให้เป็น Amsterdam: เรื่องใหญ่ แต่ทำได้โดยเฉพาะขีดวงให้แคบหน่อย - ส่งเสริมเอกชนให้ทำบ้านลอยน้ำที่ไม่แพงและ practical หรือแม้กระทั่งรถลอยน้ำ (amphibious vehicles) ที่ใช้ได้จริง ไม่ซับซ้อนเกินไป และจดทะเบียนได้ เอกชนอย่างไทยรุ่งน่าจะทำได้ รถลอยน้ำมีมานานมากแล้วและรุ่นใหม่ๆในต่างปท.ก็เว่อร์มากและก็คงแพงมาก RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - povation - 27-10-2011 บรรยาจนเห็นเป็นภาพเลยครับคุณหมอพระอาทิตย์ขึ้นรา ผมทนายแต่ขอทำนายไว้เลยว่า หากไม่รีบ เปลี่ยนแปลงและ แก้ไขข้อบกพร่องของวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เชื่อแน่ว่า สามัคคีธาราจะมาเยือนอีกทั้งประเทศ ไม่ปีหน้าก็ปีต่อๆไป......แล้วจะหาว่าเต่าไม่เตือน RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - karn - 27-10-2011 (27-10-2011, 07:34)Katayoot Wrote: ปลูกต้นไม้เพิ่มเป็นวาระแห่งชาติ (ไม่ใช่ปล่อยเป็นหน้าที่ของนายทุนกลุ่มพลังงานทำกันโครม ๆ เพื่อกลบกระแสด้านการก่อมลพิษ) กุ้งหรือน้องโน๊ตเนี่ย....อย่าเอาล็อกอินของพ่อมาเล่นนะจ๊ะ RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - Katayoot - 27-10-2011 ยั๊ยยยย..... :p เค้าเองแหล่ะ ตัวจริง... RE: ปี 2555 จะป้องกันภัยธรรมชาติกันอย่างไร - rasun - 28-10-2011 น่าจะทำเรือพายสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกได้ง่ายๆ โดยเอาล้อ wheelchair มาติดเป็นล้อหลัง แล้วเอาล้อรถเข็นของที่เลี้ยวได้ มาติดเป็นล้อหน้า เวลาอยู่บนบกหรือยู่ตรงน้ำตื้นๆคนนั่งหลังก็ปั่นล้อแบบคนป่วยที่เดินไม่ได้ปั่น wheelchair ซึ่งจะบังคับเลี้ยวได้ด้วย พอน้ำลึกพอสมควรก็พายงัดๆ! |