(15-03-2010, 17:18)pood Wrote: เรื่องเสียงกีต้าร์นี่ความจริงเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ปนกับความเชื่อและตำนานครับแต่ถ้าให้คุณหลับตาฟังมันก็กลายเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ล้วนๆ

เสียงคือคลื่นความถี่ (compression wave) ในช่วงที่หูคนเรารับใด้ ถ้าเป็นเสียงของ tuning fork มันก็มีอยู่ความถี่เดียวคือ fundamental frequency หรือ first harmonic เท่านั้น ถ้าเป็นสายกีต้าร์มันก็มีหลายความถี่เพราะมันสั่นแบบนี้ครับเวลาโดนดีด



รูปข้างบนเป็นกีต้าร์สายเปล่าสายเดียวนะครับ ถ้าเป็นหกสายความถี่เริ่มยุ่งขึ้นอีกเยอะ



เสียงที่เราใด้ยินจากกีต้าร์ถ้าว่าตามหลักการน่าจะเป็นเสียงจากสายกีต้าร์ที่ใด้รับการขยายจาก body ให้ดังขึ้นแต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะ body มันก็ไม่ใด้ขยายสัญญาณอย่างเดียวแต่ยังมีของแถมคือ harmonics ที่เกิดจาก natural frequencies ของไม้ด้วย ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ก็กูเกิ้ลเอาเองนะครับเพราะผมก็รู้ไม่จริงหรอก

การพยายามอธิบายเสียงกีต้าร์ด้วยตัวอักษรนั้นมันมีขีดจำกัดเยอะมากครับเหมือนกับการพยายามบรรยายว่าผู้หญิงสวยแค่ไหนนั่นแหละ เท่าที่ผมพออธิบายแบบกล้อมแกล้มใด้ก็มีไม่กี่อย่างอาทิเช่น

รายละเอียดของเสียง

ถ้าเป็นกีต้าร์ยี่ห้อเดียวกันรุ่นแพงจะให้รายละเอียดของเสียงมากกว่ารุ่นถูก มันก็คล้ายกับหวีที่มีซี่ละเอียดกับหวีซี่ห่างครับ รุ่นแพงเสียงจะละเอียดกว่า



หางเสียง

เรื่องหางเสียงนี่เป็นเรื่องของการออกแบบครับ กีต้าร์ยิ่งหางเสียงยาวอย่าง Lowden นี่หลายคนบอกว่าเล่นเพลงบรรเลงช้าๆเพราะมากแต่พวกหางเสียงสั้นอย่าง Gibson นี่ตีคอร์ดเพราะกว่า

เสียงพุ่ง เสียงจม

อันนี้ก็แยกใด้ชัดเจนเหมือนกัน เวลาลองกีต้าร์ไม่ควรลองคนเดียวนะครับเพราะคนเล่นกับคนฟังมักใด้ยินไม่เหมือนกัน อย่างเรื่องเสียงพุ่งหรือจมนี่คนเล่นไม่ใด้ยินหรอกครับ

เสียงอั้น

กีต้าร์ที่ราคาถูกมักมี dynamic ไม่สูงครับ ลองตีคอร์ดดูจะเห็นใด้ว่าเสียงมันเริ่มอั้นตอนที่เราตีแรงขึ้นแต่เสียงมันไม่ดังขึ้น

ยังไม่หมดครับแต่งานเข้า เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อครับ

(16-03-2010, 11:48)pood Wrote: ในกระทู้ข้างบนผมพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับเวลาไปแล้ว ตอนนี้ขอตัดเรื่องเวลาออกไปแล้วมาดูเรื่องเสียงอย่างเดียวดีกว่า

กีต้าร์นั้นมี fundamental frequencies จาก 82-1047 Hz. ตามตารางข้างล่างครับ



ถ้าเรากรีดสายหนึ่งยันสายหก เราจะใด้ยินทั้งเสียง fundamental frequencies และ harmonic frequencies คงไม่มีทางที่กีต้าร์ตัวไหนจะเปล่งเสียงทุกย่านความถี่ออกมาดังเท่ากันใด้ ถึงจะดังเท่ากันหูเรามันก็ฟังว่าดังไม่เท่ากันอยู่ดีตามสมการของ Fletcher-Munson (http://en.wikipedia.org/wiki/Equal-loudness_contour) ลองมาดู frequency response ของกีต้าร์ตัวนึงในกราฟข้างล่างเป็นตัวอย่างครับ




จากกราฟข้างบนจะเห็นใด้ว่ากีต้าร์ตัวนี้ทีย่านความถี่จาก 3.5-4.5 KHz. โด่งขึ้นมาประมาณ 6 dB.ลักษณะของเสียงกีต้าร์ตัวนี้จะใช้คำอะไรบรรยายโปรดติดตามในรูปต่อไปครับ





รูปข้างบนเขาบัญญัติศัพท์เป็นภาษาฝรั่งมาให้ ผมขอแปลเป็นไทยเลยแล้วกันครับ

ถ้ากีต้าร์มีเสียงย่ายนี้ดังกว่าค่าเฉลี่ยเยอะเขาเรียกว่า

100-160 Hz. Boom/Punch= เสียงบวม/กระแทกกระทั้น

150-220 Hz. Warm = เสียงอุ่น

240-450 Hz. Full/Muddy = เสียงขุ่น

450-900 Hz. Honk = เสียงเหน่อ

800-1600 Hz. Whack = เสียงสะบัดสะบิ้ง

1000-2000 Hz. Tinny = เสียงกระป๋อง

2000-3500 Hz. Crunch = เสียงกรอบ

3500-5200 Hz. Edge = เสียงคม

เสียงกีต้าร์ตัวในกราฟจึงเป็นพวก "เสียงคม" ครับ ใครอยากรู้ว่าเสียงแบบนี้เป็นยังไงก็ลองเอา Takamine ไปใส่สาย Elixir Nanoweb ดูใด้เลย

(15-03-2010, 17:18)pood Wrote: ถ้าเป็นกีต้าร์ยี่ห้อเดียวกันรุ่นแพงจะให้รายละเอียดของเสียงมากกว่ารุ่นถูก มันก็คล้ายกับหวีที่มีซี่ละเอียดกับหวีซี่ห่างครับ รุ่นแพงเสียงจะละเอียดกว่า



หางเสียง

เรื่องหางเสียงนี่เป็นเรื่องของการออกแบบครับ กีต้าร์ยิ่งหางเสียงยาวอย่าง Lowden นี่หลายคนบอกว่าเล่นเพลงบรรเลงช้าๆเพราะมากแต่พวกหางเสียงสั้นอย่าง Gibson นี่ตีคอร์ดเพราะกว่า

เสียงพุ่ง เสียงจม

อันนี้ก็แยกใด้ชัดเจนเหมือนกัน เวลาลองกีต้าร์ไม่ควรลองคนเดียวนะครับเพราะคนเล่นกับคนฟังมักใด้ยินไม่เหมือนกัน อย่างเรื่องเสียงพุ่งหรือจมนี่คนเล่นไม่ใด้ยินหรอกครับ

เสียงอั้น

กีต้าร์ที่ราคาถูกมักมี dynamic ไม่สูงครับ ลองตีคอร์ดดูจะเห็นใด้ว่าเสียงมันเริ่มอั้นตอนที่เราตีแรงขึ้นแต่เสียงมันไม่ดังขึ้น

ยังไม่หมดครับแต่งานเข้า เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อครับ

(16-03-2010, 17:36)thidl Wrote: Dear Na'Pood krub, So how do we get frequency respond graph of our guitars krub?