1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1) +--- Forum: พูดคุยสนทนาทั่วไป (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=2) +--- Thread: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ (/showthread.php?tid=16642) |
RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - rasun - 19-07-2013 ระหว่างความร้อนกับความชื้นอันไหนน่ากลัวกว่ากันครับ ผมไม่ได้เปิดแอร์ให้กีต้าร์อยู่แต่เปิดเครื่องดูดความชื้น ลมที่ออกมาจะมีความชื้นน้อยแต่ร้อนกว่าอุณหภูมิห้องเพราะไอน้ำคายความร้อนแฝงออกมาตอนกลั่นตัวเป็นน้ำ (กีต้าร์อยู่ในกล่อง) ปล. เห็นคลังแสงของน้า Pood แล้วผมสบายใจขึ้นครับ RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - gman - 19-07-2013 ถ้าไม่ได้ร้อนจนมีผลต่อกาว(ซึ่งน่าจะประมาณ 60 องศา C ขึ้นไป) ผมคิดว่าความชื้นน่าระวังกว่าครับ RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - pood - 19-07-2013 สำหรับกีตาร์แล้วความชื้นน่ากลัวกว่าความร้อนครับ อุณหภูมินั้นมีผลต่อการยืดหดตัวของไม้น้อยมากและถ้าไม่เอากีตาร์ไปตากแดดก็คงไม่มีผลที่จะทำให้กาวละลายใด้ครับ http://www.ehow.com/how-does_4742977_wood-expand-contract.html ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้กีตาร์พังคือ "ความชื้น" ครับ เรื่่องนี้เป็นเรื่องที่มีคนเข้าใจผิดๆมากที่สุดจนผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายยังไงดีแต่วันนี้จะพยายามอธิบายแบบง่ายๆดูเป็นครั้งแรกครับ คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงความชื้นในอากาศก็มักเข้าใจว่ามันคือความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity) ความจริงแลวตัวเลขความชื้นสัมพัทธ์ (RH) มันมีผลกับความรู้สึกของคนแต่ไม่มีผลกับกีตาร์เลยครับ ลองดูตัวเลขข้างล่างครับ http://www.usa.com/rank/alaska-state--average-humidity--county-rank.htm http://www.weather-and-climate.com/average-monthly-Rainfall-Temperature-Sunshine,Bangkok,Thailand ในกราฟข้างบนผมลงเทียบความชื้นเฉลี่ยในกรุงเทพฯกับ Alaska ให้ดู จะเห็นใด้ว่าเมืองส่วนใหญ่ใน Alaska มี RH เฉลี่ยเกิน 80% แต่กรุงเทพมี RH น้อยกว่า 80% แต่ทำไมกีตาร์ในอาลาสก้าถึงมีแต่หดไมมีบวมซักตัว ความชื้นที่มีผลกับกีตาร์คือ specific humidity หรือ mixing ratio ครับ มันคือตัวเลขที่บอกถึงปริมาณไอน้ำในอากาศโดยมีหน่วยเป็น กรัมต่อกิโลกรัม ที่จุด dew point (RH = 100%) ปริมาณไอน้ำในอากาศจะมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิดังนี้ พอมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งเริ่มงงนะครับ ผมจะพยายามอธิบายแบบง่ายๆว่าทำไมกีตาร์ในอาลาสก้าถึงใด้หดแต่ในเมืองไทยถึงใด้บวมทั้งๆที่มีความชื้นสัมพัทธ์ใกล้เคียงกัน ตัวเลข RH นั้นเป็นตัวเลขของอากาศภายนอกครับ ในอาลาสก้าอากาศภายนอกมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 20 องศา F ซึ่งคนคงอยู่ไม่ไหวก็เลยต้องเอา heater มาเพิ่มอุณหภูมิให้เป็น 70 องศา การเพิ่มอุณหภูมินั้นถ้าไม่ใด้เติมน้ำเพิ่มก็จะทำให้ RH ลดลงครับ RH = 80%, Temp. = 20F, Mixing ratio = 2 g/kg Mass of water vapor per KG = 2x0.8 = 1.6 gram ที่อุณหภูมิ 70 องศา F ปริมาณไอน้ำที่ 100% RH = 15 gram ดังนั้น new RH = 1.6/15 = 10.7% ซึ่งรับรองใด้ว่ากีตาร์ท้องยุบและไม้หน้าแตกแน่นอนถ้าไม่มีการเติมไอน้ำเพิ่ม ส่วนในกรุงเทพฯนั้นเป็นเรื่องตรงกันข้าม ถ้าอุณหภูมิข้างนอกอยู่ที่ 95องศา F และ RH = 80% จะมีปริมาณไอน้ำอยู่ที่ 35x0.8 = 28 g/kg ถ้าเราเปิดแอร์ให้อุณหภูมิลดเหลือ 70 องศา จุดอิ่มตัวของไอน้ำจะอยู่ที่ 15 g/kg ดังนั้นไอน้ำในอากาศจะกลายเป็นหยดน้ำและหายไปเกือบครึ่งจาก 28 g/kg เหลือ 15 g/kg ซึ่งก็เท่ากับว่าการขยายตัวของไม้จากการดูดซับไอน้ำจะลดไปเกือบครึ่งด้วยครับทั้งๆที่ RH = 100% ผมเห็นมีหลายคนแนะนำให้ไปซื้อเครื่องวัดความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้กีตาร์บวม ผมก็สงสัยเหมือนกันว่ามันป้องกันใด้ยังไง จำใว้แค่ว่ากีตาร์ที่อยู่ห้องแอร์มันไม่บวมแน่นอนก็พอครับ อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความเชื่อแบบไม่ค่อยมีเหตุผลคือเรื่องวัสดุดูดความชื้นพวก silica gel เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อครับ RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - เม็ดพริก - 19-07-2013 ขอบคุณน้า poodมากๆครับ ตอนี้ผมใส่ตัวดูดความชื้นอยู่พอดี และรู้สึกว่ามันไม่เวอร์ค แต่ไม่รู้ทำมัย ผมรอฟังคำเฉลยจากน้าpoodนะครับ RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - bossy - 20-07-2013 รอติดตามด้วยคนครับ เรื่องความชื้น RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - povation - 20-07-2013 กีตาร์ชื้น น่ากลัวมาก ถ้ารู้จักป้องกัน จะทำให้ ใจชื้น ผมว่าดีนะ RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - pood - 20-07-2013 Silica gel ก็คือเมล็ดทรายที่มีรูพรุนครับ มันสามารถดูดไอน้ำใด้ถึง 40% ของน้ำหนักตัวมันเองและจะหยุดทำงานเมื่อ RH = 40% มันเป็นวัสดุสังเคราะห์มหัศจรรย์ที่มีประโยขน์มากมายที่ใช้กันตั้งแต่ซองกันชื้นซองเล็กๆจนถึงแผ่นใหญ่ๆในระบบปรับอากาศขนาดใหญ่เพื่อลดอุณหภูมิของ make-up air การคำนวณว่าต้องใช้ silca gel กี่กรัมในกล่องกีตาร์นั้นทำใด้ง่ายๆครับแต่ทำไปก็ผิดเพราะเราไม่รู้ว่ากล่องกีตาร์ของเรามันรั่วมากแค่ไหน มันก็เหมือนกับการวิดน้ำในเรือรั่วครับ หยุดวิดเมื่อไหร่ไม่ช้าก็เร็วเรือก็จม การใช้ silica gel กับกีตาร์ที่คุณเปิดกล่องมาเล่นทุกวันนั้นไม่ค่อยจะใด้ผลหรอกครับ สำหรับคนที่เก็บกีตาร์เฉยๆโดยไม่ค่อยจะเปิดกล่องนั้นก็ใด้ผลบ้าง ผมซื้อ silica gel เป็นกิโลแล้วเอามาใส่ถุงเองแต่คุณจะซื้อที่เขาบรรจุถุงให้แล้วก็ใด้ พวกถุงขนาดเล็กที่เขาใส่กล่องมาตอนขนส่งนี่ลืมไปใด้เลยครับ ผมแนะนำถุงขนาด 200 กรัมราคากิโลละ 175 บาท http://www.powerdry.co.th/Select_Product.php เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ ตอนนี้ต้องออกไปข้างนอกก่อน RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - pood - 20-07-2013 ชนิดและคุณภาพของกล่องก็เป็นตัวกำหนดว่ากล่องของคุณมันรั่วแค่ไหน กล่องที่รั่วน้อยสุดคือกล่องไฟเบอร์ที่มีคิ้วอาลูมีเนี่ยมตรงฝาปิดแต่ถ้าเป็นกล่องจากจีนราคาสองพันกว่าบาทมักหล่อมาไม่ดีและพอเก่าก็เริ่มบิดเบี้ยวทำให้ปิดไม่สนิทครับ กล่องที่รั่วน้อยเหมือนกันคือกล่อง semi-hard case ที่เป็นแบบฝารูดซิป ส่วนกล่องไม้นั้นรั่วมากสุดครับ ก่อนจะใส่ silica gel ในกล่องต้องไล่ความชื้นในกล่องก่อนโดยใช่ที่เป่าผมเป่าครับ ตอนหยิบกีตาร์ออกมาเล่นก็ควรปิดกล่องใว้ ถ้าเก็บใว้โดยไม่เปิด silica gel 200 กรัมจะอยู่ใด้ 10-20 วันก่อนที่จะต้องเอามาไล่น้ำออกครับ Silica gel นั้นมีทั้งชนิดสีและชนิดขาว ชนิดสีจะเปลี่ยนสีจากสีน้ำเงินเป็นสีม่วงเมื่อหมดสภาพ ผมแนะนำให้ใช้แบบผสมเพราะราคาถูกลงเยอะและบอกสภาพใด้เหมือนกัน Silica gel นั้นไม่มีการเสื่อมสภาพเพราะมันคือเมล็ดทรายแต่สีที่เคลือบจะค่อยๆจางลงไปตามอายุ ถ้าสีจางก็ใช้วิธีชั่งน้ำหนักใด้ครับ อย่าง silica gel ถุง 200 กรัมเมื่อดูดน้ำเต็มจะหนัก 280 กรัมเป็นต้น วิธีการไล่ความชื้นนั้นผมใช้การอบในเตาที่ 120 องศา C เป็นเวลาสามชั่วโมงแต่จะใช้วิธีอื่นก็ใด้ครับ ถ้าต้องทิ้งกีตาร์ใว้เป็นเดือนผมแนะนำให้ใส่ silica gel แล้วใช้ถุงขยะขนาดใหญ่ใส่กล่องกีตาร์เพื่อไม่ให้ความชื้นในอากาศด้านนอกถ่ายเทเข้าไปใด้ครับ ถ้าคุณมีกีตาร์เป็นร้อยตัวก็ควรใช้การเปิดแอร์หรือใช้เครื่องไล่ความชื้นในห้องเก็บกีตาร์ครับเพราะคุณคงไม่มีเวลามาเปลี่ยนถุง silica gel หรอก RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - bossy - 22-07-2013 สรุปว่าซิลิก้าเจลซองเล็กๆ (จากซองขนม,ซองที่แถมมากับพวกกล้อง,ซองที่อยู่ในลังกระดาษถ่ายเอกสาร) มันไม่ได้มีประโยชน์เลยใช่มั้ยครับ เพราะทุกวันก็เอามาใส่กีตาร์อยู่ (มีผลทางใจ) มันต้องใช้ในปริมาณเยอะและต้องเปลี่ยนหรือไล่ความชื้นบ่อยๆ ใช่มั้ยครับ ผมเข้าใจผิดมานานนม......ขอบคุณน้ากฤษณ์ครับ RE: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ - gunkub - 25-07-2013 ขอโทษมากๆเลยครับ มาตั้งกระทู้ทิ้งไว้แต่หายไปเลย พอดีช่วงนี้ผมยุ่งครับ T T (18-07-2013, 02:27)Katayoot Wrote: 1. คำถามน้ากว้างมากตอนนี้ที่ใช้อยู่คือ LAG ครับรุ่น T200JCE เรื่องงบ ผมอยากยันไว้ที่ ครึ่งแสนครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกีตาร์ด้วยครับ ^^ (18-07-2013, 10:38)pood Wrote: ผมหลงรัก Taylor มาตั้งแต่เด็กแล้วครับ สมัยเด็กนั้นชอบเพราะความสวย สมัยนี้ชอบเพราะความน่ารักผมก็ชอบ Taylor นะครับถ้างั้น 555555 (18-07-2013, 14:35)pood Wrote: ความจริงแล้วน้ากะทะทราบดีว่าสมัยก่อนผมเคยขายกีตาร์ Taylor ทิ้งจนหมดบ้านเพราะไม่พอใจกับระบบ ES ของมัน ตอนนี้เริ่มกลับมาซื้อใหม่ (เฉพาะรุ่นที่ไม่มี ES) แต่ก็ยังไม่ใช่กีตาร์ยี่ห้อที่ผมหลงรักครับ (18-07-2013, 21:39)pood Wrote: ถ้าจะเริ่มซื้อกีตาร์มาเก็บหลายๆตัวอย่างผมก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลมันด้วยนะครับ อย่างกีตาร์ของผมนี่ผมเปลี่ยนสายปีละครั้งซึ่งก็หมายความว่าผมต้องเปลี่ยนสายสามตัวทุกอาทิตย์และต้องใช้สายเคลือบเท่านั้นขอบคุณมากครับน้า เห็น stock น้าแล้วผมก็อึ้งไปเลยมีเยอะกว่าที่ผมมโนไว้อีก เรื่องสายผมใช้สายเคลือบเหมือนกันครับ เพราะไม่อยากเปลี่ยนบ่อย ได้ฟังน้าพูดแล้วเห็นภาพชัดขึ้นเยอะครับ ขอบคุณมาก ปล.คลังแสงของน้านี่อยาก ระบายของออกมามั่งไหมครับจะเข้าไปจองเป็นคนแรกๆเลยครับ (18-07-2013, 22:01)povation Wrote: สำหรับการเก็บรักษากีตาร์ของผม เหมือนกับของพี่ pood ตรงที่ขอบคุณมากครับน้าป้อ เรื่องความชื้นขอติดตามด้วยคนครับ อยากรู้มากเหมือนกันเรื่องนี้ ขอบคุณน้าๆทุกคนที่อุส่าเข้ามาตอบครับผม |