The end of Thailand? - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1) +--- Forum: พูดคุยสนทนาทั่วไป (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=2) +--- Thread: The end of Thailand? (/showthread.php?tid=5361) |
RE: The end of Thailand? - povation - 09-11-2009 (09-11-2009, 13:48)SARUN Wrote: สูตรสำหรับเรื่อง อิสตรี ต้องถาม น้าป๋อครับ อย่าโยนมาซิครับ... เลือกเหมือนซื้อ Lottery ครับ ถูกรางวัล ก็ดีไป ไม่ถูกรางวัล ก็อาจฉีกทิ้งลงถังขยะ! หรือจะเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก? RE: The end of Thailand? - lungdang - 09-11-2009 ผมจะเลิกใช้กีต้าร์ต่างชาติ หันมาใช้กีต้าร์ไทย ๆ...คาราบาว ...55 RE: The end of Thailand? - povation - 09-11-2009 (09-11-2009, 17:05)lungdang Wrote: ผมจะเลิกใช้กีต้าร์ต่างชาติ หันมาใช้กีต้าร์ไทย ๆ...คาราบาว ...55 กีตาร์คาราบาว ผลิตที่ต่างประเทศ....มั๊งครับ RE: The end of Thailand? - love666 - 10-11-2009 เอามาฝาก อ่านกันขำๆนะ http://www.timesonline.co.uk/tol/news/world/asia/article6909258.ece ใครว่างแปลที 12 หน้าแหนะ RE: The end of Thailand? - Maow - 10-11-2009 แหม...น้าโอ๋หลอกกันติดคุกง่ายๆซะแล้ว... ขอบคุณมากครับที่ส่ง link ให้ ผม print ออกมาแล้ว จะดูว่าเขากล่าวถึงบุคคลที่ผมเคารพสักการะว่าอย่างไรบ้าง เป็นตามข่าวหรือเปล่า... RE: The end of Thailand? - love666 - 10-11-2009 ไม่ใช่ๆ เอามาฝากให้น้าๆอ่านความปลิ้นปล้อนของคน เห็นมีคนไทย ทั้งที่อยู่ในไทย และต่างประเทศ ไปโพสต่อต้านบทความสัมภาษณ์นี้ เยอะเลย ไม่รู้ว่า ทำไม Times, CNN ถึงตั้งใจตั้งคำถามให้ตรงคำตอบ หรือประเภทเงินมาผ้าหลุด แต่ถ้าเป็นประเภทเงินมาผ้าหลุดก็น่ากลัวนะ ขนาด Times, CNN มันยังซื้อได้ RE: The end of Thailand? - auitaka - 10-11-2009 ฮ่วย...เดี๋ยวก็โยงไปเรื่องความสัมพัธ์ระหว่างประเทศ RE: The end of Thailand? - BytSerk - 11-11-2009 มาต่อเรื่องน้าหม่าวครับ ผมคิดว่าตัวเองยังใช้คำว่านักศึกษาจบใหม่ได้อย่างไม่เคอะเขินเท่าไหร่นะครับ เพราะพึ่งรับปริญญาไปเมื่อมกราฯที่ผ่านมา ตอนผมจบมา ผมจบปริญญาตรีจากภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษย์ศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันถูกลดบทบาทเป็นเพียง สาขาวิชาจิตวิทยา โดยไปรวบขึ้นอยู่กับภาควิชาหนึ่งๆ ซึ่งผมก็จำไมได้ว่าภาคฯไหน มันเป็นจากไอ้มหาลัยนอกระบบเนี่ยแหละครับ งบที่ได้มาจำกัดจำเขี่ย ภาคไหนบุคลากรเยอะ คนเยอะก็ต้องจ่ายเยอะตาม เลยมีการเมืองภายในทำให้อาจารย์ที่ผมเคารพรักหลายท่านต้อง early ไปก่อนด้วยเหตุผลที่ว่า ขาดประสิทธิภาพในการสอน เพราะเค้าใช้ไม้เท้า แล้วตั้งเงื่อนไขว่าอาจารย์ใหม่ที่จะรับเข้ามาต้องมีวุฒิปริญญาโทหรือเอกขึ้นไปเนี่ยแหละครับ ซึ่งปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า บุคลากรสายจิตวิทยาคลินิก ไม่ใช่จิตแพทย์นะครับ ต้องใช้คำว่าขาดแคลนผู้มีความเชี่ยวชาญในไทยมากๆ ครับ เพราะบ้านเราไม่ได้บูมเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนต่างประเทศ ทำให้พูดกันตรงๆ ก็คือ อาจารย์มีแต่ออกไม่มีเข้า ปีที่ผ่านมาเกษียณพร้อมกัน 5 ท่าน เหลือทั้งภาคไม่ถึง 7 ท่าน แต่วิชาจิตวิทยาเบื้องต้น 103 คนลงเรียนกว่า 10 section ทำให้ต้องจ้างอ.พิเศษ บุคลากรน้อยลง เพื่อให้คณะประหยัดค่าใช้จ่าย จึงถูกลดบทบาทจากภาควิชาไปเป็นสาขาอย่างที่ว่าครับ ผมชอบติดตามข่าวเรื่องการเมือง แต่ผมเกลียดการเมืองภายในทุกๆ ที่ๆ สุดเลย แต่ยังไงก็เลี่ยงได้ยาก ล่าสุดมีการจัดงานครบรอบ 45 ปีจิตวิทยามช. ซึ่งทางคณะ ไม่ยอมให้จัด วิ่งเต้นคัดค้าน แต่สุดท้ายเราก็จัดได้ เชิญคนมาได้หลักร้อยคน แต่พองานเริ่มจริงๆ ทางคณะก็สวมรอยจัดงานครบรอบ 45 ปีคณะมนุษยศาสตร์ทับ (ภาควิชาผมเปิดพร้อมๆ กับมหาลัยครับ) .... แล้วก็เอาหน้าว่าเป็นงานของตัวเองทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมคัดค้านอีกต่างหาก ผมสงสารเด็กรุ่นหลังๆ มาก พ่อแม่หลายๆ ท่านส่งลูกมาเรียนรัฐบาลเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และต้องการการศึกษาที่มีคุณภาพ แต่ตอนนี้ค่าใช้จ่ายแทบไม่ต่างจากมหาวิทยาลัยเอกชน คุณภาพครูก็เริ่มจะไม่ต่างกันเพราะอยู่ ม.รัฐก็อย่างที่น้าหม่าวว่า ไปอยู่เอกชนบางที่ยังได้เงินมากกว่า เหมือนแพทย์ที่อยู่เอกชนดีกว่ารัฐบาล อนาคตเยาวชนรุ่นหลังประเป็นยังไง หนอ.... ป.ล.ขอตอบหัวข้อหน่อยครับ ผมเป็นคนหัวหนักหูหนัก เชื่อยาก แต่ถ้ามีเหตุผลที่เพียงพอก็ทำให้เชื่อได้ง่าย สำหรับเรื่องนี้ผมก็ได้รับเมลล์มานานแล้วเหมือนกันครับ ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พระสยามเทวาธิราช คงไม่ได้ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับไทยหรอกครับ ผมไม่ได้งมงายแบบว่า อยู่เฉยๆ มันก็ดีขึ้นเองอะไรแบบนั้น ผมเชื่อว่าบ้านเมืองเราประเทศเรา ไม่สิ้นคนดีครับ RE: The end of Thailand? - Maow - 11-11-2009 ตอนนี้งบประมาณแผ่นดินในหน่วยงานราชการถูกตัดหมดครับ เท่าที่ผมได้รับทราบมาปีนี้ที่ภาควิชาผมถูกตัดไปประมาณ 30% ซึ่งงบที่ผมควรจะได้มาพัฒนาภาควิชาในการซ่อมแซม หรือเพื่อปรับปรุงโดนไปประมาณล้านกว่าบาท เชื่อว่าที่อื่นก็คงได้รับผลกระทบเหมือนกัน ยิ่งภาควิชาผมเป็นภาคที่ใช้ของแล้วเป็นของเสียทั้งหมดเนื่องจากเป็นสารเคมี ทำให้เงินที่จะจัดส่วนไปซื้อสารเคมีนั้นจำกัดจำเขี่ยมากๆเลยครับ แล้วยิ่งต้องให้นักศึกษาทำวิจัยอีกยังคิดอยู่ว่าจะหมุนเงินอย่างไรดี... RE: The end of Thailand? - Maew - 12-11-2009 (07-11-2009, 22:32)napman Wrote: ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย ผมขอแสดงความเห็นในส่วนของBig-C, โลตัส, คาร์ฟูร์ VS โชห่วย ละกันนะครับ เพราะคิดว่า เรื่องนี้มีอะไรที่น่าพูดถึงมากกว่าการคิดว่า ซื้อของโชห่วยคือช่วยชาติทางหนึ่ง เพราะเงินยังอยู่ในมือคนไทย การที่ห้าง B,C,L สามารถเสนอราคาได้ถูกกว่าร้านโชห่วย และสามารถดึงคนซื้อไปได้มากกว่านั้น มันมีที่มาที่ไปจากกลไกเศรษฐศาสตร์และการวางแผนที่ดี ราคาของที่ถูกกว่านั้นมีที่มาจากอำนาจต่อรองโดยการสั่งซื้อจำนวนมาก และ ใช้ประโยชน์จากการบริหารโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ร้านโชห่วยทำไม่ได้ ด้วยสเกลที่เล็กกว่ามาก ว่าที่จริงแล้ว ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่คนไทยยังทำไม่ได้ เพราะ เบื้องหลังการสั่งซื้อและการบริหารจัดการนี้ คือ ทฤษฏีทางวิชาการแบบฝรั่งที่มีการศึกษาอย่างยาวนานและการนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราเดินตามหลังฝรั่งมาตลอด ข้อสังเกตที่ผมอยากจะเสนอ คือ การที่ผู้ผลิตสามารถให้ราคาสามห้างถูกกว่า ย่อมต้องบวกลบคูณหารแล้วว่า เมื่อคิดภาพรวมแล้วการขายให้สามห้างนั้นจะต้องได้กำไรมากกว่าหรือเท่ากับที่ขายให้ร้านโชห่วย ซึ่งต้นทุนที่ลดลงไปนี้ก็อาจจะมาจากหลายปัจจัยนะครับ เช่น การใช้ต้นทุนคงที่อย่างคุ้มค่าในการผลิตคราวละมากๆ, การวางแผนงานล่วงหน้าได้จากจำนวนการสั่งซื้อที่แน่นอนและสม่ำเสมอ, ค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการบริหารการขนส่ง สิ่งเหล่านี้ นอกจากจะส่งผลกับการบริหารจัดการภายในโรงงานตัวเองแล้ว ยังสามารถสร้างอำนาจต่อรองกับ supplier ของตน ได้อีกทอดหนึ่งด้วย ซึ่งจะส่งผลให้สามารถซื้อวัตถุดิบของตนได้ถูกลงในทำนองเดียวกัน นอกจากเรื่องต้นทุนในการบริหารแล้ว สิ่งที่การทำสเกลใหญ่จะได้เปรียบคือ จำนวนของเสียที่จะน้อยลง ลองเดินเข้าไปร้านโชห่วย เราจะเห็นว่า ของหลายอย่าง เช่น ซีอิ๊วบางขวด เก็บมานานจนฝุ่นเกาะ ไม่รู้ว่าหมดอายุไปหรือยัง นี่คือ สิ่งที่เสียไปฟรีๆ โดยที่เจ้าของร้านโชห่วยหรือผู้บริโภคที่โชคร้ายต้องแบกรับภาระไป การหมุนเวียนสินค้าในสเกลใหญ่จะทำให้จำนวนของเสีย, ของหมดอายุ น้อยลง เพราะ สามารถถ่ายของได้เร็วและมีการวางแผนการสั่งซื้อที่ดี ในแง่ของอุปสงค์(Demand)เองก็เพิ่มขึ้นด้วย เพราะ ของถูกรวบรวมไว้ที่เดียว,วางไว้ให้หยิบหาง่าย, ของดูใหม่ ทำให้คนพร้อมจะควักกระเป๋าจ่ายได้ง่ายขึ้น ลองนึกดูเวลาเราไปร้านโชห่วยเราก็จะไปถามหาของที่เราจำเป็นต้องใช้ ซื้อเสร็จก็รีบกลับ ไม่คิดจะเดินทอดหุ่ยดูอย่างอื่นเพลินๆ เพราะบรรยากาศไม่น่าอภิรมย์เอาซะเลย เวลาไปเดินโลตัสมันน่าเดินดูนั่นดูนี่กว่าเป็นไหนๆ ไอ้ที่ไม่นึกจะซื้อ บางทีก็ซื้อเอาง่ายๆ และเมื่อกำลังซื้อเพิ่มขึ้นก็จะย้อนกลับไปที่สเกลการผลิตที่ใหญ่ขึ้นและต้นทุนที่ถูกลงอีก ผมกำลังจะบอกว่า เราไม่อาจจะมองว่า ต้นทุนน้ำปลาหนึ่งขวดที่ขายให้ร้านโชห่วย กับ ที่ขายให้สามห้างยังมีราคาเท่ากันอยู่ เดิมที่ผู้ผลิตมีต้นทุนน้ำปลาขวดละ 10 บาท อาจจะขายให้โชห่วย 11 บาท แล้วโชห่วยขายให้ผู้บริโภค 12 บาท ด้วยความได้เปรียบจากขนาด เมื่อต้นทุนของผู้ผลิตลดลง สมมติเหลือ 9 บาท ก็จะทำให้ผู้ผลิตสามารถขายให้สามห้างที่ราคา 10 บาทโดยที่กำไรยังคงเดิม และ สามห้างขายให้ผู้บริโภคในราคาที่ถูกกว่าโชห่วยได้คือ ที่ 11 บาท ร้านโชห่วยเองนั้น ทุกวันนี้หลายร้านก็ซื้อจากสามห้างเพราะด้วยจำนวนสั่งซื้อที่น้อยกว่ามาก ราคาที่ได้ก็ไม่ต่างจากซื้อจากผู้ผลิตมากนัก ถามว่า ผู้ผลิตได้กำไรลดลงไหม อาจจะมีครับ แต่ผมคิดว่าส่วนใหญ่ได้กำไรเพิ่มขึ้น เป็นไปได้ว่า ทำไปแล้วอาจจะไม่ได้กำไรมากกว่าขายให้โชห่วยอย่างที่คาด แต่อย่างน้อย ตอนที่ตัดสินใจจะขายให้สามห้าง ทางผู้ผลิตจะต้องได้ข้อเสนอที่คุ้มค่ากว่าเดิม และถ้าไม่คุ้มก็คงเลิกส่งของให้ไปแล้ว ถามว่า ผู้บริโภคได้อะไร ก็เห็นกันง่ายๆนะครับว่า ได้ของที่ถูกลง และจับจ่ายซื้อของได้สะดวกขึ้น ถ้าอย่างนั้น เงินที่ต่างชาติเอาไปคือเงินจากใครในระบบเดิม แย่งกำไรไปจากร้านโชห่วยหรือ น่าเศร้าที่จะต้องบอกว่า ใช่ แต่คงต้องกล่าวไว้ด้วยว่า กำไรนี้มาจากเงินที่เสียไปโดยไม่จำเป็นในระบบเดิม เช่นนั้นแล้ว ถ้าจะบอกว่า เราอยากจะช่วยชาติโดยซื้อของร้านโชห่วย เพราะเงินจะได้อยู่ในมือคนไทย ก็ยังอยู่จริงๆล่ะครับ แต่คงต้องระลึกไว้ด้วยว่า เงินจำนวนนี้คือ เงินที่เราเอาไปทิ้งกับการสูญเสียที่เกิดจากระบบที่มีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่า โดยได้ของเหมือนเดิม ผมมองว่า สิ่งที่สามห้างเสนอให้ เป็นเพียงเครื่องมือในการจัดการการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพกว่า และไม่มีใครเสียประโยชน์ไปมากนัก นอกจากห่วงโซ่ที่อ่อนแอในระบบเดิม ซึ่งก็ต้องพัฒนาตัวเองโดยหาจุดขายอื่น หรือไม่ก็ ไปทำอย่างอื่นที่สร้างประสิทธิภาพที่ดีกว่าให้กับสังคม มองในอีกแง่หนึ่ง ถึงแม้ร้านโชห่วยจะล้มหายตายจากไปบ้าง แต่สามห้างนี้ก็สร้างงานสร้างอาชีพอื่นๆขึ้นมาทดแทน ตั้งแต่การก่อสร้าง, การบริหารงาน, เจ้าหน้าที่ต่างๆอีกมากมาย ซึ่งอาจจะใกล้เคียงจำนวนร้านโชห่วยที่หายไปก็ได้นะครับ ในระยะยาว ก็คงเป็นที่ถกเถียงกันต่อไปได้นะครับ ว่า อาณาจักรที่สามห้างสร้างขึ้นมาอาจจะสร้างอำนาจต่อรองได้มากเกินไปและส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆมากกว่าจะกระทบแค่โชห่วย แต่อย่าเพิ่งตระหนกไปครับว่า ซื้อของ 100 บาท เงินไปอยู่ฝรั่งเศสตั้ง 86 บาท แล้วอีกหน่อยเงินคงถูกดูดจากประเทศไทยไปเรื่อยๆ เงินที่เราซื้อของไป 100 บาทไม่ได้ไหลไปฝรั่งเศส 86 บาท ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนสินค้า ซึ่งก็ยังอยู่กับผู้ผลิตไทยนี่แหละครับ. |