NimitGuitar webboard
THE ART OF K. YAIRI GUITARS - Printable Version

+- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb)
+-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1)
+--- Forum: Guitar gallery (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=3)
+---- Forum: Pood's Guitar Gallery (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=20)
+---- Thread: THE ART OF K. YAIRI GUITARS (/showthread.php?tid=12960)

Pages: 1 2 3 4 5 6


THE ART OF K. YAIRI GUITARS - pood - 16-04-2012

ผมเริ่มสะสม K. Yairi มาหลายปีแล้วครับ เริ่มตั้งแต่ได้เจ้า AR-351 มาจากอเมริกาซึ่งผมทึ่งกับความสวยงาม ความคงทนและเสียงของมันมาก ที่ผมไม่ค่อยเอามาลง gallery นั้นก็เพราะกลัวโดนสอยครับเพราะขนาดไม่ลงยังโดนไปหลายตัวแล้ว

K. Yairi สมัยก่อนนั้นไม่ค่อยมีคนรู้จักในเมืองไทยเพราะไม่มีขาย กีต้าร์ยี่ห้อนี้ผลิตในญี่ปุ่นทุกตัวครับ (S. Yairi เดี๋ยวนี้ผลิตในจีนเกือบทุกรุ่น) โรงงานก็ไม่ใหญ่โตเพราะผลิตปีละไม่ถึง 4000 ตัวแต่มีโรงเลื่อยและสต้อคไม้เก่าที่เขาว่ามากที่สุดในโลก

ไม้ที่เอามาทำกีต้าร์ยี่ห้อนี้เขาใช้วิธี air-dry เท่านั้นนะครับซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีเจ้าอื่นใช้แล้ว การทำ laminate เขาก็ทำเองโดยใช้ไม้ชนิดเดียวกันทั้งหมด เรื่องความคงทนนั้นผมว่าเหนือกว่ากีต้าร์ฝรั่งเยอะครับ ผมเองก็เคยมีอยู่หลายตัวที่อายุเกินสามสิบปีแต่ไม่เคยเจอปัญหาเรื่องโครงสร้างเลยแม้แต่ตัวเดียว

K. Yairi นั้นเขาใช้ hot hide glue ในการประกอบกีตาร์มาเจ็ดสิบกว่าปีแล้วโดยไม่เคยเปลี่ยนไปใช้ white glue ที่ประหยัดทั้งเวลาและแรงงานเหมือนยี่ห้ออื่นทั้งโลกเพราะเขาบอกว่า bonding ในระยะยาวมันสู้ hide glue ไม่ใด้ ที่น่าขำก็คือตอนนี้ Martin และ Gibson ก็กลับมาใช้ hide glue ใหม่ในรุ่นที่แพงสุดๆอย่างเช่นรุ่น Authentic ด้วยเหตุผลเดียวกัน Martin อ้างว่าต้องขายราคาแพงมากเพราะทั้งโรงงานมีช่างที่ใช้ hide glue เป็นอยู่แค่หกคนเท่านั้นแต่ช่าง K. Yairi ใช้เป็นทุกคนเพราะเขาไม่เคยใช้กาวสมัยใหม่ครับ

เนื่องจากผมมีกีต้าร์ยี่ห้อนี้หลายตัวมากผมจะพยายามทะยอยถ่ายรูปและอัดเสียงมาลงในกระทู้นี้ไปเรื่อยๆนะครับ ถ้าใครสนใจว่าเขาผลิต K. Yairi กันอย่างไรก็ดูใด้ในคลิปข้างล่างครับ




RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - noomxman - 16-04-2012



มารอชมครับผมมีแค่สามตัวแต่ประทับใจมากครับ รอจังหวะพี่กฤษณ์เปิดบ้านก็จองไม่เคยทันคนอื่นซักทีครับ


RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - piggyprince - 16-04-2012

น่าสนใจมากครับพี่ปู๊ด นั่งรออ่านต่อนะครับความรู้ดีๆเช่นเคย Big Grin
แปลกจังครับ ทำไมเค้าใสคอหลังจากต่อคอเข้ากับบอดี้แล้วล่ะครับพี่ปู๊ด?


RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - pood - 16-04-2012

1978 OY-80 LUTE BACK


รุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นที่ดังสุดและหายากสุดเพราะไม่ค่อยมีคนปล่อยทั้งๆที่เขาผลิตตั้งแต่ปี 1975 ถึง 1993 ผมเองก็หาอยู่หลายปีกว่าจะใด้มาหนึ่งตัวที่ผ่านการใช้งานมาและมีริ้วรอยพอสมควร

OY-80 นั้นเป็นกีต้าร์โปร่งที่ใช้การสร้างแบบ lute ในสมัยหลายร้อยปีก่อน ไม้ข้างและไม้หลังโค้งนั้นใช้ไม้ solid ทั้งหมด 33 ชิ้นโดยการ carve ขึ้นรูปและไม่มีการดัด รุ่นนี้ถ้าขายในอเมริกาจะเรียกว่ารุ่น DY-92 แต่รุ่นส่งออกไม่มี pick guard นะครับ ราคาของรุ่น DY-92 ตอนนี้ใน Blue Book เกินแสนบาทครับ

กล่องของรุ่นนี้เป็นกล่องที่ทำหลังโค้งครับ เอาใส่กล่องปกติยัดไม่ลงแน่นอนเพราะตัวหนากว่า Ovation เยอะ

[Image: 6fBfse.jpg]



ด้านข้างและหลังเป็น bowl ใช้ไม้ solid rosewood, solid mahogany เละ solid
maple ที่แกะขึ้นรูปจากไม้ท่อนใหญ่แล้วนำมาประกบกันทั้งหมด 33 ชิ้น ตัวนี้เล่นแล้วไม้หลังสั่นมากครับ

[Image: ALXcLL.jpg]



[Image: r1BaUp.jpg]




Pick guard ทำจาก brazilian rosewood แกะสลักเป็นรูปสิงห์

[Image: Eo5jjT.jpg]



[Image: fANeZK.jpg]



เสียงนั้นเป็นคนละแนวกับ Ovation นะครับ เครื่องดนตรี Lute ทีเขาทำเป็น curved back ทั้งๆที่ยุ่งยากมากเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็เพราะสมัยโน้นเขาต้องการให้ใด้ sound projection สูงสุดเพราะไม่งั้นคนฟังก็คงไม่ใด้ยินเสียงเพราะสมัยนั้นไม่มีชุด PA



[Image: 1ZBPmr.jpg]



Bowl ลึกกว่า Ovation deep bowl แต่ไม่ลื่นเพราะมีการ carve ไม้ข้างเหมือน Ovation รุ่น LX และใช้แผ่นหนังแท้ปิดกันลื่นด้วย

[Image: 9Jtpml.jpg]



Lute คือเครื่องดนตรีที่เป็นบรรพบุรุษของกีต้าร์ การทำ lute นั้นเขาทำเป็น carved back เพื่อต้องการให้เสียงดังและพุ่งมากที่สุดเพราะไม่งั้นก็คงเอาไปออกคอนเสิร์ตตามโรงละครไม่ใด้แน่นอน

[Image: egyptianoudluteaudorud.jpg]



เรื่องเสียงดังเป็นเรื่องจริงเพราะผมอัดเสียงตัวนี้พร้อมกับ Lowden ที่เสียงดังมากแต่ตัวนี้ยังดังกว่า 2 dB.ในเพลงเดียวกันและมี compression มากกว่าด้วยซึ่งหมายความว่าเสียงไม่ละมุนละไม (nuance) เท่า Lowden แต่ความดังสม่ำเสมอกว่า

เสียงของรุ่นนี้หาฟังยากมากครับ




RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - shood - 16-04-2012

ปูเสื่อ ต้มมาม่า รอครับ


RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - pood - 17-04-2012

(16-04-2012, 19:46)piggyprince Wrote: น่าสนใจมากครับพี่ปู๊ด นั่งรออ่านต่อนะครับความรู้ดีๆเช่นเคย Big Grin
แปลกจังครับ ทำไมเค้าใสคอหลังจากต่อคอเข้ากับบอดี้แล้วล่ะครับพี่ปู๊ด?

เรื่องเหลาคอนี่ในโรงงานใหญ่สมัยนี้เขาใช้ CNC machine เหลาจนเสร็จแล้วถึงจะประกอบกับ body กันทั้งนั้นยกเว้นรุ่นแพงๆอย่าง Martin Authentic Series ที่ยังใช้การเหลาด้วยมือของช่างที่มีความชำนาญสูงสุดที่มีอยู่แค่หกคน ส่วน K. Yairi นั้นเป็นกีต้าร์ hand made ตัวจริงเขาจึงเหลาด้วยมือหลังประกอบเพื่อให้เล่นง่ายที่สุดซึ่งถ้าเหลาก่อนประกอบไม่มีทางทราบครับ

BONE vs. PLASTIC SADDLE

Saddle เดิมของ K. Yairi ใช้ bone ทุกรุ่นแต่ตัว OY-80 นั้นเจ้าของเดิมฝนมาจนเตี้ยมากเกินไป บังเอฺญตอนวันหยุดยาวผมไม่มี saddle ใหม่เหลือที่บ้านผมก็เลยไปซื้อ platic saddle ราคา 30 บาทมาเปลี่ยนก่อน คลิปข้างล่างเป็นเสียงตอนที่ใช้ plastic saddle ลองเปรียบเทียบกับเสียงในคลิปด้านบนที่ใช้ bone saddle ใด้เลยครับว่าต่างกันไหม




RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - Naris - 17-04-2012

OY80 มาแล้ว ยังขาด OY88 อีกตัวน่ะครับพี่


RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - pood - 17-04-2012

(17-04-2012, 11:18)Naris Wrote: OY80 มาแล้ว ยังขาด OY88 อีกตัวน่ะครับพี่

OY80, OY88, OY100D นี่สเป็คเหมือนกันเกือบทุกอย่าง ต่างกันที่เครื่องประดับเท่านั้น ผมยังไม่เคยเห็นมีใครขายสองรุ่นหลังเลยครับ ถึงมีขายก็คงไม่ซื้อเพราะ OY100D นี่ราคา 1,000,000 yen เมื่อสามสิบปีก่อนนี้น่าจะเป็นกีต้าร์โปร่งที่ราคาสูงที่สุดในโลกตอนนั้นนะครับ


[Image: oy80.jpg]


RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - BENZ - 17-04-2012

น่าลองมากๆ แปลกสุดๆเลย ชอบปิ๊กการ์ดครับ สวยดี


RE: THE ART OF K. YAIRI GUITARS - pood - 17-04-2012

ตัวต่อไปนี่อยู่ในกรุมาหลายปีแล้วครับแต่ขอนำมาลงเป็นตัวที่สองเพราะผมขึ้นหัวข้อกระทู้ไว้ว่า "งานศิลปะของ K. Yairi" ซึ่งรุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นที่เด่นที่สุดรุ่นหนึ่ง

เรื่องการทำกีต้าร์ราคาสูงให้กลายเป็นงานศิลปะนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่การทำกีต้าร์ราคาถูกให้เป็นงานเอกลักษณ์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันไม่มีทางคุ้มในเชิงพานิชย์ครับ

Kazuo Yairi ใด้รับแรงบันดาลใจมาจาก sushi rice bowl ที่ต้องใช้ไม้พิเศษคือไม้ hinoki (japanese cypress) มาทำเท่านั้นเพราะเป็นไม้ที่เก็บความร้อนใด้ดีที่สุด ไม้ชนิดนี้พบใด้ในประเทศญี่ปุ่นที่เดียวในโลก (เหมือนกับไม้ koa ที่มีในฮาวายเท่านั้น) และในสมัยโบราณนิยมนำมาใช้สร้างพระราชวังและวัดแต่เดี๋ยวนี้เขาเอามาทำ hot tub กัน




Yairi OK-1 ออกวางตลาดในปี 1989 พร้อมองประกอบใหม่หลายอย่างในราคาถูกแบบไม่น่าเชื่อครับ

[Image: eipedk.jpg]



กีต้าร์รุ่นนี้นอกจากทรงที่ไม่เหมือนใครแล้วก็ยังมี idea ใหม่ๆที่ตอนนั้นยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนอีกสองอย่างคือ

1. RELIC FINISH

รุ่นนี้เป็นกีต้าร์ขนาด body เล็กเขาจึงเลือก solid cedar เพื่อให้เสียงกลางเด่นแต่ Kazuo แกต้องการทำ relic ให้หน้าตาเหมือนอ่างเก่าๆแกเลยเอา solid spruce มาปะทับ cedar และใช้สิ้วขุดให้เป็นรอยเหมือนไม้กระดานเก่า๐ที่โดนแดดโดนฝนมาเป็นร้อยปี ( cedar ไม่มีเสี้ยนเลยใช้ไม่ใด้) กีต้าร์รุ่นนี้เลยเป็น relic finish รุ่นแรกของโลกก่อนที่ Fender จะผลิตมาขายอีกเจ็ดปีต่อมา (K. Yairi เรียก finish แบบนี้ว่า distressed finish ครับ)


[Image: 6lgqSJ.jpg]




2. SPLIT SADDLE PASSIVE PICKUP SYSTM

K. Yairi เริ่มใช้ระบบ saddle แยก 6 ชิ้นกับกีต้าร์ใหม่หลายรุ่นอย่างเช่น CE, WY-1, DY-88 ในปี 1989 แต่มีอยู่รุ่นเดียวที่เป็น passive คือรุ่นนี้ครับ สัญญาณออกแอมป์ดังไม่แพ้ active เลยครับ

[Image: iAbnBT.jpg]



ลองดูหน้าตาก่อนครับ

[Image: U6Ulbq.jpg]




[Image: 2uiGbK.jpg]




กีต้าร์นั้นเราตัดสินกันที่เสียง ตัวนี้เสียงเปล่าๆนั้นก็เสียงดังฟังชัดแต่เขาเน้นเฉพาะเสียงกลางเป็นหลัก ผมเลยอัดเสียงเปล่าจากตำแหน่งเดิมแต่เสียบแอมป์ Vox AGA150 ไว้ด้วยเพื่อ blend เสียงออกแอมป์เข้ากับเสียงเปล่าครับ