กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1) +--- Forum: Guitar gallery (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=3) +---- Forum: Pood's Guitar Gallery (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=20) +---- Thread: กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN (/showthread.php?tid=8216) Pages:
1
2
|
RE: กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN - pood - 01-10-2010 TAKAMINE HIRADE SPECIAL BRAZILIAN ROSEWOOD Mass Hirade เป็นช่างทำกีต้าร์คลาสสิคมาก่อนที่จะมาร่วมงานกับ Takamine ในปี 1968 Takamine นั้นผลิตกีต้าร์คลาสสิคมาตั้งแต่ปี 1961 แล้วแต่เป็นกีต้าร์ที่ขายในญี่ปุ่นเท่านั้น Takamine เริ่มผลิต Hirade series ซึ่งออกแบบและควบคุมการผลิตโดย Mass Hirade เองในปี 1977 หรือ 78 ครับ Takamine Hirade ยุคแรกเป็นการผลิตเพื่อขายในอเมริกาเท่านั้น ต่อมาจึงใด้วางขายทั่วโลกยกเว้นญี่ปุ่น ทำไมถึงไม่ขายในบ้านตัวเองนั้นไม่มีใครทราบเพราะจะไปถามตา Mass ก็ไม่ใด้เนื่องจากแกตายไปนานแล้วแต่ผมเดาว่าตอนนั้นถ้าขายกีต้าร์คลาสสิคระดับ concert ในญี่ปุ่นก็ต้องไปประทะกับ Masaru Kohno ที่เป็นอาจารย์ของแกแต่ถ้าหนีไปขายในอเมริกาที่ไม่มีใครรู้จัก Kohno ก็สบายตัวไป อีตา Mass นี่เก่งในเรื่องการตลาดจริงๆเพราะทุกวันนี้คนอเมริกันก็ยังยกให้ Takamine Hirade เป็นสุดยอดของกีต้าร์คลาสสิคเนื่องจากคนประเทศนี้เขาโตมากับกีต้าร์สายเหล็กครับ กีต้าร์คลาสสิคราคาแพงที่ออกแบบมาสำหรับผู้เล่นเพลงคลาสสิคออกคอนเสิร์ตนั้นจะเน้นหัวโน้ตที่คมชัด หางโน้ตต้องสั้นเพราะไม่งั้นเล่นเร็วๆแล้วเสียงมั่ว เสียงเปล่าต้องดังสำหรับคนฟังหรือต้องมี projection ดีแต่คนเล่นจะใด้ยินเสียงกีต้าร์ตัวเองหรือเปล่านั้นเขาไม่สนหรอก ลองมาฟังเสียง Kohno กันครับ http://www.youtube.com/watch?v=zrxx2qxglAE&feature=related ในเมื่อลูกค้าของ Takamine ในยุคนั้นล้วนแต่เป็นศิลปินร้อคอย่างเช่น Jackson Browne, Bruce Springsteen, Glen Frey กีต้าร์ Hirade เลยถูกออกแบบให้มีเสียงที่ถูกใจคนเล่นเพลงธรรมดาโดยถูกกำหนดให้มีเสียงกลมกล่อม หัวโน้ตไมคมบาดหูแต่มี overtone เยอะและยาว เบสหนักกว่ากีต้าร์คลาสสิคทั่วไป ลองมาฟังเสียงกันครับ http://www.youtube.com/watch?v=RrW9kGrD3Pc ตัวข้างบนเป็นปี 1980 แต่เป็นรุ่นถูกสุดคือ Model 5 ครับ ใด้ฟังเสียงแล้วเชญมาดูรูปกันเลยครับ ตัวนี้คนขายระบุว่าเป็น all solid แต่ผมไม่แน่ใจว่าไม้ข้างเป็น solid หรือเปล่าเพราะหาสเป็คไม่เจอเลยเขียนไปถามในฟอรั่มของทาคามีเนะก็มีผู้รู้มาบอกว่าใช่แต่ไม่น่าจะเป็นไม้ lot เดียวกับที่เอามาทำรุ่น EF-75 Bridge เป็น brazilian rosewood ไม้หน้าน่าจะเป็น german spruce เพราะกีต้าร์คลาสสิคไฮเอ็นด์ของญี่ปุ่นยุคนั้นใช้ greman spruce กันเกือบทุกยี่ห้อ Headstock ก็แปะด้วย brazilian ป้ายบอกว่าเป็นรุ่น "Special" ซึ่งไม่ปรากฏในข้อมูลของบริษัท คงจะเป็นกีต้าร์ที่ทำมาเพื่อ demo ระบบปรีแอมป์รุ่นแรกของ Takamine ในอเมริกามากกว่า วันเดือนปีเกิด ส่วน serial นั้นขึ้นต้นด้วย 80 แสดงว่าเป็น export model แต่มันซ่อนอยูไต้แบตตารี่เลยขี้เกียจถ่ายรูปครับ ไม้ old growth brazilian rosewood มีลายสนิมเขียวที่เกิดจาก iron oxide ในเนื้อไม้ที่เขาบอกว่าเกิดในต้นไม้ที่อายุหลายร้อยปีเท่านั้น ปรีแอมป์รุ่นแรกของ Takamine ที่ออกวางตลาดในปี 1980 แต่ไม่ใด้เอามาใส่ Hirade series ก่อนปี 1982 ในรุ่น EH90 ครับ เสียงธรรมชาติมากครับ ตัวนี้ซื้อมาไม่แพงเลยถ้าเทียบกับ Hirade H25 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวที่ใช้ไม้ brazilian rosewood เหมือนกันครับ http://www.siglermusiconline.com/store/pc/Takamine-H25-Hirade-Brazilian-Rosewood-Concert-Classical-Guitar-22p1498.htm RE: กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN - napman - 01-10-2010 Wow, such an eye-candy Have to blame your photographic expertise too RE: กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN - pood - 02-10-2010 ขอบคุณที่ชมครับพี่ nap เรื่องถ่ายกีต้าร์นี่ผมไม่ถนัดเลยครับเพราะผมชอบถ่ายรูปคนอย่างเดียว จนเดี๋ยวนี้ก็ยังปวดหัวเรื่องแสงสะท้อนเวลาถ่ายในห้องตอนกลางคืนอยู่เลย มาดูตัวต่อไปดีกว่าครับ 1972 TERADA MORRIS F-15 ผมไม่เคยซื้อกีต้าร์ราคาถูกที่ทำในญี่ปุ่นเลยเพราะมันไม่คุ้มกับค่าส่งทาง EMS และค่าภาษีที่ต้องจ่ายทีละตัว กีต้าร์ประเภทนี้ที่เอามาขายกันในเมืองไทยส่วนใหญ่เขาจะเหมาซื้อทีละหลายสิบตัวและใส่ container ส่งทางเรือซึ่งมีต้นทุนค่าขนส่งและภาษีเฉลี่ยตัวละไม่กี่ร้อยบาท ส่วนผมนั้นจะซื้อกีต้าร์ตัวละสามพันหรือสามแสนบาทก็เสียค่าส่งและภาษีเท่ากันครับ พอเห็นตัวนี้เข้าดันอดใจไม่ใด้ซะนี่ Morris F-15 นี่เป็นรุ่นล่างๆของยี่ห้อนี้ ราคาสมัยนั้นก็เท่ากับ Yamaha FG150 ตือ 15,000 yen สเป็คก็เหมือนกันคือเป็นกีต้าร์ตัวเล็กที่ทำด้วยไม้อัดทั้งตัว ตัวนี้มาพร้อมกับ gig bag ไฮโชอย่างหนาซะด้วย คนขายเขาบอกว่าตัวนี้เป็นล้อตแรกสุดที่ Morris ไปจ้างให้โรงงาน Terada ผลิตให้และสเป็คไม่เหมือนกับ F-15 ทั่วไปที่ Morris ผลิตเอง (โรงงาน Terada คือโรงงานที่ผลิตกีต้าร์ Gretsch ตังแต่ปี 1990 ถึงปัจจุบันครับ) เขายืนยันว่าตัวนี้เป็น solid top ซึ่งดูตามรูปก็น่าจะจริง สภาพทั่วไปยังค่อนข้างใหม่ครับ แต่ที่ผมอดใจไม่ใด้คือไม้หลังและไม้ข้างที่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นไม้อะไรเพราะลายแบบนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม้หน้าก็ดูดีครับ พอใด้ลองตัวจริงเสียงจริงแล้วผมว่าเสียงมันก็ไม่ใด้ดีกว่า Yamaha ญี่ปุ่นรุ่นเก่าๆที่อย่างเช่น FG140 ของน้า Call เลย ตอนนี้เลยจำเป็นต้องเก็บเป็นกีต้าร์สะสมให้มันรกบ้านเล่นเนื่องจากซื้อมาแพงกว่าราคาตลาดในเมืองไทยเกือบสองเท่า RE: กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN - Bearclaw - 04-10-2010 Hirade งามมากครับ RE: กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN - kong_kuiii - 04-10-2010 ตัว L8 ของน้า กฤฤษ ผมได้ลองแล้วครับ เรื่องเสียงต้องขอบอกว่ามันอลังการณ์มากๆครับ พูดไ้ด้แค่นี้เอง เพราะผมชอบเล่นยามาฮ่าครับเลยได้ผ่านมือมาหลา RE: กีต้าร์สะสมตอนที่ 1: MADE IN JAPAN - yuth_pu - 10-10-2010 อยากบอกว่า L8 และ L10S มันสวยมากมาย เห็นแล้วน้ำตาจะไหล T_______T |