NimitGuitar webboard
ศุกร์ 13 ฝันหวาน - Printable Version

+- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb)
+-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1)
+--- Forum: พูดคุยสนทนาทั่วไป (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=2)
+--- Thread: ศุกร์ 13 ฝันหวาน (/showthread.php?tid=1826)

Pages: 1 2 3 4 5 6 7


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - pood - 20-06-2008

น้าหม่าวถ่ายทอดประสพการณ์ของนักเรียนอังกฤษในยุคปัจจุบันใด้เยี่ยมครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก
ที่โดน "ล่ม" แบบยิ่งอ่านยิ่งมีสาระ

เรื่องนักเรียนอังกฤษนี่ผมเคยใด้รับฟังแต่เรื่องราวสมัยรัชกาลที่ 6 เพราะคุณพ่อผมใด้รับทุนไปเรียนกฏหมาย
ที่ ม. Oxford สมัยโน้นแค่นั่งเรือไปก็เป็นเดือนแล้วครับ ถ้าเขียนจดหมายถึงทางบ้านก็ใช้เวลาสี่เดือนกว่าจะ
ใด้รับคำตอบ คนไทยที่ไปเรียนเมืองนอกเลยผุกพันธ์กันมากกว่าสมัยนี้เยอะ ตอนเด็กฯผมยังตามคุณพ่อไปงานนักเรียน
เก่าอังกฤษที่สวนอัมพรทุกปีแต่ตัวผมเองไม่เคยไปงานนักเรียนเก่าอเมริกาเลยแม้แต่หนเดียว

ครั้งหนึ่งที่ไปอังกฤษผมใด้ไปเที่ยวที่ ม. Oxford เลยตระหนักว่าทำไมอังกฤษถึงเคยเป็นมหาอำนาจได้ มหาวิทยาลัยของเขา
ก่อตั้งมาแปดร้อยกว่าปีแล้ว สมัยนั้นคนไทยยังไม่มีตัวอักษรไทยใช้เลยแต่เดี๋ยวนี้เรามีความรู้ความสามารถไม่แพ้ฝรั่งแล้ว

เรื่องการเมืองที่เหลวแหลก การตักตวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง การพยายามจะขายชาติของคนไทยนี่มันมีมานานแล้วครับ ผมเคย
เอียนจนไม่คิดจะกลับมาอยู่เมืองไทยจนอายุเกือบสี่สิบถึงคิดได้ว่ายังไงที่นี่มันก็บ้านของเรา คนดีฯในเมืองไทยมีมากกว่าคนชั่วเยอะ
ครับไม่งั้นเราคงไม่เจริญขึ้นมาใด้หรอก สมัยผมเด็กฯนั้นพม่ากับฟิลิปปินเขาเจริญกว่าบ้านเราเยอะครับ


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - pop_250823 - 20-06-2008

เมื่อวันก่อนผมเล่นดนตรีมีแขกชาวอังกฤษคนนึงนั่งอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบพอผมลงเขาชวนนั่งคุย เขาบอกว่าอยู่ไทยมาสี่เดือนแล้ว(เขาพยายามพูดไทย แบบว่าฮามาก)และจะหาทางอยู่ให้นานที่สุดอาจจะหลายปี เขาชอบเมืองไทยที่สุดในขณะที่โต๊ะติดกันนั่งก็แขกหน้าเก่าชาวอเมริกันเขาว่าเขามาลา เขาเศร้าใจมากเพราะพรุ่งนี้ต้องบินกลับประเทศแล้วแต่จะกลับมาอีกตอนปลายปี หวังว่าคงได้เจอกันอีก เลยมานั่งคิดดู เออไอ้เราอยากไปเที่ยวบ้านเขาแต่มันกลับอยากปักหลักอยู่ไทย มันอะไรกันหนอ555


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - LittleNomad - 20-06-2008

Maow Wrote:
LittleNomad Wrote:น้าMaow อย่าลืมเล่าประสบการณ์ ย่าน Sex Industry แห่ง London ด้วยนะครับ...555...


น้าอ้วนครับ ผมจำชื่อย่านนั้นไม่ได้จริงๆครับ และไม่รู้ว่าเป็นย่าน sex industry หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ แม้กระทั้งกลางวันแสกๆ ผมเดินผ่านแถวนั้นก็ยังมีหญิง (ไม่รู้สาวหรือเปล่า) มายืนเรียกผู้คนที่เดินผ่าน รวมทั้งผมด้วย (เผอิญวันนั้นผมมีเงินในกระเป๋าไม่พอครับ....... จ๊าก ล้อเล่น)

ถ้าให้ชัวร์น้าอ้วนต้องลองไปที่เมือง Manchester ใกล้ๆกับย่านไชน่าทาวน์ ย่านนี้จะมีย่านที่คนทั่วโลกรู้จักดีคือ Canal Street แต่พวกผมชอบเปลี่ยนชื่อให้เขาใหม่คือตัวตัว C ตัวหน้าออก เป็น anal street ขอไม่แปลครับ ย่านนี้จะมีร้านขายเบียร์ เหล้า กาแฟ เต็มไปหมด แต่ที่น่าสังเกตุบริเวณหน้าร้านเหล่านี้จะมีธงสีรุ้งแทบทุกร้านครับ (เราคงรู้ความหมายธงสีรุ้งดี)
แล้วบริเวณแถบนี้ sex toy ก็เยอะมากครับ ผมเข้าไปแอบดู แต่ไม่กล้าซื้อ.... ย่านนี้รู้ดีว่าเป็นย่านของ... ที่ใหญ่ดูเหมือนเป็นอันดับสองของโลกรองจากที่อเมริกา (ถ้าข้อมูลผมไม่คลาดเคลื่อน) เพราะเขาจะมีงานประจำทุกปี ปิดถนน เดินกันแบบเอิกเหริก

ผมว่าน้าฯ แกล้งทำ Soho จำไม่ได้มากกว่า...555...


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - SARUN - 20-06-2008

pood Wrote:กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก
ที่โดน "ล่ม" แบบยิ่งอ่านยิ่งมีสาระ

ต้องผลักดัน ให้เป็นวาระแห่ง เวปฯต่อไป เพื่อให้เป็นอีก1ในบรรทัดฐานของสังคมบ้านนี้


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - LittleNomad - 20-06-2008

โบราณว่า :
...เข้าป่า อย่าถามหาเสือ
ลงเรือ อย่าถามหาเข้...

สมัยนี้ว่า...
...เข้าเว็บ ให้ถามสาระ
เรื่องสะเปะสะป ถามหา (แก๊งค์) ล่ม...


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - pop_250823 - 20-06-2008

5555555 กลอนน้ารอนเจ๋งสุดๆ แก๊งล่มจามกันหมดแน่ คมมากครับ อิอิ


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - karn - 20-06-2008

pop_250823 Wrote:รูปเท่ มากมายครับ สิงโตตัวนี้ถ้าอยู่เมืองไทยคนคงไม่กล้าขึ้นไปนั่งเพราะคงเต็มไปด้วยพวงมาลัยและผู้บูชาเพื่อขอเลขครับ อิอิ
ท่าจะจริงแฮะBig Grin

Maow Wrote:เสียดายที่ผมไม่ทราบว่าน้า Karn จะไปอังกฤษโดยเฉพาะลอนดอน ไม่งั้นจะให้เข้าไปที่สถานทูตทางการศึกษาอยู่ที่ย่าน Kensington จะได้เข้าไปดูบรรยากาศ และรูปภาพเก่าๆ ของรัชการที่ 5 ที่ถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนทุนสมัยเก่าๆ รวมถึงบรรยากาศก็ขลังมากด้วยครับ และถ้าดูในภาพนั้นแล้ว เราจะรู้สึกได้ทันทีว่า นามสกุลนี้มัน..... คุ้นๆ และเป็นนามสกุลผู้ดีเก่า อย่างไม่มีข้อน่ากังขาเลยครับ ถ้าได้ไปคราวหน้าอย่าลืมไปที่สถานทูตนี้นะครับ เพราะเขาต้อนรับคนไทยทุกคน มีที่พักให้ด้วยคืนละ 20 ปอนด์ ตอนเช้ามีข้าวต้ม ให้ด้วยครับ
แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนกับว่า ห้องแถวแคบๆ เก่าๆ ขลังๆ ของสถานทูตที่นี่มันมีมนต์ มีความอบอ่นเหมือนเราได้กลับสู่ผืนแผ่นดินไทย

"สำนึกในแผ่นดินถิ่นเกิดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของความเป็นคนไทย"

ขอบคุณน้าหม่าวมากๆครับ ที่เล่าชีวิตนักเรียนไทยในอังกฤษให้ฟัง ฟังแล้วเห็นภาพตามเลยครับBig Grin
เนื่องจากฮีโร่ของผม(พ่อ) ได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ Federal Aviation Administration (FAA) Oklahoma City
ผมจึงฝันที่จะเจริญรอยตาม แต่นับเป็นอีกหนึ่งความฝันในหลายๆฝัน ที่ต้องโยนลงกระป๋องทิ้งไป
นอกเหนือจาก เป็นไกด์ทัวร์ เป็นช่างภาพสารคดีเชิงท่องเที่ยว(ผมฝันอย่างนี้จริงๆนะครับ ไม่ได้เขียนเอาใจพี่อ้วน)
เป็นเหมือนคุณ วีระ นุตยกุล ฯลฯ นอกจากนั้นก็ อยากมีแฟนเป็นแอร์
(บังคับให้ต๊ะไปสมัครเป็นแอร์ แต่อายุเกิน เลยต้องเป็น แอกี่ แทน)Tongue

ตลอดทุกคืนที่ลอนดอน ผมพักที่สถานทูตทางการศึกษา อย่างที่น้าหม่าวว่าไว้ครับ 20ปอนด์+อาหารเช้า จากฝีมือป้าปุ๋ย
เลยเอาภาพมาฝากน้าหม่าวครับ บรรยากาศเหมือนที่น้าหม่าวเล่าไว้ไม่มีผิดเลยครับBig Grin


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - .::.pOoH.::. - 20-06-2008

ใครจะไปรู้ว่ากระทู้ศุกร์ 13 ฝันหวานของผม จะโดนล่มอย่างน่าอ่านถึงเพียงนี้ (^___^)


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - karn - 20-06-2008

บรรยายภาพ
ด้านบน
1.ห้องนอนครับ 2.ห้องน้ำ 3.บันได(ข้างล่างเป็นห้องพักผู้หญิง) 4.นักเรียน 5.มองออกไปด้านนอก


ด้านล่าง
1.ลิฟต์ 2.รศ.ดร.ลัดดา-ป้าปุ๋ย-นักเรียน 3.อีกมุมหนึ่ง 4.ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.5 ทรงฉายคู่กับ ร.6
5.ภาพนักเรียนเก่าอังกฤษครับ

ปล.ผมไปลอนดอนมาหลายปีแล้วครับ เอาภาพเก่ามาทำเป็น avatar น่ะครับBig Grin


RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน - Maow - 20-06-2008

ขอบพระคุณน้ากฤษณ์ที่ร่วมเล่าประสพการณ์ดีๆของอังกฤษครับ โดยเฉพาะ Oxford เป็นอะไรที่ขลังมากเพราะเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ อาจารย์ที่สอนที่นั้นก็ดังมากๆ ผมมีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันตอนนี้ที่ภาควิชาเคมี เธอก็จบมาจาก Oxford เช่นกัน เธอเล่าให้ผมฟังว่าเธอได้เคยเคยเรียนกับ Professor ท่านหนึ่ง (ชื่อ Prof.Atkin) ซึ่งเป็นคนที่เขียนหนังสือให้พวกเรานักศึกษาไทยสาขาวิทยาศาสตร์เคมี และนักศึกษาสาขานี้ทั่วโลกได้ศึกษา ไม่มีใครไม่รู้จักท่านนี้ เธอเล่าให้ฟังว่าขนลุกตอนเห็นหน้า เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอ เพราะท่านเป็น visiting prof. เหมือนกับตอนที่ Einstein เคยไปเป็น visiting prof. ให้กับมหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกาสมัยก่อน แต่เธอบอกผมว่า "เรียนไม่รู้เรื่องเลย" ทำไมคนเก่งๆ ถึงได้สอนหนังสือได้แบบว่า..... ดังนั้นเธอเลยต้องศึกษาด้วยตัวเองให้มากหลังจากที่เรียนออกจากห้องเรียนมาแล้ว ดังนั้นการเรียนก็เลยเป็นแบบ child centre หรือพูดอีกอย่างก็คือต้อง self service เพราะไม่เคยมีอาจารย์ท่านไหนเอาวิชามาป้อนให้เราถึงปากเหมือนกับที่ประเทศไทยเลย

อย่างที่น้ากฤษณ์ได้กรุณากล่าวไว้ว่าการเรียนการสอนที่อังกฤษมีมานานมากแล้ว เป็นตำนานที่เขียนก็ไม่มีวันรู้จบ มีความขลังในตัวของมหาวิทยาลัย อย่างเช่นผมเคยเดินข้ามถนนไปที่ Imperial Collage ซึ่งอยู่บนถนนเดียวกันกับสถานทูตทางการศึกษาของไทยที่ Kensington street ผมยืนบริเวณที่เป็นที่สลักชื่อของผู้ก่อตั้งและตำแหน่งของ Chancellour ที่ผ่านมาบริเวณหอเกียรติยศที่ประดับด้วยโล่ห์ ธงที่มีรูปคล้ายๆกับโล่ห์ หรือธงอัศวิน ที่เราเคยได้ดูหนังสมัยก่อนที่เป็นประวัติของอังกฤษ ขนลุกเลยครับ มันขลังจริงๆ สถานที่สามารถสะกดผู้มาเยือนด้วยบรรยากาศได้จริงๆ.....

เลยได้คติอีกว่า "ตำนานมีไว้ให้เรียนรู้และระลึกถึง"
ประสพการณ์เหล่านี้ผมอยากเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังครับ อย่างน้อยก็ร่วมซึมซับบรรยากาศที่ดี บรรยากาศที่มีคนหยิบยื่นมาให้ เพราะผมก็เปรียบเสมือนกับเด็กบ้านนอกที่มีโอกาสดี เพราะทุนเหล่านี้ก็มาจากภาษีอากรของประชาชน ตอนนี้ผมก็เลยต้องมาใช้หนี้ประชาชนโดยการสอนหนังสือให้กับลูกของประชาชนที่ผมเอาเงินเขาไปเรียน เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องกีต้าร์ ไม่งั้น โรงงาน Lowden หรือ Mcilroy ก็คงหลบผมไม่พ้น เพราะเดินทางแป๊บเดียวก็ถึงครับ จะได้ไปจิบ Black beer (Guiness) ที่ Northern Ireland ซะเลย