OPEN HOUSE III - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: Classified (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=7) +--- Forum: ซื้อ-ขาย / Buy-Sell (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=8) +--- Thread: OPEN HOUSE III (/showthread.php?tid=5545) |
RE: OPEN HOUSE III - edo - 04-12-2009 (04-12-2009, 20:00)boobyblue Wrote: น้าหมอหายไปไหนมาครับ? ...สวัสดีครับน้าบู........เข้าวัดมาครับ อิอิ..... ...สบายดีนะครับ RE: OPEN HOUSE III - SARUN - 04-12-2009 (01-12-2009, 10:22)pood Wrote: วันเสาร์...13.00-18.00 สามารถลองกีต้าร์โปร่งทุกรุ่นใด้ที่คอนโดซอยอารี 5 เพราะผมเก็บกีต้าร์ไว้ที่คอนโด เดี๋ยวพรุ่งนี้ วันเสาร์ จะเข้าไปลองกีต้าร์ไฟฟ้า ที่คอนโด นะครับ ( เพราะ ไม่ได้จะซื้อกะเขา...!!!) RE: OPEN HOUSE III - pood - 05-12-2009 สวัสดีน้าบูด้วยครับ ตัวต่อไปครับ 1978 Yamaha Studio Lord SL700S ในยุค 70's นั้นกีต้าร์ญี่ปุ่นเกือบทุกยี่ห้อทำก้อปปี้ของ Les Paul ออกมาขายกันให้เกลื่อนเมือง สมัยนั้น Yamaha เป็นกีต้าร์ไฟฟ้าของญี่ปุ่นเพียงยี่ห้อเดียวดีใด้รับการยอมรับในอเมริกาว่าคูณภาพเหนือกว่า Gibson ในรุ่น SG2000 ที่ส่งเข้าไปตีตลาดที่โน่นและขายดีกว่า Gibson SG ด้วยซ้ำ พอ SG series ตีตลาดโลกใด้ยามาฮ่าก็เลยออกแบบรุ่น Studio Lord ออกมาเพื่อนำไปกัดกับ Les Paul บ้างโดยในรุ่นสูงๆมีหลายอย่างที่เหนือกว่า Gibson อย่างเช่น 1. มีการคัดไม้ที่ใช้ลายสวยกว่าและลบมุมปราณีตกว่า Gibson 2. รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มี coil tap ที่เปลี่ยนจาก humbucker เป็น single coil ใด้ทั้งตัวหน้าและตัวหลังในปี 1977 (SGเริ่มใช้ในปี 1983) 3. การต่อคอกับ body และการตั้งองศาคอทำใด้เนี้ยบกว่า GIbson ยุคนั้นเยอะ รุ่นนี้สามารถตั้ง action ใด้เตี้ยกว่า Les Paul จนเอามาเล่น tapping แบบ Eddie Van Helen ใด้สบายๆ 4. Pickup Alnico III ที่ใช้กับรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกแรงกว่าปิ้คอัพของ Gibson เยอะครับ ตอนแรกนั้น yamaha กะตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า LP ( Lord Player ) แต่มาโดน Gibson ฟ้องซะก่อนจนต้องเปลี่ยนชื่อรุ่น SG เป็น SBG สำหรับกีต้าร์ที่ขายในอเมริกาก็เลยขอปลอดภัยไว้ก่อนโดยเปลี่ยนชื่อรุ่นนี้เป็น Studio Lord ส่วนชื่อ Lord Player นั้นเอากลับมาใช้ในยุค 80's แต่ไม่มีการส่งออกนอกญี่ปุ่นครับ รุ่นนี้ไม้หน้าเป็น maple, ebony fretboard By krispood at 2009-12-04 ไม้หลังเป็น soild mahogany สองชิ้น By krispood at 2009-12-04 By krispood at 2009-12-04 Bridge และ tailpiece ผิวขรุขระแต่โครเมี่ยมไม่ลอก ตรงนี้เป็นชิ้นส่วนอย่างเดียวที่ไม่เหมือนใหม่ By krispood at 2009-12-04 Tone knobs กดเพื่อ split coil ใด้ทั้งหน้าหลัง By krispood at 2009-12-04 Headstock ตัวนี้ made in Japan นะครับ By krispood at 2009-12-04 กระเป๋าหนังของแท้ By krispood at 2009-12-04 แอคชั่นต่ำมากโดยไม่ buzz By krispood at 2009-12-04 ตัวนี้ราคาขายเมื่อ 31 ปี่ก่อน 70,000 yen ไม่รวม gig bag ครับ สภาพสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น series นี้มา 1985 Yamaha VX-1 (Japan) ตัวนี้ยังขี้เกียจลงรายละเอียดครับเพราะไม่มีใครสนใจ ต่อไปเป็นกีต้าร์ HOLLOW BODY ครับ 2004 D? Aquisto Jazz Line, original hard case, excellent condition?.54,000 ตัวนี้ราคาของใหม่แพงเอาเรื่องครับ ราคาตั้งในอเมริกาประมาณ 175,000 บาท ราคา sale ประมาณ 140,000 บาทยังไม่รวมค่าส่งมาเมืองไทย ไม้เป็น flamed maple ทั้งตัว Fretboard, tailpiece เป็น ebony Headstock สไตล์ Art Deco (รอยขี้มือเต็มเลยเพราะลืมเช็ดครับ) Pickup เป็น Kent Armstrong U.S.A.( Kent A. มีสามโรงงานสามราคาครับ ถูกสุดทำที่เกาหลี ราคากลางๆทำในเช็คโกส่วนพวก handmade ทำในอเมริกา) Pickguard เป็น rosewood ครับแต่ผมยังไม่เคยใส่ ตัวนี้สภาพเหมือนใหม่แต่ที่ขายถูกกว่าของใหม่แสนกว่าบาทเพราะมีรอยเล็กสองรอยตรง binding ด้านหลังครับ RE: OPEN HOUSE III - pood - 05-12-2009 ตอนนี้ศิลปินแจ้ซไทย ( Mr. Sarun) ยังไม่ว่าง ลองฟังฝรั่งแก่ๆเล่นรุ่นนี้ไปพลางๆก่อนแล้วกันนะครับ http://www.youtube.com/watch?v=cEYMoolnAMA ตัวต่อไปครับ 2006 Hofner New President, original hard case, like new??53,000 ตัวนี้ถ้าซื้อของใหม่ก็เกินแสนเหมือนกัน ผมเอามาขายในงาน Open House II ในราคา 65,000 บาทปรากฏว่ามีคนเอ่ยปากจองกันหลายคนแต่ผ่านไปหนึ่งปีก็ยังไม่มีใครมาเอา เปิดบ้านคราวนี้เลยขายแค่ 53,000 บาท ที่ขายเพราะมีรุ่นนี้อยู่สองตัวครับ Hofner hollow body เคยโด่งดังในยุค 50's และ 60's แต่หลังจากนั้นก็เงียบจ๋อย พอมาถึงยุค Jazz Revival ราวปี 2005 ก็เลยออกรุ่นแพงที่ผลิตในเยอรมันสามรุ่นคือ Very Thin Line, Jazzica และรุ่น flagship คือรุ่น New President ตัวนี้ไม้หน้าเป็น solid german spruce carved top ไม้ส่วนที่เหลือเป็น maple หมด Fingerboard, pickguard, bridge, tailpiece เป็นไม้ ebony เป็นกีต้าร์ jazz ที่มี 24 frets ตัวเดียวในโลก เสียง acoustic เขาว่าดังที่สุดในจำพวก archtop จนศิลปินบางคนจ่อไมค์เล่นในห้องอัดโดยไม่ยอมใช้ pickup ของ Kent Armstrong U.S.A. ที่ติดมา ตสภาพเหมือนใหม่เพราะผมซื้อของใหม่มาแต่ใด้รับรอยฉีกหนึ่งรอยโดยความอนุเคราะห์ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเลยเอาไปให้ Mr. Bagfix ซ่อมให้ กลองมี hygrometer และหลอกใส่น้ำมาด้วยครับ ตัวนี้ไม่เคยอัดเสียงแต่เสียงก็เหมือนกับอีกตัวเป๊ะครับ ลองฟังใด้เลยครับ (เล่นกับแอมป์ AER Compact 60) http://www.youtube.com/watch?v=D2rxOuO_DKU คลิปตัวจริงเสียงจริงมาแล้วครับ http://www.youtube.com/watch?v=ZqBi8EznO6M RE: OPEN HOUSE III - Panda - 05-12-2009 ไม่ติดตามไม่ได้แล้ว ได้ทั้งชมกีต้าร์สวยๆ แถมยังได้ความรู้เรื่องกีต้าร์จากพี่กฤษณ์แถมมาอีกตั้งเยอะ เดี๋ยวจะไปตั้งต้นไล่อ่านใหม่จากหน้าแรกเลยค่ะ เอาให้จุใจ ขออนุญาตมาเยี่ยมชมเก็บข้อมูลนะคะพี่กฤษณ์ RE: OPEN HOUSE III - pood - 05-12-2009 ตัวต่อไปครับ 1999 Gretsch 6120 Nashville, original hard case, new guitar?..56,000 http://www.nimitguitar.com/mybb/showthread.php?tid=5222 Gretsch เป็นยี่ห้อที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักแต่เป็นยี่ห้อยอดนิยมของคนรักกีต้าร์ในอเมริกาและยุโรป ญี่ปุ่นและสิงค์โปร์ ถ้าให้เปรียบเทียบ Grtesch กับ Fender หรือ Gibson ฝรั่งเขาก็บอกว่าเหมือนเอา Cadillac ไปเทียบกับ Chevrolet หรือเอา Lexus ไปเทียบกับ Vios เพราะ Gretsch นั้นสามารถปรับแต่งใด้ทุกอย่างเพราะใช้ชิ้นส่วนมามาประกอบมากกว่ายี่ห้ออื่นเป็นเท่าตัว อุปกรณ์โลหะทุกชิ้นก็คุณภาพดีกว่าแบบเทียบไม่ติดเพราะ Gretsch เป็นบริษัทที่ทำกลองขายเป็นหลัก เรื่องแบบนี้คงต้องมาลองของจริงครับเพราะไม่รู้จะบรรยายยังไงแต่จะพยายามลงรูปก่อนแล้วกัน กีต้าร์ตัวนี้เจ้าของเดิมไม่เคยเอาออกนอกบ้าน สภาพใหม่ 100% ผมเพิ่งแกะกระดาษหุ้ม pickguard ออกตอนเอามาถ่ายรูป ไม้ทั้งหมดใช้ maple สีตัวนี้เรียกว่า "Gretsch Orange" 6120 มีหลายสเป็คแต่ตีวนี้อุปกรณ์เป็นทองทุกชิ้นครับ ที่เขาเปรียบเทียบ Gretsch กับ Cadillac ก็เพราะ Gretsch ใช้ชิ้นส่วนเล็กๆเยอะมากครับ อย่างตัว bridge นี่ถอดมาเป็นชิ้นๆใด้เกือบ 50 ชิ้น Dynasonic pickup นอกจากปรับเลื่อนขึ้นลงใด้ยังปรับ screw แม่เหล็กใด้อีกตัวละ 12 ปุ่ม Gretsch ไม่บ้าหอยครับ เขาใช้มุกสีขาวธรรมดาเพื่อไม่ให้มันไปแย่งความเด่นกับอุปกรณ์ที่ชุบทอง 24K หนาปึ้ก [/color]แม้แต่ Tremolo Arm ก็ยังใช้ชิ้นส่วนมากกว่า Bigbys ของคนอื่น Gretsch 6120 เป็นรุ่นยอดนิยมของยี่ห้อนี้ซึ่งถือกำเนิดในปี 1954 และ endorsed โดนย Chet Atkins ยุคแรกเลยมีชื่อว่า 6120 Chet Atkins Nashville แต่รุ่นนี้ Chet ไม่ใด้ออกแบบนะครับ (รุ่นที่ Chet ชาวยออกแบบคือ 6122 ที่ออกวางตลาดปี 1957) .ในยุคนั้น Gretsch ดังมากในหมู่ศิลปิน Country music แต่มาดังระเบิดตอนที่ The Beatles เอามาเล่นในปี 1962 ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นวาสนาหรือความซวยมาเยือนเพราะมียอดจองถล่มทลายจากที่เคยผลิตเดือนละไม่ถึงร้อยตัวก็เลยต้องขยายการผลิตขึ้นไปกว่าสิบเท่าเป็นเดือนละพันกว่าตัว ในยุคนั้น Gretsch ขายดีกว่าทั้ง Fender และ Gibson ครับ Gretsch เป็นกีต้าร์ที่ใช้อุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากกว่ายี่ห้ออื่นเป็นเท่าตัวดังนั้นเมื่อขยายยอดผลิตก็ไม่มีทางสั่งอุปกรณ์ใด้ทัน Gretsch จึงต้องจับอะไรก็ใด้ที่มีขายมายัดใส่กีต้าร์ บางรุ่นก็เปลี่ยน bridge เป็นไม้ F-hole เจาะไม่ทันก็เลยไม่เจาะแต่ใช้สีดำเขียนเป็นรูป F-hole แทนเป็นต้น ดังนั้น Gretsch ตั้งแต่ยุค 60's จนถึงปี 1981 ที่โรงงานปิดไปถึงไม่มีใครสะสมครับ ส่วนลุง Chet เองฏ็ทนเห็นความทุเรศไม่ใด้เลยขอถอน endorsement ดังนั้นรุ่น 6120 ก็เลยไม่ใช่รุ่น Chet Atkins อีกต่อไป ในยุค 80's ทายาทของ Fred Gretsch ก็ขอซื้อยี่ห้อของตระกูลกลับมาจากเจ้าของตอนนั้นคือ Baldwin แต่ก็หาโรงงานผลิตไม่ใด้จนกระทั่งใด้โรงงาน Terada ในญี่ปุ่นมาช่วยชีวิตไว้และเริ่มผลิตรุ่น reissue ของ Gretsch ยุคแรกๆออกมาขายในปี 1989 คราวนี้ Gretsch ก็เริ่มกู้ชื่อเสียงกลับมาใด้อีกครั้งเพราะช่างญี่ปุ่นให้ความเอาใจใส่กับรายละเอียดใด้อย่างที่โรงงานอเมิกาไม่เคยทำใด้ ในปี 2003 Fender ก็ซื้อ Gretsch มาขาย ตอนนี้ Gretsch รุ่นท้อปก็เลยมีการผลิตที่โรงงาน Terada และที่ Fender Custom Shop ส่วนรุ่นถูกๆที่ Fender ต้องการเอามาตีตลาดล่างเหมือนที่เคยใช้แผนนี้กับ Guild ก็ไปจ้างใก้เกาหลีและจีนผลิตครับ Gretsch 6120 ไม่ใช่กีต้าร์ jazz นะครับ ในยุคแรกมันคือ King of Twang ในดนตรี Country, blues และ rockabilly ลองฟังสไตล์ของมันใด้ข้างล่างครับ Country...Chet Atkins (1954) http://www.youtube.com/watch?v=n-c66SJPuUI&feature=related Blues... Duane Eddy http://www.youtube.com/watch?v=UHPaTvmJa6w คลิปมาแล้วครับ ผมตั้ง WB ผิดและมีเสียงสว่านจากข้างบ้านแต่นายหนึ่งเล่นใด้เพราะมากครับ http://www.youtube.com/watch?v=hxh9Oj6U7DM ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ RE: OPEN HOUSE III - Mooja - 05-12-2009 อยากไปขอลองกีต้าร์จังเลยค่ะคุณลุงกฤษณ์ ดูกระทู้นี้แล้วมีความสุขค่ะ กีต้าร์สวยดีๆเพียบเลยค่ะ RE: OPEN HOUSE III - kong_kuiii - 05-12-2009 สวัสดีครับ พี่กฤษ ผมเสียดายมากๆกับเจ้า 1981 Yamaha L-5ES, hard case, excellent condition except some pick marks??17,500 ม่ายยยยยทันๆๆๆ เพราะเมื่อวานเนตที่บ้านล่ม พอวันนี้เนตใช้ได้ เปิดกระทู้มา แทบล้มทั้งยืน เมื่อเห็นข้อความว่า มัดจำแล้วววว 555 ขอแสดงความยินดีกับพี่ท่านที่ได้ เจ้าตัวนี้ ด้วยครับ ( ไม่ทราบว่าพี่กฤษ ยังพอมีเหลือรุ่นนี้อีกซักตัวในคลังของพี่มั้ยครับ ) ถามเผื่อฟลุค เพราะถ้ามี ผมเอาเลยยยยย วันนี้ RE: OPEN HOUSE III - gttle - 05-12-2009 ไม่ทัน LD-30 เหมือนกันครับเพื่อนจะฝากจองกำลังจะโอนเงินมาให้โดนจองไปซะแล้ว RE: OPEN HOUSE III - .::.pOoH.::. - 05-12-2009 Gretsch งามมากๆครับ |