เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1) +--- Forum: พูดคุยสนทนาทั่วไป (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=2) +--- Thread: เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) (/showthread.php?tid=11199) |
เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - palith_t - 14-08-2011 เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ เช่นเพลง Angelina ของ Tommy Emmanuel ต้องตั้งสาย Drop D คาดคาโป้เฟรต 2 ผมสามารถเล่นโดยตั้งสายแบบ EADGBE แล้วไม่คาดคาโป้ได้มั๊ยครับ P.S. เห็นน้าๆ บอกว่าให้ช่วยกัน Post เลยเอาข้อสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้มาถามหนะครับ RE: เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - SARUN - 15-08-2011 ได้... ต่างกันแค่เสียงเบส ที่จะมิติ ต่างออกไปจากต้นฉบับ! (ใช้วิธีคิดเดียวกับคนเล่น classic หรือ jazz ก็ได้ เพราะ2 แนวนี้ จะคำนึงโน๊ต มากกว่า มิติเสียงที่แตกต่างออกไปจากปกติ ) RE: เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - palith_t - 15-08-2011 โอ้ ขอบคุณมากครับ RE: เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - เดอะตู่ - 16-08-2011 ในบางเพลงไม่ได้ครับ เพราะว่าคนแต่งได้คิดวิธีที่จะเล่นคนเดียวในเพลงนั้นๆไปแล้วครับ เช่น Drop D ยังไม่เท่าไหร่ เจอเพลงที่ตั้งสาย ใหม่เกือบหมดก็คงเหนื่อยหน่อยครับม่ต่างอะไรกับการคิดใหม่สร้างใหม่เลย ขอย้ำบางเพลงนะครับ เช่นเพลงนี้ของผม RE: เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - โฟล์คน้อย - 16-08-2011 ทั้งได้และไม่ได้ครับ.. เพลงทุกเพลงก่อนที่จะเีรียบเรียงจนมาเป็นบทเพลงที่เราได้ฟังกันนั้น ต้องผ่านกระบวนการคิดในส่วนต่างๆ ทั้งเมโลดี้ ฮาร์โมนี่ ไลน์เบส ไลน์สตริง เนื้อร้อง ฯลฯ แต่ในกรณีที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ คือในส่วนของเพลงซึ่งบรรเลงด้วยกีต้าร์ตัวเดียว ซึ่งอาจมีการ Dropสาย ไม่ว่าจะเป็นการ Drop เฉพาะสายที่ 6 หรือบางสาย หรือทุกสาย หรือมีการตั้งสายแบบ open string ก็ตาม หากเพลงซึ่งมีการบรรเลงด้วยกีต้าร์ตัวเดียว และมีการเรียบเรียงในลักษณะของการตั้งสายแบบใหม่ ไม่ว่าจะเ็ป็นแบบใดก็ตาม เราจะไม่สามารถเล่นเพลงนั้นๆ ด้วยการตั้งสายในแบบมาตรฐานได้ครับ ด้วยเหตุผลว่าเสียงทุกเสียงนั้นคือตำแหน่งโน้ตต่างๆ ในเฟร็ตบอร์ดบนคอกีต้าร์ การที่ผู้แต่งนั้นเลือกที่จะตั้งสายแบบใดก็ตาม ย่อมหมายความว่า.. นอกจากเรื่องของเสียง หรือมวลเสียงที่เขาต้องการแล้ว ยังหมายถึงตำแหน่งในการวางนิ้ว การควบคุมแนวทำนอง แนวทางการบรรเลง ลูกเล่นต่างๆ สามารถที่จะทำได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น สวยงามขึ้น และไพเราะขึ้น เพราะบทเพลงบางเพลง การตั้งสายบางอย่างก็จะช่วยให้โน้ตที่เราต้องการบนคอกีต้าร์นั้น สามารถนำมาใช้ได้ง่ายขึ้น ไพเราะขึ้น ผมไม่ได้บอกว่าการตั้งสายมาตรฐานนั้นให้เสียงกีต้าร์ที่ไม่ไพเราะนะครับ หรือว่าการตั้งสายเปิด หรือการดรอปสายจะให้เสียงที่ไพเราะกว่าเสมอไปนะครับ ต้องทำความเข้าใจตรงนี้กันก่อนครับ การตั้งสายในรูปแบบต่างๆ ก็เพื่อให้การบรรเลงสามารถทำได้ง่ายขึ้น ได้เสียงที่ตรงตามความต้องการมากขึ้น เพราะถ้าผู้ประพันธ์แต่งเพลงหนึ่งเพลง แล้วต้องการเสียงอย่างนี้ อาจมีรูปแบบเฉพาะตัว หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ แต่ว่าการตั้งสายแบบมาตรฐานนั้นจะทำให้ผู้ประพันธ์เองเล่นได้ลำบากขึ้น หรือไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ เขาก็คงจะเลือกไปใช้วีธีการอื่นเพื่อให้เสียงนั้นๆ ที่อยู่ในหัวของเขา สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงที่ไพเราะได้ ซึงอาจจะเป็นการดรอปสายเพื่อให้โน้ตบางตัวสามารถนำมาใช้งานในการวางนิ้วมือง่ายขึ้น หรืออาจเลือกการตั้งสายเปิดเพื่อให้แนวการควบคุมทำนองเพลงในคีย์นั้นๆ ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อเราตั้งสายใหม่ตำแหน่งโน้ตต่างๆ ก็จะต้องปรับเปลี่ยนด้วย ถ้าจะให้เห็นภาพ ลองหลับตาหรือหยิบกีต้าร์มาลองเล่นดูนะครับ ถ้าเราตั้งเสียงมาตรฐาน แล้วเราอยากบรรเลงโน้ตเพลงอะไรก็ได้ในคีย์ D หรือเอาแค่ไล่เสกล D เมเจอร์ในขณะที่จับคอร์ด D หรือตีคอร์ด D ไปด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องทำด้วยกีต้าร์ตัวเดียว คือทั้งเล่นเมโลดี้และตีคอร์ดไปด้วย หรือปิคกิ้งไปด้วย การเล่นจะค่อนข้างลำบากครับ แต่กลับกัน.. ถ้าเราตั้งสายแบบ Open D ซึ่งการตั้งสายแบบนี้หมายความว่าการที่เราเล่นสายเปล่าก็เป็นคอร์ด D แล้ว ดังนั้นไม่ว่าเราจะไล่เสกล หรือเล่นโน้ตอะไรก็ตามที่อยู่ในคีย์ D เราจะตีคอร์ดไปด้วย ปิคกิ้งไปด้วย พร้อมทั้งเล่นเมโลดี้ไปด้วย ก็จะทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะเราไม่ต้องมานั่งพะวงว่าจะต้องจับคอร์ด D เหมือนในตอนแรกที่เราตั้งสายแบบมาตรฐาน เพียงแต่ตำแหน่งโน้ตบนคอกีต้าร์นั้นก็จะเปลี่ยนไปบ้างตามการตั้งสายแบบ Open D ................................................................. แต่ถ้าเป็นเพลงซึ่งมีการร้องประกอบไปด้วย ลองนึกถึงเพลงของคุณธีร์ ไชยเดช นะครับ เพลงของคุณธีร์ ไชยเดช จะใช้วีธีการตั้งสายแบบ open string ถ้าในลักษณะรูปแบบอย่างนี้ เราสามารถเล่นเพลงนั้นๆ ได้ด้วยการตั้งสายแบบมาตรฐานครับ เพราะคอร์ดกีต้าร์ไม่ว่าจะอยู่บนการตั้งสายแบบใดก็มีกลุ่มโน้ตหรือเสียงที่เหมือนกัน แต่อาจจะแตกต่างตรงมวลของเสียงที่จะนุ่มขึ้น ทุ้มขึ้น กังวาลหรือไพเราะขึ้น ด้วยสาเหตุจากการตั้งสายแบบใหม่ ซึ่งจะทำให้ได้เสียงของโน้ตตัวเดียวกันที่เสียงต่ำลงไปอีกมาใช้งาน เช่น ถ้าเป็นการตั้งสายแบบปกติ เราคงจะไม่สามารถนำเสียงโน้ตตัว D เสียงต่ำมาใช้งานได้ครับ เพราะโน้ตที่เสียงต่ำที่สุด(ในการตั้งสายแบบปกติ)คือโน้ตตัว E เมื่อเรามีการดรอปสาย หรือตั้งสายแบบใหม่ เราต้องผ่อนสายกีต้าร์ลงซึ่งทำให้เราได้เสียงโน้ตตัวใหม่เพิ่มเข้ามา จากโน้ตสายเปล่าสายที่ 6 คือโน้ตตัว E พอเราผ่อนสายลงมาโน้ตตัว E ก็จะเคลื่อนมาอยู่ที่ตำแหน่งบนเฟร็ต 2 ในสายที่ 6 แทน และทำให้สายเปล่าสายที่ 6 นั้นกลายเป็นโน้ตตัว D ครับ ด้วยเหตุผลในลักษณะเช่นนี้คอร์ดซึ่งปกติจะมีเสียงเบสอยู่ที่สาย 4 ก็จะได้เสียงเบสที่อุ่นขึ้นในสายที่ 6 มาใช้งานด้วย และหากเราตั้งสายแบบ Open D ไปเลย เพลงซึ่งอยู่ในคีย์ D ก็จะมีเสียงที่ทุ้มขึ้นกังวาลขึ้นไปอีก รวมไปถึงการเล่นเมโลดี้ หรือแนวการบรรเลงโน้ตต่างๆ ในคีย์ D ก็จะำทำได้ง่ายขึ้นอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วครับ ......................................................... สรุปนะครับ 1. เพลงที่มีการตั้งสายแบบใหม่ ซึ่งไม่ใช่การตั้งสายแบบมาตรฐานทั่วไป โดยเฉพาะซึ่งเป็นแนวเพลงบรรเลงและเล่นด้วยกีต้าร์ตัวเดียวนั้น ไม่สามารถนำมาเล่นด้วยการตั้งสายแบบปกติ แล้วจะให้เสียงเพลงนั้นๆ เหมือนเดิมครับ เพราะถึงจะหาวิธีใดหรือเรียบเรียงเพลงนั้นๆ ขึ้นมาใหม่แล้วก็ตาม มวลของเสียงก็จะแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่นหากเราเล่นเพลงในคีย์ D และเราดรอป D เพื่อที่เราจะได้นำโน้ตตัว D เสียงต่ำนี้เพิ่มเข้ามาใช้งาน และหากเราไม่ดรอป D เพราะเราเลือกที่จะตั้งสายแบบปกติ โน๊ตตัว D เสียงต่ำนี้ก็จะไม่มีอยู่บนคอกีต้าร์ และเราก็คงต้องเลือกใช้โน้ตตัว D บนสายเปล่าสายที่ 4 แทน ซึ่งความทุ้มของเสียงก็ย่อมที่จะแตกต่างกัน และหากเป็นเพลงซึ่งมีการตั้งสายแบบใหม่ เช่น Open D ด้วยแล้ว จะมีโน้ตเสียงต่ำอีกหลายเสียงโผล่ขึ้นมาบนคอกีต้าร์ ซึ่งหากเราไม่ได้ทำการตั้งสายตามแบบต้นฉบับอย่างที่ผู้ประพันธ์รังสรรค์ไว้ บทเพลงนั้นๆ ก็ย่อมที่จะไม่มีทางที่จะมีเสียงที่อุ่น ทุ้ม กังวาล ตามอย่างเพลงต้นฉบับแน่นอนครับ ยกเว้นเสียแต่ว่า.. เราต้องการเรียบเรียงเพลงนั้นใหม่ เพื่อให้สามารถเล่นได้บนการตั้งสายแบบมาตรฐาน ซึ่งอาจจะทำให้บทเพลงมีความไพเราะมากขึ้นหรือน้อยกว่าเดิม หรืออาจจะได้อะไรที่แปลกใหม่ หรืออาจค้นพบอะไรใหม่ๆ อีกก็ได้ครับ เพราะบทเพลงเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์ครับ และนั่นก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งซึ่งเราจะยังไม่ได้พูดถึงกันในตอนนี้.. 2. เพลงที่มีการตั้งสายแบบใหม่ แต่มิใช่เน้นการบรรเลง คือเพื่อให้ได้เสียงกีต้าร์ที่ไพเราะชวนให้เสียงร้องฟังแล้วยิ่งไพเราะขึ้นไปอีกนั้น หรือเพื่อให้บทเพลงที่มีเสียงร้องนั้นรู้สึกอบอุ่นขึ้น มีเสน่ห์ขึ้น และสามารถเพิ่มลูกเล่นในการเล่นกีต้าร์ได้มากขึ้นนั้น เราสามารถเล่นด้วยการตั้งสายแบบปกติได้ครับ เพราะคอร์ดกีต้าร์ก็ประกอบไปด้วยโน้ตตัวเดิม เพียงแต่ได้โน้ตตัวเดิมที่เสียงต่ำเพิ่มเข้ามาให้ไพเราะขึ้น ดังนั้นหากเราตั้งสายแบบปกติ ก็สามารถเล่นได้ครับ เพียงแต่การเล่นลูกเล่นบางอย่างก็อาจจะถูกจำกัดไป หรือไม่สามารถเล่นได้ หรือเล่นได้ลำบากขึ้น แต่เราก็สามารถชดเชยด้วยการเรียบเรียงใหม่ หรือลองใส่ไอเดียอะไรใหม่ๆ ก็ได้ และถ้าหากเราไม่ได้เล่นในลักษณะปิคกิ้ง และไม่ได้กังวลในเรื่องลูกเล่นต่างๆ บทเพลงทุกเพลงที่เรียบเรียงขึ้นจากการตั้งสายแบบใดก็ตาม สามารถนำมาเล่นได้ด้วยการตั้งสายแบบปกติครับ ผมหมายถึงในกรณีของเพลงที่มีคนร้องนะครับ ขอบคุณครับ โฟล์คน้อย อิอิ.. เสี้ยมมมมมมมมมมมมมม.. ................................................ RE: เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - palith_t - 17-08-2011 ขอบคุณน้า ๆ ทุกคนที่ช่วยตอบคำถามนะครับ ได้ความรู้เยอะทีเดียว RE: เพลงที่ต้อง Drop สาย เราสามารถตั้งสายแบบ standard เล่นได้มั๊ยครับ :) - gttle - 20-08-2011 ถ้าเป็นเพลงที่ตั้งสายแบบพิศดารมากก็ไม่ได้ครับแต่ถ้าเป็นเพลงที่เป็น baritone guitar (B E A D F# B หรือ A D G C E A) ก็ได้ครับคือพอเทียบโน๊ตแล้วจะเท่ากับ EADGBE เหมือนกันเลยอย่างนี้ก็เล่นได้เลยครับไม่ต้อง drop ก็ได้เทียบโน๊ตเอามันจะเท่ากันพอดีนิ้วก็วางเหมือนเดิมแต่เสียงจะสูงกว่าไม่กังวาลเหมือนต้นฉบับ |