เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: Others (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=12) +--- Forum: Travel / Telling story (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=6) +--- Thread: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ (/showthread.php?tid=1657) |
RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - povation - 29-05-2008 ขอให้ลูกของคุณแม่ไม่ดื้อและเชื่อฟังอยู่โอวาทของคุณแม่ตลอดไปด้วยครับ ร้อนตัวซะแล้วว่าตัวเองดื้อ เลยจะดื้อน้อยลง ผมเพียงกราบอวยพรให้คุณแม่มีลูกที่น่ารักตลอดไป มิใช่หมายความว่าตอนนี้คุณแม่มีลูกที่ไม่น่ารักซักกะหน่อย RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 29-05-2008 หน่าพี่ เดะดื้อ เดะซน .....เค้าว่า เปนเดะฉลาด.... ตอนอ่านเเม่หัวเราะกร๊าก ก้อเพราะอ่านของพี่นี่เเหละ เค้ารู้กัน ตั้งเเต่สมัย อยุธยา บางระจัน ยันยุคเดะเเนว ..... ..... ว่า หัทยา เนี่ยย์นะ เเสนจะไม่ดื้อ.. ไม่ซน อย่างกะผ้าพับไว้ ในกรงลิง เเต่วางไว้สมัย ยุค สำริดหล่ะครับ .... ตอนนี้ เรียบมากๆ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - Run - 29-05-2008 มาช้าไปนิด ยังไงก็ขอร่วมอวยพรให้คุณแม่น้าหนึ่งด้วยนะครับ ขอให้ท่านมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง อารมณ์สดชื่นแจ่มใสเพราะมีลูกชายเล่นเพลงให้ฟังเสมอๆครับ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - poPPie - 29-05-2008 hattaya111 Wrote:หน่าพี่ เดะดื้อ เดะซน .....เค้าว่า เปนเดะฉลาด.... ผมว่า " เปนเดะปาหลาด " หละสิไม่ว่า ! แป่วววว))) !@#$ มาป่วนกาทุ เดะแนว กันดีก่ะ แจ๋วปะนาย.... 55555 RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - poPPie - 20-06-2008 hattaya111 Wrote:ใช่ครับ หรือว่า...จะปล่อยให้จิตวิญญาณ อยู่หลังลูกกรงแสนสวยนี่ต่อไป แบบทดสอบสภาพจิตใจ บทที่ 1 ในห้องที่อวลไปด้วยเสียงครางเปียโนเบาๆ ยามเช้าหลังซดกาแฟหนึ่งแก้ว อากาศไม่ร้อน แว่วเสียงนกร้อง ถ้าฟ้าจะมีเมฆน้อยกว่านี้เพียงสักนิด คงเป็นเช้าในอุดมคติของศิลปินอิมเพรสชั่นได้สบายๆ เสียงลมหายใจเบาๆ จากคนข้างกายที่ยังหลับสบายอยู่บนเตียง แทรกในช่องว่างของเสียงดนตรี อบหัวใจให้อุ่นสบายอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้ายามหลับไหลนั้นว่างเปล่าเบาหวิว ไร้แต้มแต่ง ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก เป็นรูปหน้าที่ทำให้เกิดความสงบสุขขึ้นในหัวใจของคนที่มองเธออยู่ตอนนี้ บทกวีไร้ถ้อยคำบังเกิดขึ้นในใจ ยังได้ยินถ้อยคำที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ย ความสงบในใจคือเธอ เธอคือความสงบในใจ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - pok - 03-07-2008 ติดตามตอนต่อไปอยู่นร๊าคร่า อ่านแล้วเพลินมากเลย บางอย่างก็ยากเกินจะทำความเข้าใจ เงียบเอาไว้อาจง่ายกว่า งิงิ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 17-07-2008 hattaya111 Wrote:12.11 ผมพยายามจะเขียนต่อจริงๆ บางครั้ง การที่เราเอาเสื้อคลุม ที่เต็มไปด้วยหนามออกจากร่างกายเราไปเเล้ว การที่จะหยิบกลับมาห่มคลุมใส่นั้น บางทีก็ช่างยากเหลือเกิน ขอบคุณที่มีทั้งเมล์ ทั้งโทรศัพท์ ทวงถามอยากอ่านต่อ กราบขอบพระคุณมากๆครับ ที่สละเวลาให้ความสนใจมาอ่านเรื่องสั้น ที่ผมหัดเขียน /จนตอนนี้ คงจะเป็นเรื่องยาวเเน่ๆ 55555/ [attachment=9653] จากข้างบน ขอหยิบยกข้อความ ที่พาดพิงถึงการเขียนงานนี้ต่อ หรือ จะไปอ่านเเก้ขัดก่อนที่นี่ก็ได้ครับ เรื่องดินฟ้าอากาศ จิปาถะ http://www.nimitguitar.com/mybb/showthread.php?tid=1890 http://www.nimitguitar.com/mybb/showthread.php?tid=1495&page=4 อยู่เเถวๆนี้ กดไล่ตามหน้าไปครับ.... อ่านเล่นขำๆได้ เเต่ไม่เเน่ อาจมีหัวเรื่องอื่นก่อนก้อได้ครับ เรื่องนี้เขียนยากจริงๆ ขอบคุณที่ติดตามครับ..... RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - เฒ่าทารก - 17-07-2008 แง่มุมที่ดีมากครับ........อ่านไปเห็นความเป็นจริงของโลกได้ เห็นความเป็นจริงของสังคมได้ สัจจธรรมความเป็นไป....อ่านบางตอนแล้วสะท้อนใจ เนื่องด้วยตอนนี้กำลังอ่อนแอ ทุกอย่างเลยแห้งแล้งไปหมด แม้ฝนจะตกชุ่มฉ่ำเพียงไรแต่มันกลับทำให้หัวใจเหงาขึ้นมากมาย RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - hattaya111 - 26-08-2008 เรื่องเล่าแบบหัทยา ภาค 2 ฉบับแบบร่าง สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมคุณยายร้านขายของชำ ที่อยู่เลยบ้านผมไปไม่ไกลนัก ทำไมชอบมานั่งหน้าร้านของแกคนเดียว มองรถ และผู้คนผ่านไปมาได้ทุกวัน เห็นแกมานานตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว ที่มานั่งทำอะไรแบบนี้ ** ณัฐ..คิดขึ้นมาลอยๆ ขณะมองออกมาจากหน้าต่างห้องนอน ** สักครู่ต่อมา เค้าเองก็ได้มานั่งเล่นหน้าบ้านบ้าง ปล่อยให้สายลมพัดเย็นๆผ่าน ทั้งๆที่อาการไข้ขึ้นตัวร้อนยังคงอยู่ ไม่รู้ว่านี่คืออากาศเย็นขึ้น หรือ เพราะเราป่วยจึงมีความรู้สึกต่ออากาศที่เปลี่ยนไป เรื่องราวต่างๆ ยังวิ่งวนไปมาในสมอง มีความรูสึกถึงสายตาเวลามองอะไร เหมือนณัฐ จะไม่ได้มองเห็นในสิ่งตรงหน้า แต่ ...เหมือนมีอะไรมากมายที่มองไม่เห็นมาปรากฎอยู่ มันอาจทำให้ดูเหม่อ เพราะสายตาเหมือนไม่โฟกัสอะไรที่เห็นด้วยตาตรงนี้เลย เรื่องต่างๆในช่วงเวลาหนึ่ง ยังคงปรากฎในสมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเหงา ซึมเศร้า ดูๆจะเป็นเหมือนเพื่อนแท้ ที่ยังคงจับมือ นั่งเคียงข้างอย่างแท้จริง วันนี้เขามาทรุดตัวอยู่เคียงข้างเราอีกครั้ง ชายคนนี้ไม่รู้จะเดินทางไปไหนอีก ได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่หน้าบ้าน มองดูความเรียบง่าย ที่แสดงตนอย่างถ่อมตัวต่อไป ไม่มีที่ไหนให้หนีอีกต่อไปแล้ว....**ณัฐคิดอย่างนั้น ** การก่อเริ่ม การเดินทาง ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ดำรงค์อยู่ สูญสลายนั้น เป็นเรื่องแท้จริง ที่ต้องเข้าใจ และยอมรับมัน แม้จะอยากแก้ไขยึดเยื้อช่วงเวลาที่ดีแบบนั้นอีก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เสียงเจื้อยแจ้วที่คุ้นเคยในช่วงเวลาที่ดี ที่เรารู้สึกว่า ...ช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มีคนๆนึงก้าวเข้ามาในชีวิต พูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนมุมมองต่อโลก ด้วยชื่นชมในความคิดของกันและกัน ดีใจที่มีคนแบบนี้ หายใจอยู่ข้างๆไม่ห่างเรา คนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่า ใครสักคนที่จะเข้าใจในตัวตนแห่งกันและกัน อย่างแท้จริง ที่ๆปลอดภัยที่สุด ซึ่งคุณจะเป็นอย่างไรก็ได้ เป็นตัวของตัวเอง เล่าเรื่องที่สนุกที่สุด ภูมิใจ หรือ น่าอายที่สุด ไม่มีอะไรปิดบัง คนที่จะคอยหัวเราะกับเราในทุกเรื่อง ปลอบโยน ให้กำลังใจ เข้าใจในยามมีทุข์ใจปัญหา อ่อนแอเหนื่อยล้า ทุกคนคงหวังว่า...คนข้างๆคนนั้น คงจะเป็นแบบนี้ หรือ พยายามค้นหาใครคนนั้นให้คล้ายในอุดมคติที่ว่า ก็ลองดูนะ ค้นหากันต่อไป ในเวลาที่ไปเจอไปพบอะไร เราก็มีใจในส่วนที่อยากเก็บเกี่ยวแบ่งปันประสพการณ์ต่อกัน เช้าที่อากาศดีเช่นนี้ ณัฐมักจะส่งข้อความไปทักทายในยามเช้า เพื่อหวังจะสร้างรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยบ้าง หรือ ให้เค้ารู้สึกถึงว่ายังมีใครสักคนคิดถึงเค้าอยู่ นั่นคือกิจกรรมประจำที่ทำเพื่อ การก่อสัมพันธภาพที่ดีต่อเค้า และณัฐก็มีความสุข แม้จะไม่ค่อยมีอะไรส่งตอบกลับมา แต่เสียงจำนรรจา ด้วยเสียงที่อบอุ่นน่ารัก ดังแมวซุกซนตัวน้อย ก็เหมือนจะบอกความสบายใจต่อความรู้สึกต่างๆเมื่อได้สนทนากันอยู่เสมอ มาบัดนี้ความรู้สึกโหวงเหวงกลวงโบ๋ ว่างเปล่าวได้เข้ามาแทนที่ความเติมเต็มนั้น รถยนต์ที่วิ่งผ่านมา ก็วิ่งผ่านไป พร้อมสร้างทิศทางลมปะทะที่เปลี่ยนแปลง ณัฐเองเหมือนจะเข้าใจ การมานั่งปล่อยสายตา เฝ้ามองการเคลื่อนไหวหน้าบ้าน ของคุณยายคนที่เห็นมาแต่เด็กนั้น ได้ในขณะนี้ จริงๆ คือไม่มีอะไรเลย มันเป็นแค่กลวิธีง่ายๆ เป็นการทำลายความว่างเปล่าว แห่งช่วงเวลาเปลี่ยวเหงาของชีวิต การไม่หมกตัวเองอยู่ในห้อง หรือ พื้นที่แคบๆ ปล่อยตัวเองออกมาสู่พื้นที่ๆสามารถพบปะกับชาวโลก คือวิธีง่ายๆที่ทำให้เรารู้สึกหนีจากความเหงา บางคนก็เสาะหา เดินทางกันไปจะทั่วโลก สุดดาวดวงไหน ก็แล้วแต่วิธีจะทำลายความว่างเปล่าว ซึ่งจริงๆโดยแท้สุดท้ายคนเราก็ต้องสงบหายใจ และ กลับไปโดดเดี่ยวในที่ๆนึงอยู่แล้ว ....ในบั้นปลายท้ายชีวิตทุกคน เราต้องกลับไปทิ้งร่างไว้อย่างโดดเดี่ยว ในสถานพยาบาล หรือที่ไหนสักที่นึงก่อนที่จะดับลมหายใจสุดท้าย??.. ช่วงเวลาอันดูเหมือนน่าเศร้านั้น จะดูเงียบเหงาเพียงใดไม่อาจคิดได้ คนที่กำลังจะไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป จะมีอะไรค้างคา มีสิ่งใดค้างคาใจในความอยาก จะคิดจะทำอีกมากมายแค่ไหน ร่างกายและจิตใจนี้ รับใช้ความอยากในกิเลสต่างๆ ที่ต้องการมามากน้อยพอใจเพียงใด หรือ เค้าผ่านทุกสิ่งมาแล้วด้วยความเข้าใจ ระลึกถึงทุกสิ่งที่ผ่านมา ด้วยความทรงจำที่เปี่ยมสุข ว่าผ่านอะไรมาแล้วบ้าง ทบทวน เหมือนมองอัลบั้มภาพ หรือ อ่านไดอะรี่ที่บันทึกเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตนั้นๆ แล้ว แอบยิ้ม น้ำตาคลอริน อย่างเปี่ยมสุขที่ตื้นตัน จะมีใครสักคนจับมือ ใกล้ชิดเคียงข้างให้กำลังใจแก่กันหรือไม่ **ณัฐเหม่อคิดไปมากมายต่างๆนาๆ ** คุณยายที่ไม่เคยพูดจาอะไรมากมายนั้น น่าจะกำลังสอนเขาให้คิดอะไรบางอย่าง พรุ่งนี้จะมีงานต้องไปอัดเสียง แต่เขาไม่ได้หยิบกีตาร์มาใกล้ตัวเลย หลายวันแล้ว อาการไข้ขึ้น ดูจะเป็นข้ออ้างในการละเลยการฝึกซ้อมของเขาในขณะนี้ เสียงเพลงเรียกเข้า ด้วยเพลงหลอนๆที่ไม่ค่อยจะน่ามีใครใช้ดังขึ้น..... **ครับ ....ว่าไงเรา พรุ่งนี้ 2 ทุ่มหรอ ** **ได้ๆ...แค่นี้ก่อนนะ..พี่ไม่ค่อยสบาย แล้วเจอกันครับ ** ณัฐพูดสั้นๆ.....ในเวลาแบบนี้ เขาไม่อยากจะทำอะไรเลย แต่งานก็คือสิ่งที่ต้องทำหล่อเลี้ยงชีวิต เคยมีคนเคยตั้งคำถามไว้ว่า ...**ทำไมชั้นต้องทำงานกันหนักขนาดนี้ ** ไม่ได้มีเวลาชีวิตส่วนตัวเลย ยังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่ได้ทำ เวลาของการทำง่าน ดูดกลืนชีวิตที่อยากทำอะไรๆอีกหลายๆด้าน **เธอโชคดีนะ ที่ได้ทำในสิ่งที่เธอรัก และ เลี้ยงชีพได้** ?เขากล่าวกับณัฐ ณัฐเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ให้กำลังใจไปว่า ..... **จริงๆคนเราต่างเรียบง่าย ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ลองนึกถึงว่าเป็นสมัยอยุธยา สุโขทัย สมัยโบราณสิ ** ** คนเราก็ไม่เห็นต้องแก่งแย่งช่วงชิง อยากได้อยากมี ทำงานหามรุ่งห้ามค่ำขนาดนี้ เว้นแต่นานทีจะมีเรื่องศึกสงคราม นั่นก็กรณีย์พิเศษ แต่หากว่าคนเราถูกจัดวาง ในตำแหน่งที่เหมาะสม เข้าใจในการกระทำนั้นๆโดยเท่าทัน มีความสุข ได้ผลตอบแทนอย่างพอเพียง จริงๆมันก็แค่นั้นไม่ใช่หรือ ความสุขของคนที่ขับพอร์ช กับขี่จักยานวิบาก ถ้าหิวๆมานั่งทานก๋วยเตี๋ยว คงไม่เกิน 2 ชามคงน่าจะอิ่มแล้วทั้งคู่ และ คงไม่ได้สามารถขับรถทีละ 2 คันในเวลาเดียวไปไหนมาไหน ถ้าฟังเพลงก็คงฟังด้วยหูที่มีเพียง 2หู จริงๆมันมีเรื่องแง่คิดนึงที่ณัฐเคยได้ยินมาจากนักปฎิบัติธรรมท่านหนึ่ง เรื่องการบริหารกิเลส จริงๆทุกคนต้องมี การบริหารกิเลส และเลือกใช้เป็นแรงขับให้ไปสู่จุดอีกจุดหนึ่ง แต่ต้องเข้าใจและเท่าทันในพลังงานนี้ แม้จะไปนิพพานก็ยังต้องใช้ความอยากนี้ในช่วงเป็นแรงขับส่ง คำเหล่านี้ผุดขึ้นมาในสมองนึกชื่นชมธรรมมะที่ได้หวนคิด หัวใจมันพองโต ยิ้มแก้มปริ ..แต่น้ำตาก็อาบสองข้างแก้มเหมือนกัน ประโยคสนทนาเหล่านี้ เป็นคำที่เขาเคยพูดกับ **สา **คนที่เค้ารัก อาจจะเป็นในตอนที่เธอดูหัวปั่น ทำงานแทบไม่ได้นอน ณัฐก็จะหาวิธีพูดชลออารมณ์ ให้เธอนิ่งๆลงบ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว [ RE: เรื่องเล่า เเบบหัทยา^^ - SARUN - 26-08-2008 ผมมีคนรู้จัก ชื่อ** ณัฐ..** เหมือนกัน เขาชื่อ "ณัฐกมล" คงไม่ใช่คนเดียวกันมั้งครับ เพราะ "ท่าน" เศร้า ไม่เป็น |