เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: Others (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=12) +--- Forum: Travel / Telling story (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=6) +--- Thread: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ (/showthread.php?tid=1657) |
RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - SARUN - 22-05-2008 Run Wrote:ติดตามอยู่ครับเหมือนกันเลย.... เพราะยังอ่าน"มือที่เราเคยอุ่นไอ"ยังไม่จบเลย....พยายามมา2รอบละ มึนก่อนทุกที RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 22-05-2008 ขอบคุณที่ติดตามครับ... ตั้งเเต่เมื่อวานมาเเล้วผมป่วย ไข้สูงมาก...มีอะไรตกหล่นพิมพ์พลาดอยู่มาก อาจก่อความมึน ถึงอาจติดไข้จากผมได้ ขอจงพึงระมัดระวังสุขภาพให้ดี ขณะนี้ก็ป่วยอยู่ เป็นกำลังใจเเก่กันเเละกันต่อไปครับ ขอบคุณทุกท่านจริงๆ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 23-05-2008 ดอกไม้ ท่ามกลางหุ่นยนต์ [attachment=10083] เช้ารุ่งสาง ท้องฟ้าเป็นน้ำเงินเข้ม ไล่ระดับจากมืด สว่างขึ้นเรื่อยๆ จนมาเป็นฟ้าใสขุ่นๆ ตามฤดูที่ใกล้ฝนนี้...... กองถ่ายแยกย้ายกัน ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน แสงก็เริ่มไม่ได้เป็นในแบบที่ต้องการ จึ งรีบแยกย้ายเพราะ กลัวรถติด ฉันแว๊บมาลงใต้ดิน แดนเมืองบาดาล กำลังรอรถไฟ ฉันชอบความรู้สึกของ เครื่องโดยสารสาธารณะนี้มาก ที่เราจะสามารถ อยู่ท่ามกลางผู้คน เฝ้ามองดูการเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิด มันทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว การขับรถคนเดียวของฉัน มันสร้างความทรมานใจ แก่ฉันมาก เคยมีครั้งหนึ่งที่ฝนตก แถวๆเส้น ราชดำริ...อีกฝั่งของถนนหน้า a u a ก่อนฝนมา มีintro เป็นลมแรงๆ พัดใบไม้ เศษละอองต่างๆ ปลิวว่อน ก่อน ท้องฟ้าดูทมึน มืดเย็น ....ชวนใจสะท้าน ลมที่ก่อตัว สาดพัด ทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกหนาว และ ชื้นเย็น ก็มากขึ้นตามลำดับ ภาพของธรรมชาติที่เกิด กำลังก่อ ความรู้สึกบางสิ่ง อาจเป็น ความเปลี่ยวเหงา ว่างเปล่าว หรือ อะไรก็สุดจะรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกนี้ กำลังเริ่มเข้ากัดกินหัวใจของฉัน ทีละน้อยที่รู้สึก เหมือนวิณญาณ ถูกกัดกินไป เหมือนเลือด ค่อยๆไหลออกจากร่าง จน ค่อยๆ หวิว ชา ขึ้นเรื่อยๆ ฉันมองไปรอบข้าง มีแต่คน อยู่กับใครๆต่างๆ ข้างๆเขา อาจเป็น แฟน เป็นเพื่อน เป็นคนที่เค้ารัก ** มีเราคนเดียวจริงๆ ที่โดดเดี่ยว .** ............ฉันเปิดหน้าต่างรถ เพื่อจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เพื่อหวัง จะทำลายความว่างเปล่าว ทำ ให้เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของโลก กระจกที่พันธาการ จองจำฉันไว้ในคุกที่มองไม่เห็น ถูกเลื่อนลง ..... ฉันจุดบุหรี่ขึ้นสูบ อย่างรู้สึกดีขึ้น เหมือนมีใครสักคนที่เคลื่อนไหว แม้จะเป็นแค่เปลวไฟเล็กๆไหม้กระดาษ ที่เคลื่อนที่ทำลายตัวเอง ส่วนหนึ่ง มันทำลายตัวของมันเอง อีกส่วนหนึ่ง ก็ฆ่าเวลา และสุขภาพที่เหลือของฉันไปด้วย ** ก็นี่คือสิ่งเดียว เพื่อนฉันคนเดียว ที่ฉันควบคุมได้นี่หน่า ** ความเหงา ชวนฉันบ่น คุยกับตัวเองอย่างเรื่อยเปื่อย คิดไม่ทันจบ สายฝนก็ พลันตกขึ้นมาในทันใด .... ** ความหวัง ในแสงไฟเปลววาบน้อยๆ ของบุหรี่มวนนึง ก็ได้ดับลง ** ** แค่ความสุขใจเล็กน้อย พระเจ้ายังไม่อยากให้ฉันมีเลย ** ???.. ฉันคิด นาทีนี้เองในรถ ที่กระจกถูกปิดสนิท ขังใครสักคนนึงเอาไว้ อย่างโดดเดี่ยว ** ใครคนนั้น สะอึกสะอื้น อยู่ในนั้นลำพัง ** ฉันก้าวเคลื่อนตัวเข้ามา ในรถไฟฟ้าใต้ดินในตู้รถตอนหนึ่งของขบวญ อาจเนื่องจากยังเช้าตรู่ ผู้โดยสารจึงยังไม่มากนัก ฉันเลื่อนตัวมาพิง ขอหลบอยู่อย่างสงบ ในซอกมุมฉาก ของระหว่างประตูกับ ที่นั่งผู้โดยสาร คนหลายคน สวมใส่หูฟัง ปิดกั้นตัวเองให้อยู่ในดินแดนๆหนึ่ง นั่งหลับบ้างเกินครึ่ง เกือบทั้งหมด แลดูไม่มีความสุขกันเสียเลย ทุกคนมีโลกของตัวเอง ที่จะไม่สนใจใคร เนื่องจาก อาจมีความเชื่อว่า ผู้คนรอบข้างล้วนอันตราย ทุกคนน่าจะคิดคล้ายกัน ตามที่ถูกโปรแกรมเอาไว้ แต่จริงๆสิ่งที่คิดอยู่ในหัวของหุนยนต์เหล่านี้ ต่างหากน่ากลัว ** นั่งไม้ค่ะ...** เสียงหญิงสาวดังขึ้น ทำลายความเงียบในหมู่เครื่องจักร เพื่อเชื้อเชิญใครคนนึง คนที่ฉันดูอยู่นานว่า เค้าพิการหรือเปล่าว เพราะดูผิวเผิน เครื่องแต่งกายผมเผ้า วิธีมองผู้อื่นคล้ายๆเด็กแนว หรือ หุ่นยนต์แปลกๆ ถือไม้เท้างง ๆ ที่อาจหายากน่าสะสม หุ่นยนต์ เด็กแนว ถือไม้เท้า ยกมือไม้ ปฏิเสธ แสดงเจตจำนงค์ จะยืนต่อไป แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ ฉันได้ยินเสียงคนพูด สื่อสารออกมา นอกเหนือจาก เสียงที่คอยบอกเตือนการขึ้นลงระหว่างสถานี ในการพิจารณา แลดู มองการเคลื่อนไหวต่างๆ จนมาหยุดมองสิ่งที่ใกล้มาก ใกล้จริงๆ คือเสียงสตรีที่ว่าดังกล่าว ข้างๆผมทางด้านขวามือ ในทิศทางที่ผมหันหลังให้กับตัวรถ คล้ายพิงประตูของรถไฟฟ้า ผู้หญิงคนนั้น เอนตัวมาชิดๆแนบกระจก เอาศีรษะ ซบอิงชิดกระจก พริ้มตาหลับ ซึ่ง หลังกระจกซึ่งจริงๆ คือ แผ่นผลาสติกใสกั้นที่นั่งนั้น ผมเอาแขนแนบพิงไว้อยู่ เพื่อช่วยการทรงตัว ในการยืนโดยสารรถไฟนี้ อย่างไม่แน่ใจ แผ่นกั้นพลาสติกที่ว่า จากเย็นสงบในตอนแรก ตอนนี้ดูอุ่นขึ้นเหมือนมีชีวิต ช่วงศรีษะด้านบนของเธอ อยู่ในที่ๆ ความอุ่นจากเธอจะแผ่มาถึงยังฉันนั่นเอง ถ้าไม่มีกระจกกั้นดังกล่าว ก็คือเธอกำลังซบพิงแขนเรานั่งหลับอยู่ เสี้ยวสัมผัสของเธอ มอบความรู้สึกชุ่มชื้นให้แก่ วิณญาณผุๆ ที่รอนแรมข้ามทะเลทราย ฉันไม่แม้จะพยายามสบตา มองอะไรให้ชัด จะจดจำแค่ความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ แอบนำเป็นความสุขใจเล็กๆ เพื่อ ก่อประกายความหวังของชีวิตต่อไป กระจกบางๆ ที่กั้นระหว่าง คนหลับตาฝัน กะ คนลืมตาฝัน อุ่นขึ้นอีกทีละน้อยแทบไม่มีวินาทีไหนเลยที่แขนของฉันจะผละละออกมาจากกระจกบางๆแผ่นนั้น ตอนนี้มันไม่ใช่แค่กระจกกั้นอีกต่อไป แต่มันคือ สะพานทอดความรู้สึก ช่างมีค่าเหลือเกิน ความรู้สึกอบอุ่นเพียงเล็กน้อย ที่ฉันแอบลักขโมยมาจากคนที่ไม่รู้จักคนหนึ่งได้ ผม น้ำตาคลอริ้นๆ เอ่อเบ้า เกือบล้นออกมา ต้องคอยเตือนสติตัวเองว่า ** อย่านะมรึง มันน่าอาย น่าทุเรศ ที่ต้องมาทำอย่างนี้ให้ใครเห็น ในที่สาธารณะ ** นีคือดอกไม้ที่ชั้นค้นพบ ท่ามกล่างหุ่นศึกทั้งหลาย เมื่อต้องก้มหลบตาลงต่ำ ดันมองเห็นกิ๊บติดผม ที่คล้ายของคนรักเก่า ที่แยกจากไป ยิ่งทำให้น้ำตา ยากสุดจะทนกลั้นเอาไว้ได้อีก กระจกที่เริ่มเป็นฝ้า เนื่องจากไอร้อนจากตัวฉัน จับกับละอองน้ำในอากาศ ช่วยปิดบังเร้นซ่อนเอาไว้ได้อย่างดี ความรักที่มีต่อคนๆหนึ่ง แม้จะใช้เวลาร่วมชีวิต ร่วมล่วงผ่านเวลามาด้วยกันไม่นานนัก แต่ กลับต้องอดทนใช้เวลา ไม่รู้ว่าจะนานสักเท่าไหร่จึงจะ ละลืมเธอได้ ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน กระจกสะท้อนเงาของเค้า เพื่อนร่วมทางยามเช้า คนที่ผมเพิ่งแอบขโมยความอบอุ่นนั้นไป ** เธอกำลังจากไปแล้ว ** ผมไม่บังอาจจดจำใบหน้า สายตาใดๆ แม้จะรู้ว่า ผ่านไป อาจไม่มีวันเจออีกเลยชั่วชีวิต หรือ จะอีกนานเท่าใดไม่รู้ ผมรู้สึกว่า ชีวิตคนอย่างผม ไม่สมควรที่จะ มีความรู้สึกรักใคร่ ผูกพันธ์ใดๆ กับใครอีก ทุกสิ่งทุกอย่าง มีวันสูญสลายหมด ไม่มีความรู้สึกใดๆ เที่ยงแท้ การที่จะระลึกถึงเธอเพียงผู้เดียว คนที่จากลา และ จะจดจำความรักที่เคยมีต่อกัน อันแสนลึกซึ้งตลอดไป คงจะเพียงพอแล้ว กับคนแย่ๆอย่างฉัน การเริ่มต้นใดๆ ก็ล้วนนำไปสู่ปลายทางคือ การจากลา ความว่างเปล่าว ไม่รู้วันหนึ่งจะเปลี่ยนกลบ ลบเลือนความรู้สึกที่มีนี้ หายไปได้บ้างหรือเปล่าวนะ ด้วยผลลัพธ์ ของปลายทางที่ฉันรู้สึก ฉันขลาดกลัวเกินกว่าจะเริ่มต้น หรือ มอบความรักต่อผู้ใดได้อีก ฉันเดินลงจากขบวญรถ เคลื่อนตัวต่อไปอย่างล้าๆ แม้มันจะเป็นการสิ้นสุดการเดินทางของเช้านี้แล้ว แต่มันเหมือนจะเป็นการเริ่มต้น ของอะไรบางอย่าง? ดอกไม้ ท่ามกลางหุ่นยนต์ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - karn - 23-05-2008 อย่าแม้เพียงคิด...ที่จะหยุดรัก..... RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - SARUN - 23-05-2008 ของเก่ายังอ่านไม่หมดเลย ของใหม่มาอีกแย้ว RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - LittleNomad - 23-05-2008 เขียนไปเรื่อย ๆ คิดไปเรื่อย ๆ ครับน้าHattฯ... ...เขียนหนังสือ ก็เหมือนแต่งเพลง ต้นทุนอยู่ที่ประสบการณ์... ประสบการณ์ คือ สรรพมวลที่ได้สัมผัส... แน่นอน... ฟังเพลงมาก หลายหลากรูปแบบ ผลนำไปสู่การเป็นนักแต่งเพลงที่มีแนวกว้างอนันต์ เช่นกัน... คนเขียนหนังสือ หากจะเป็นนายภาษาของตน ก็ต้องอ่านหนังสือมาก ทว่า...ทั้งหลายทั้งปวง หากจะเป็นคนแต่งเพลง หรือคนเขียนหนังสือ ฟังเพลงทั่วภพ หรืออ่านหนังสือทั่วหล้า ขอเพียงอย่า้หลงซึมซับรับเสนาะหรือสำนวนที่ผ่านพบ มาบรรจบสิงสู่ใส่วิญญาณตน... น้าHattฯ เขียนไปเรื่อย ๆ ครับ... เพราะมีดจะคม ต้องหมั่นฝนหมั่นลับ...เหมือนที่น้าฯ พลิ้วนิ้วท่องไปบนสายทั้งหก... RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 23-05-2008 ขอบคุณมากครับ น้าkarn น้าSARUN น้า Run.. น้าWebmaster น้า .::.pOoH.:: .น้าpood เเละ ผู้เยี่ยมชมอีกมากมาย โดยเฉาะ heroของผม น้าอ้วน LittleNomad......เป็นคำเเนะนำที่ดีมากครับ^^ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับบบบ.... จะพยายามต่อไปครับ....^^ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - Run - 23-05-2008 ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดริ้วรอยของอารมณ์ (หรือจินตนาการ) มาเป็นตัวหนังสือ หรือบทเพลง น้าหัทยาล้วนสามารถปล่อยให้ไหลลื่นออกมาจากปลายนิ้ว ช่างเป็นศิลปินจริงๆครับ เมื่อกระแสความเหงาผ่านพ้น ก็ขอให้ลมเย็นโชยโบก พัดวีให้ใจแก่วงโยนเบาๆ สบายๆนะครับ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 27-05-2008 ในฝันถึงเธอ ค่ำคืนที่ฉันเพิ่งกลับบ้านมา อาบน้ำ ล้างคราบเหงื่อที่เหนอะเหนียวด้วยอากาศร้อน แต่ไม่ได้สนใจ เรื่องสภาวะโลกร้อน จึงรีบเปิดคอมพ์ ออนเอ็มเล่นเน็ต ใช้ไฟอย่างไร้สาระ มีสิ่งหนึ่งที่ชั้น รู้สึกมาตลอดตั่งแต่เย็นมาแล้วคือ ฉันรู้สึก ** เศร้าแบบแปลกๆ ** ในหลายวันในเช้าที่ชั้นจะตื่นขึ้น ทั้งที่นอนน้อยมาก จริงๆคือ การสะดุ้งตื่นมาด้วยความเศร้า ผมคิดถึงเขาเสมอ เกือบทุกยามเช้าที่มีอยู่ หลังตื่นจากการนอนที่ไม่พอเพียง แต่ในช่วงนี้ดู หายไป อาจมีผลจากยา การแทรกซ้อนของการป่วย สิ่งที่หายไปคือ ..... การนึกถึงคนรักเก่า ** ฉันเกือบจะไม่คิดถึงเขาเลย ** .................................... แต่ในทุกอย่าง ชั้นก็ยังจำได้เป็นอย่างดี ฉันจำได้เกือบทุกอริยาบท ในความรู้สึกที่อยู่ในที่ต่างๆ มันไม่เคยเลือนหายไปเลย บางครั้งเหมือนจะจำได้ดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่ใจฉันอาจแข็งแรงมากขึ้นก็ได้ แม้ตอนนี้ น้ำตาจะยังซึมอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงกับร้อไห้โฮ สะอึกสะอื้นดังที่ผ่านมา ชั้นคงจะกำลังได้หลับพักแบบปกติอีกครั้งละมั้ง เพราะจริงๆแล้ว ....นี่แหละมั้งเหตุที่ฉันตื่นเช้าเสมอ จริงๆแล้วคือ นอนไม่หลับได้จริง หรือ หลับลึกเพียงพอเลย เนื่องจากพอเรานิ่งจากการหลับ เราก็จะพบเธอตลอด กับความรู้สึกต่างๆ ......ความคิด หรือ จิตใต้สำนึกก็จะนำเธอมาโดยการฝันที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย และ นี่ก็คงเป็นอีกตอนนึงที่ฝันถึงเค้าอีกครั้ง ทุกอย่างแม่นยำเหมือนเครื่องเล่นวีโอที่บันทึกในสมองไว้ แล้วฉายภาพเหล่านั้นซ้ำอีก ทุกอย่างแม่นยำ แม้ความละเอียดของแสง หรือ อุณหภูมิ ผมจะเล่าให้ฟัง [attachment=8653] ณ.ริมสระว่ายน้ำ สาวร่างน้อยเดินถือกระเป๋าใส่ฟรุ๊ตใบกะทัดรัดในถุงยาวๆที่ดูสปอร์ทๆสีน้ำเงิน มีเครื่องรางชิ้นเล็กเป็นหยกแขวนไว้ ดูเพิ่มความเอเชียนิดๆดูเก๋ในแบบที่เป็น และ ตามมาด้วยชายตัวโตๆ ถือถุงกีตาร์ที่เริ่มขาด มอมๆมีหยกคล้ายๆกันแขวนไว้เช่นกัน ทั้งคู่มา นั่งหย่อนกายลงบนเก้าอี้อาบแดดสีขาว ในค่ำคืนท้องฟ้าสดใส ลมพัดแรง จนข้าวของเเทบปลิว อย่างกับอยู่ริมทะเลที่ไหนสักที่ ลมที่พัดเย็นจัดจนไม่น่าเชื่อว่านี่มันเดือน มีนาคมเเล้ว พวกเรานั่งทานอะไรกันในของที่ง่ายๆ นมรสจืด โบโลน่า ขนมปังชิ้นเล็กๆ นั่งคุยเล่นหยอกเอินกันอย่างสนิทสนม สักพักพวกเราร่วมเล่นดนตรีกัน ด้วยเพลงที่ผม และ เค้าชอบ เสียงของเธอ กับเพลงของ carpenter ไปกันได้ดี กับกีตาร์คลาสสิคของผมตอนนี้มาก เธอกำลังเเกะเพลง jazz เพลงนึงคือ take 5 ก็ถือโอกาสซ้อมต่อหน้าที่สาธารณ เป็นครั้งเเรก ผมเห็นเเววตาซุกซนของสาวน้อย ซ่อนอยู่ในเธอเสมอ เเละ ...เพลงตื่นนอน ทะเลเหงา เเละ หลายเพลงที่ผมแต่งขึ้น เพื่องานที่เรากำลังทำอัลบั้ม ก็ถูกบรรเลง อย่างต่อเนื่อง ผมเลื่อนตัวมานั่งกับพื้น เอาเท้าแหย่น้ำ เพื่อนั่งมองเธอได้อย่างใกล้ชิดขึ้น เตะเท้าเล่นๆไปพลางๆในน้ำที่เย็นจัดสีดูเป็นมิดไนท์บลูส์ ขณะเล่น ผมเเอบมองเดือนเเละดาว ที่สะท้อนความงามอันสุดจะบรรยาย ของค่ำคืนเเห่งความทรงจำที่นี้ได้ ทุกอย่างสวยงาม ในดนตรีเเห่งความรัก ผมพูดได้เลยว่า ตายไปตอนนี้ก็ไม่เสียใจ ผมเคยบอกเธอไปเเล้วอย่างเขินๆ ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปเเค่เมื่อกี้นี้เอง คุณจะเชื่อเรื่องสัมผัสมั้ย คุณต้องเจอคนที่คุณรู้สึกแบบนี้จริงๆ คุณไม่มีทางเชื่อหรอกว่า มันแสนวิเศษขนาดไหน มีอะไรมากมายสักแค่ไหน ผมพูดได้เลยว่า คุณไม่มีทาง ยอมเอามันไปแลกกับอะไรทั้งสิ้น ถ้ายัง หรือ ไม่เชื่อสิ่งนี้ ผมขอภาวนาให้คุณๆได้เจอได้พบในสักครั้งนึงในชีวิตนะ คุณคงจะรีบมาขอบคุณผมเลยทีเดียว [attachment=8652] ผมไม่เคยใกล้ชิดใครแล้วมีความรู้สึกดีแบบนี้เลย ยามเราสัมผัสตัวถึงไออุ่นกัน พวกเราต่างรู้สึกแบบเดียวกันเลยว่า เราถวิลหาความรู้สึกนี้กันมานานมาก นานแค่ไหนไม่รู้ มันไม่ใช่ไอ้เรื่องอย่างว่าที่คุณจะคอยคิดกันหรอกนะ แค่ได้อยู่ใกล้กันเราก็ไม่อยากได้ต้องการสิ่งใดแล้วในโลก ไม่ต้องการจริงๆ ค่ำคืน ในช่วงเวลาที่ดี ที่ผมจำได้เกือบทุกนาที ทุกความรู้สึก แม้ตอนนี้ เหล่าบทเพลงที่เราร่วมเล่นกัน ผมจำได้ว่า ไพเราะ และ มีความสุขที่สุด เท่าที่เคยรู้สึกมา มันจะสุดแสนวิเศษแค่ไหนที่คุณได้ ร่วมบรรเลงกับคนที่คุณรัก และ มันทำให้เชื่อสนิทใจเลยว่า ในชีวิตที่เหลือของพวกเรา ในช่วงเวลาต่างๆ คงมีความสุขจริงๆเสียที ในชาติภพนี้ ผมมีความเชื่ออย่างมากเลย ว่าเราคงพลัดพรากกันมาแล้วนานแสนนาน ไม่รู้กี่ครั้งที่อาจจะเกิด คราวนี้ ผมจะไม่ยอม ปล่อยเธอจากไปแน่นอน แต่คำพูดที่มากมายเหล่านี้ ยังอยู่ค้างคาในจิตใจของผม เพราะ ผมเองไม่ค่อยกล้าพูดบ่อยนัก แต่ผมรู้ว่าเขาเองเข้าใจดี ผมจะขี้อาย เค้ารู้เรื่องนี้ดี และ ชอบแกล้งเพื่อจะได้เห็นเวลาอายของผม เธอว่ามันน่ารักดี ตอนเล่าผมยังจำท่าทางสนุกสนานในความชอบแกล้ง และ แววตา ใบหน้า ที่เปื้อนรอยยิ้มแห่งความซนนั้นได้ดีเสมอ เธอชื่อ** คุณอุ้ม ** เป็นนักดนตรีรุ่นพี่ ที่ได้รับการแนะนำให้รู้จัก โดยรุ่นน้องคนหนึ่ง ........................................................... RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 28-05-2008 สุขสันต์วันเกิด วันนี้ก็เกิดขึ้นอีก แต่แปลกไป น้ำตาที่ซึมๆบนหมอน ที่ฉันนอนซุกหน้าจมอยู่มันทำให้รู้สึกเย็นๆแฉะๆดี จมอยู่กับมันอยู่พักนึง พร้อมคิดไปว่า ** เอาแต่เช้าเลยหรอ ** โดยที่ยังไม่ได้หันมาดูอะไรรอบตัว ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของความรู้สึกต่อไป พักนึงที่เราลองไม่ควบคุมอะไรกับตัวเอง ให้มันเป็นไปตามที่จิตใต้สำนึกมันอยากทำ ...ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ร้องไห้ไปทำไม คิดว่า เดี๋ยวเราเปิดคอมพ์ทำงานทำอะไรไป ก็คงจะดีขึ้น นาฬิกาที่เครื่อง บอกว่า ตี 4. 44 นาที เลขสวยอย่างน่าตกใจ เพิ่งนอนไปจริงๆ คงใกล้ๆตี 4 เรานอนไม่ถึงชั่วโมง ก็ตื่นแล้วหรอเนี่ย เรานี่มันเจ๋งกว่าตู้เย็น ประหยัดไฟเบอร์ 5 อีก ฉันแอบชื่นชม ปนตลกหลอกด่า ตามนิสัยเลวๆของฉัน ....ซึ่งคนที่เคยรัก ? คนเก่า นั้นชื่นชมมาก ** เนี่ยดูดิยังเสือกทะลึ่งไปเหน็บ ว่าชาวบ้านเค้าชอบอีก ** เก่งจริงซั้น....ไอ้เรื่องแบบนี้ นั่งตาลายมึนหัวไปพักใหญ่ ก็จำอะไรไม่ได้ อาจจะน๊อควูบหลับ สลบหรืออะไรสักอย่าง ในความรู้สึกคล้ายฝันนั้น .........จำอะไรไม่ได้ชัดนัก เหมือนเดินเล่นอยู่ริมทะเล มีใครที่ฉันรู้สึกรู้จัก เดินอยู่ใกล้ๆ อากาศดี เดาไม่ผิดที่นี่น่าจะเป็นหัวหิน ทะเลที่ไม่ได้สวยพิเศษอะไร แต่ใจฉันคิดถึงมันเสมอ อาจเกินไปนิดนึงถ้าพูดว่าตลอดเวลา ถ้าจะนึกถึงทะเล หรือ ที่ๆจะมีใครพูดถึงการจะชวนไปเที่ยวไหนสักที่นึง ฉันพอจำความรู้สึกที่ฝันๆนั้นได้บ้างว่า ...ไม่ได้ดีใจสนุกสนาน หรือ เสียใจอะไรนัก ดูมันเฉยๆ เรียบๆ เดินๆมองโลกด้วยความไม่คิดอะไรมากนัก ซึ่งนับว่าเยี่ยมมาก ทีฉันไม่ได้กระโดดไปมุมใดมุมนึงในความรู้สึก ตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน ที่มักจะขึ้นลง ไม่สนุกสนานจัด ก็ทุกข์กันไปเลยถนัดตา ตามนิสัยสุดโต่งของฉัน เขาดูสงบเรียบง่ายอย่างน่าสนใจ ได้เเต่นึกนิยมชายคนที่รับบทเป็นตัวเรา...ในภาพยนต์แห่งความฝัน ที่ฉันน่าจะแอบกำกับอยู่ไกลๆ [attachment=8659] ** อยากจะจำหน้า หรือ เห็นหน้าผู้โชคร้ายที่มายืนข้างฉันริมหาดนั้นจริงๆ แต่ช่างเลือนลางเหลือเกิน ถึงจะมองไม่เห็นว่าใคร แต่คิดว่าน่าจะไม่ใช่เขา ชั้นอยากเรียกว่า...... ฝันถึงความหวัง ...................................... อาการเบลอๆ ที่มีสติอยู่แค่สักครึ่งเดียว สมาธิไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ นักบินเราใช้ สัญชาติญาณในการคุมวิถีการเคลื่อนที่ เป็น ... ออโต้ ไพรอท ? รึว่า ...มันอาจจะมาจนสุดทางแก้ไขแล้วก็ได้ ฉันมีอาการตาลายอยู่บ่อยครั้ง พูดโทรศัพท์ คิดจะพูดคำนึง แต่พูดไปอีกคำนึง วูบหลับโดยไม่รู้ตัว และ อีกมาก การหยุดการเคลื่อนที่ การเคลื่อนไหวของร่างกายในการใช้ชีวิต ในระยะเวลาต่อๆไป มันก็คงเหมือน ยื่นใบลาออกจากร่างกายที่ร่ำเรียนมาในมหาวิทยาลัยโลก และ มาคิดได้ว่าไม่รู้จะเรียนยังไง ทำอะไรกับการเรียนต่อไปดี ท่าทางจะไม่จบ ล้มเหลว มีแต่เกรดที่ออกมาแย่ๆ น่าจะล้างไพ่ออกไป นับหนึ่งเริ่มใหม่ หรือ พักการเรียน ไปเกิดเป็นอะไรสักพัก ยุติ เรื่องที่ไม่น่าภิรมณ์นี้ เชื่อมั้ย ... คนตาขาวอย่างฉัน อยากจะหยิบปืน มาสักกระบอก แล้วเล็งไปที่สมอง ..ที่ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน แล้วสั่งมันว่า ..... ?ถ้าเอ็งรักตัวกลัวคนที่อยู่กะเอ็งตาย?อย่าก่อเรื่องอีก ไม่งั้น?ชั้นจะสั่งสอนด้วยกระบอกเครื่องกลสังหาร ที่ทำมาจากพลาสติก 100% เมด อิน ไชน่า จากร้านขายของ ทุกอย่าง 20 บาท วันนี้.....เป็นเช้าวันเกิดแม่ฉันอายุครบ60 [attachment=8657] หนังสือพิมพ์มันคงไปเขียน ขึ้นหน้า 1 ว่า ** ประชดชีวิตรัก เครียดหนักนักดนตรีหนุ่ม จ่อยิงสมองไหลตายอนาถ ฉลองแซยิดแด่คุณแม่คาบ้าน ** ** ลั่นโป้ง .....เเทนพลุฉลองเเซยิดวันเกิดเเม่ ลูกคิดสั้นลั่นไกล ดับอนาถ ** หรือ อันนี้ดี .... ** สุดสลด จบชีวิต คาวันเกิดเเม่ตัวเอง ลูกทรพี ทิ้งปมตายปริศนา ** หรือ อะไรสักอย่างที่มันเขียนออกมาแล้วสะใจ ดูน่าตื่นเต้นดึงดูดพวกวิตถาน นิยมความเจ๊บปวดชิบหายของผู้อื่น ยอดขายคงดีฉบับนี้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง มันน่าจะไม่ได้เกิดจากอยากประชดใคร ทำร้ายจิตใจใครให้ต้องมารู้สึกผิดบาปอะไรด้วยกับฉัน มันคง....เป็นเเค่การเปิดกุญแจหลังโรงเรียน หันซ้ายหันขวา ยิ้มๆเดินย่องออกไป โดยไม่ได้หวังว่าคนที่ต้องเรียนต่อในโรงเรียนต้องเดือดร้อนอะไรกับฉัน มันเป็นแบบนั้นมากกว่า แต่ใครจะรู้หล่ะ ชั้นไม่ได้อยู่ต่อเถียงอะไรกับพวกเขาแล้วนี่ หรือ อยู่เถียงสู้กะมันดี ละจริงๆมันก็...อาจไม่ขึ้นหน้า 1 อาจไปอยู่หน้าสุดท้าย ความยาวคอลั่ม แค่คืบ?.ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ?. เเต่มันคงไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะ สิ่งทีอยู่ในมือฉัน มันทำมาจาก พลาสติก?.. 55555 ตอนที่4 แล้วมั้ง ที่ฉันคิดว่าจะเริ่มเขียนเรื่องสั้นอะไรสักเรื่อง แต่ก็ยังไม่เริ่มเป็นเรื่องเป็นราวอะไรสักที เปะไปไปเรื่อย คิดว่าเดี๋ยวคงเขียนท่อนจบเลยคงง่ายกว่า อะไรก็ได้เล่ามาให้งงๆ แล้วทำคล้ายๆมาคลี่คลายปมต่างๆ ดักความคิดคนให้อยากรู้สนใจในเชื้อความที่น่าสงสัยสักประเด็น ฉันน่าจะทำมันได้นะ แต่มันก็เป็นแค่บันทึกระบายอารมณ์ไปแค่นั้น เป็นทีๆไป ตอนที่แล้วค้างมาอยู่ที่ตื่นขึ้นมา ไอ้หมอนั่น ที่ฉันยังไม่ได้แม้แต่จะตั้งชื่อ เอาเป็นว่า เค้าชื่อ** นัท **ละกัน ณัฐพล ชื่อญาติฉันเอง นัท เป็นชายหนุ่ม อายุ33 เกิดมาในครอบครัว ฐานะกลาง เกือบลำบาก พ่อเป็นข้าราชการป่าไม้ แม่เป็นแม่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรดูแลลูกไปให้เป็นคนดี เรียนในสถาบันทางศิลปะ จบด้านดนตรี มีอาชีพ เล่นดนตรี แต่งเพลง สอนดนตรี เท่าที่เล่าๆมา หมอนี่คง มีอาการป่วยด้วยโรคที่คอยเล่นงานเขาอยู่ คือโรคนอนไม่หลับ อยากเรียกให้ดูน่ารักอบอุ่นว่า โรค good moorning ..ซึ่งนำมาสู่ การทำความรู้จักกับเขา ในตอนแรก แนะตัวออกไป แล้วเขาก็สงสัยตัวเอง ว่า ** ทำไมไม่ค่อยได้นอน ** ก็พาเหวี่ยงประเด็นไปเล่าเรื่อง ยามเช้าของหัวหิน กิจกรรมที่ชอบ เช่นว่ายน้ำ ถ่ายรูปแต่งเพลง เขียนอะไรไปเรื่อย พาคนอ่านไปพบมุมมองของความเหงา ในรถไฟใต้ดิน ด้วยการประชดเสียดสี มองคนที่ใช้ชีวิตดิ้นรน ในการไปทำงาน ที่ร่วมทางยามเช้ากับเขาว่า เป็นหุ่น ในตอนดอกไม้ท่ามกลางหุ่นยนต์ เล่าถึงความรู้สึก คิดถึงคนๆนึง ในเกือบทุกสิ่ง จะนำเขาคิดถึงเธอ พูดถึง เบื้องหลังที่มาของ อาการ good moorning เหตุที่ฝันถึงคนๆนึง การเล่าเรื่อง ควรต้องหยิบยกส่วนที่จะเล่ามาเริ่ม และ จบอย่างรัดกุม อาจเป็นตอนหนึ่งช่วงหนึ่งของชีวิต ที่จะเน้นแสดงให้เห็นถึงบทบาทของตัวละครต่างๆ เอ......จะเล่าตอนไหนของมันที่น่าสนใจดี........ [attachment=8658] เย็นวันหนึ่งในช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ ฉันมีงานใหม่ ได้ไปเล่นดนตรี กับรุ่นน้อง ชื่อ เมย์ เมย์เป็นสาวน้อยน่ารัก ร้องเพลง และ เล่นไวโอลิน เธอชวนผมมาเล่นร่วมกับเธอ ในร้านๆนึง ย่านรัชดา เมื่อเล่นกันไปจบลงโดยน้องเมย์ รอดในการร่วมเล่นอย่างทุลักทุเล เพราะไม่เคยซ้อมกัน ก็ตามอายุประสพการณ์ในงานที่ทำ ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไร ขณะนั่งทานน้ำกันอยู่ ** ไงพี่ เล่นกันพอได้นะ ** เมย์กล่าวขึ้น ** ก็พอได้ อ่ะ.... อย่าคิดมาก ปล่อยสบายๆ มีสมาธิกับมัน เด่ว ก้อดีเอง ** นัท กล่าวตอบ **ค่ะพี่ เดี๋ยวหนู ฝึกมาอีกเยอะๆเลย จะได้สนุกกันเวลาเล่น .... พี่ทำหน้าตาแปลกๆ อย่าคิดไรมากนะค่ะ ...เป็นอะไรอีกรึเปล่าว ** เมย์ ยิ้มน่ารัก ถามด้วยความห่วงใย ** อ๋อ .... ไม่มีอะไร เครื่องเสียง มันปรับออกมาไม่ได้ดังใจเท่าไหร่หน่ะ พี่ว่าจะปรับอะไรเพิ่มอีกหน่อย พอดีเวลาหมดเบรคก่อน คราวหน้าคงจะดีขึ้น ** นัท ตอบแบบหลบๆไปเรื่องอื่น ** ค่ะ ....หนูก็นึกว่ายัง คิดถึงเรื่องนั้น ..** จริงๆแล้ว เมย์พูดได้ถูกต้องแล้ว ผมยังคิดถึงเรื่องที่เธอว่าจริงๆ [attachment=8657] |