สิบสองปันนา - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: Others (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=12) +--- Forum: Travel / Telling story (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=6) +--- Thread: สิบสองปันนา (/showthread.php?tid=8706) |
RE: สิบสองปันนา - karn - 07-12-2010 (07-12-2010, 16:14)lekleklek Wrote: เขมรเมื่อไหร่ดีครับ วันพฤหัสนี้นัดประชุมละกันครับน้า เลยออกมาจากบ่อหาน สองข้างทางเป็นอาคารบ้านเรือนแบบไทลื้อ นี่เราอยู่ในเขตแดนจีนเหรอเนี่ย.. แต่พอมาถึงเมืองหล้าตอนพลบค่ำ ลักษณะอาคารสิ่งปลูกสร้างเป็นแบบจีนสมัยใหม่ พาแม่เข้านอนแล้วเราสองพี่น้องก็ออกตระเวนราตรี ร้านนี้น่ากินเราเลยเข้าไปชวนแม่ค้าคุย คุยสนุกสนานเลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นี่มันเมืองลื้อตรงไหนฟะ เดินไปเดินมาก็ไม่ต่างกับเมืองเล็กๆทั่วๆไปของจีน หรือชาวฮั่นกลืนวัฒนธรรมของชาวลื้อไปหมดแล้ว! บ่นกันเองสองคนพี่น้อง แล้วเราก็ไปเจอซอกตึกมืดๆ ดูน่ากลัวพิลึก แต่ไม่เป็นไรเรามากันสองคน ยังไงๆก็ไม่กลัวอยู่แล้วเพราะผมวิ่งเร็วกว่าน้อง RE: สิบสองปันนา - karn - 07-12-2010 เราสองคนเลยเดินเข้าไปในซอกตึก อุแม่จ้าว!!! บ้านเรือนชาวลื้อ ที่แท้เพียงแค่ตึกแถวมากั้นไว้ สังเกตว่าด้านซ้ายมือของภาพด้านบน เป็นตึกแบบชาวฮั่น แต่ด้านหลังตึกกลับเป็นบ้านแบบชาวไทลื้อ เราเดินต่อเข้าไปข้างใน บ้านข้างในนี้ส่วนใหญ่ยังใช้ตะเกียง เป็นบ้านใต้ถุนสูงด้านล่างเลี้ยงหมู กลิ่นขี้หมูหอมชื่นจายยยยยย คนเผ่าไทนี่มักจะอยู่กันเงียบๆ เราได้ยินแต่เสียงหมูร้อง เสียงหมาเห่า เสียงไก่กุ๊กๆ แต่เสียงคนนี่พูดกันเบามาก ไม่เหมือนข้างนอก ที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนฮั่น คุยกันโขมงโฉงเฉง เสียงดังลั่นไปหมด แต่ข้างในนี้คุยกันแบบกระซิบๆ เดินเข้าซอกโน้นออกซอกนี้ของเมืองหล้า เราก็ออกมาด้านนอกเดินไปเรื่อยเปื่อย เห็นหนุ่มสาวเป็นกลุ่มๆเลยเดินตามไป เผื่อจะเจออะไรดีๆ เห็นแสงไฟสว่างไสว อืมมม...มีอนาคต......เราเดินถึงบ้านใหญ่หลังหนึ่ง เป็นที่ที่พวกหนุ่มสาวมาชุมนุมกันเยอะมาก...กึ๋ยๆๆๆ ฃ ที่แท้พวกหนุ่มสาวมากินเนื้อปิ้งกันนี่เอง เรียกได้ว่าเป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนของหนุ่มสาวแถวนี้ แถวนี้ค่อนข้างมืด มีแสงจากหลอดไฟไส้ทังสเตนเพียงไม่กี่ดวง ผมเลยเปิดแฟลช ไอ้คนใส่หมวกสีน้ำเงินท่าทางเมาได้ที่ทำท่าไม่พอใจ สงสัยแสงแฟลชจะแยงตา กลัวซะที่ไหน...ผมใช้ยิ้มสยามเข้าสู้...ใช้มุกนี้ได้ผลทุกที จากที่ทำท่าฟึดฟัดพ่อหนุ่มนั่นก็ยิ้มตอบ ก็เราคนไทเหมือกันนี่เนอะ RE: สิบสองปันนา - pood - 08-12-2010 น้า karn น่าจะลองเขียนหนังสือขายนะครับเพราะเล่าเรื่องราวใด้น่าติดตามจริงๆแถมยังถ่ายรูปสวยอีก รออ่านตอนต่อไปครับ RE: สิบสองปันนา - kosit - 09-12-2010 รออ่านเหมือนกันครับอิจฉาน้ากานเล็กๆครับได้เที่ยวบ่อยๆ RE: สิบสองปันนา - karn - 09-12-2010 (08-12-2010, 22:46)pood Wrote: น้า karn น่าจะลองเขียนหนังสือขายนะครับเพราะเล่าเรื่องราวใด้น่าติดตามจริงๆแถมยังถ่ายรูปสวยอีก รออ่านตอนต่อไปครับ ปลื้มมากๆเลยครับที่พี่กฤษณชม เพราะผมติดตามอ่านเรื่องประวัติกีต้าร์และเกร็ดต่างๆที่พี่กฤษณเล่าให้ฟังมาโดยตลอดครับ รวมถึงเรื่อง ลุยเมืองอาหรับ (Sana'a, Yemen และ Erbil, Iraq)ด้วยครับ เพราะสองเมืองนี้หาคนเล่าให้ฟังได้ยากจริงๆครับ (09-12-2010, 17:43)kosit Wrote: รออ่านเหมือนกันครับอิจฉาน้ากานเล็กๆครับได้เที่ยวบ่อยๆ ขอบคุณครับน้าบี ตอนนี้ยังไม่มีภาระอะไรต้องรีบเที่ยวอ่ะครับ เดี๋ยวลูกๆโตน้าบีก็สบายตัวแล้วครับ RE: สิบสองปันนา - karn - 09-12-2010 เราออกจากเมืิองหล้าเพื่อเดินทางไปจิ่งหง เจียงฮุ่ง หรือ เชียงรุ่ง เมืองแห่งอรุณรุ่ง เพราะมีประวัติว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาถึงเมืองสิบสองปันนาในเวลารุ่งเช้า จึงชื่อว่า เชียงรุ่ง ในอดีตการสัญจรมาเชียงรุ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่กระนั้นเชียงรุ่งก็ตกอยู่ภายใต้การแผ่อำนาจและ ต้องส่งเครื่องบรรณาการให้ถึง 3 อาณาจักร ได้แก่สยาม พม่า และจีน จึงถูกเรียกว่า เมืองสามฝ่ายฟ้า จวบจนเข้ายุคแห่งการล่าอาณานิคม ฝรั่งเศษและอังกฤษได้ขีดเส้นแบ่งชนชาติไทออกจากกัน ไทใหญ่เชียงตุงให้ขึ้นกับพม่า(อังกฤษ) ไทลื้อเชียงรุ่งขึ้นกับจีน ไทดำเมืองแถน(เบียนเดียนฟู)ขึ้นกับเวียดนาม(ฝรั่งเศษ) อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ขึ้นกับฝรั่งเศษ ส่วนสยามของเรานั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินวิเทโศบายด้านการต่างประเทศอย่างแยบยล ทรงเสด็จประพาสรัสเซียและยุโรปหลายประเทศ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์คู่กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่หนังสือพิมพ์ต่างๆตีพิมพ์แพร่หลายในยุโรป ทำให้ฝรั่งเศษเกรงใจสยามและลดความกร้าวร้าวลงชั่วคราว นี่ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งพระองค์ท่านเสด็จประพาสแต่ไม่ค่อยเห็นมีใครพูดถึงกัน http://www.nimitguitar.com/mybb/showthread.php?tid=4741&page=4 กลับมาที่เชียงรุ่ง ในปัจจุบันรัฐบาลจีนได้ตัดทางด่วนให้ราษฎรในมณฑลต่างๆสัญจรไปมาหาสู่กันได้สะดวก ทางด่วนระหว่างเมืองของเขานี่ขับรถได้เร็วมาก เพราะส่วนที่เป็นหุบเหวเขาก็สร้างเป็นสะพานยกระดับขึ้นมา ส่วนที่เป็นภูเขา ก็เจาะอุโมงค์ทะลุไปอีกด้านหนึ่งเลย ไม่ต้องขับรถคดเคี้ยวเดี๋ยวไต่ขึ้นเขาเดี๋ยวไต่ลงเขา ทำให้ย่นระยะเวลาในการติดต่อค้าขาย ขนส่งสินค้า และไปมาหาสู่กันได้สะดวกรวดเร็วกว่าเดิมมาก นับเป็นกุศโลบายที่ฉลาดหลักแหลมในด้านเศรษฐกิจและการปกครอง หากมีถนนหนทางที่สะดวก การสัญจรไปมาระหว่างกันทำได้ง่าย ผลิตผลส่งมาขายในเมืองง่ายได้เงินใช้ การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างคนกลุ่มต่างๆก็จะผสมกลมกลืนกัน ประชาชนก็จะรักและภูมิใจในประเทศของตัวเองโดยไม่รู้สึกแบ่งแยก เหมือนอย่างที่คุยกับแม่ค้าเมื่อคืนนี้ บ้านของเขาดูแต่ทีวีของจีน เขาเลยซึมซับวัฒนธรรมชาวฮั่นและอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เคอะเขิน เขาภูมิใจมากที่เขาเป็นคนจีนเชื้อสายไท ชวนไปอยู่กรุงเตพด้วยกันก็ไม่ไป บ้านเรามีอะไร ประเทศจีนก็มีเหมือนกัน กล้วยบ้านเขาบรรจงห่อเครือกันแมลงอย่างดี จีนเห็นความสำคัญของสิบสองปันนา และเริ่มส่งเสริมให้ปลูกยางพารากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ปัจจุบันนี้ชาวสิบสองปันนามีเศรษฐกิจดีขึ้นจากยางพารานี้เอง นอกจากนี้จีนยังเข้าไปเช่าพื้นที่ในเขตเมืองลาของพม่า และนำยางพาราไปปลูกเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับอุตสาหกรรม ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ยางพาราของไทยเราเจอคู่แข่งที่น่ากลัวแล้ว (เรื่องเมืองลาวันหลังจะเล่าให้ฟังครับ) หมวกยางกันฝนช่วยให้กรีดยางในหน้าฝนได้ RE: สิบสองปันนา - napman - 16-12-2010 Very enjoyable story Karn, keep it going OK? RE: สิบสองปันนา - karn - 16-12-2010 (16-12-2010, 06:19)napman Wrote: Very enjoyable story Karn, keep it going OK? ขอบคุณครับพี่ nap ตอนนี้ว่างแล้วครับ เดี๋ยวเย็นนี้เล่าต่อครับพี่ RE: สิบสองปันนา - sukanyastory - 17-12-2010 น้า karn คะ...พึ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้... ออกจะอึ้งตั้งแต่ประโยคแรกที่ได้อ่าน มันสัมผัสได้ถึงความจริงที่น่าสนใจในประโยคต่อๆ ไป และ ความอยากรู้ว่าอะไรนะที่ทำให้น้า Karn ค้นพบบางอย่างในชีวิตได้ขนาดนี้ และไม่น่าแปลกใจเมื่อได้รู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้น...มันหนักอึ้งจริงๆ ยอมรับว่าอินตามน้า karn ตั้งแต่เพลงที่ให้เปิดเลยค่ะ...เพราะจับใจจนทำให้น้ำตาซึม...คิดว่าตัวเองก็กำลังประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน ไม่มีสิ่งใดแน่นอนเท่ากับความไม่แน่นอน...สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ เราต้องเข้มแข็ง ทำในสิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุด และอยู่กับมันอย่างเข้าใจ แล้วมันก็จะผ่านไป... น้า Karn เขียนเรื่องได้ดี น่าสนใจ และ น่าติดตามมากค่ะ ...น่าเขียนหนังสือเหมือนอย่างที่น้า Pood บอกนะคะ....จะซื้อเป็นคนแรกเลยค่ะ เสียดายที่เวลาเจอกัน ไม่เคยมีโอกาสได้คุยกัน...ไม่งั้นคงได้ฟังประสบการณ์อะไรดีๆ จากตัวเป็นๆ คงจะสนุกกว่านั่งอ่านอย่างนี้นะคะ... ส่วนตัวเป็นคนชอบท่องเที่ยว ชอบอ่าน และชอบเขียนหนังสือเหมือนกันค่ะ...แต่พักหลังโอกาสไม่อำนวย แรงบันดาลใจถดถอย ก็เลยต้องพักไป...คงต้องพักอีกยาวเหมือนกัน กว่าภาระที่มีอยู่จะเบาบาง... เห็นน้า karn พาแม่ไปเที่ยวแล้วรู้สึกผิด พักหลังๆ จะลืมทำหน้าที่นี้ไป เพราะมัวแต่คิดเรื่องของตัวเอง...ขอบคุณที่เตือนค่ะ...ก่อนที่จะไม่มีโอกาส... สุดท้าย...ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านค่ะ...จะติดตามตอนต่อไปนะคะ RE: สิบสองปันนา - โฟล์คน้อย - 17-12-2010 เข้าใจในความรู้สึกครับ.. ถึงแม้อาจจะไม่ใช่ในทั้งหมด ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแบบที่ทำให้เราไม่มีโอกาสได้แก้ไข ความแน่นอนและความไม่แน่นอนต่างๆ.. บางครั้งมันก็ทำให้เราเกือบล้มทั้งยืนได้เหมือนกัน หรือบางทีเวลานั้นเราอาจลงไปนอนคลุกฝุ่นอยู่แล้วก็ได้.. เพียงแต่เรายังไม่สามารถที่จะทำใจยอมรับ.. ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นนั้น.. มันหนักครับ สิ่งที่ทำได้คงเพียงแต่ยิ้ม แล้วก็ยอมรับ.. เพราะบางอย่าง.. ก็อยู่เหนือการควบคุมและคาดการณ์จริง.. สิ่งที่ตามมา.. คือ ปัญหาและหนทางที่ต้องไปต่อ.. ส่วนเรื่องที่ต้องสะสาง.. ก็คงต้องดำเนินไป.. น้ากานต์ได้พาคุณแม่ไปพักผ่อน.. เป็นสิ่งวิเศษที่สุดแล้วครับ.. นั่นคือปาฏิหารย์ที่ประเสริฐสุดของชีวิต.. ลำพังการรับผิดชอบตัวเราเพียงคนเดียว คงไม่หนักใจมาก.. แต่การต้องรับผิดชอบคนอีกหลายคนนั้น.. มันมากกว่าที่จะคิดได้ครับ ถ้าไม่ได้สัมผัส.. ผมรออ่านอยู่ครับ.. ................................................... |