Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: Others (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=12) +--- Forum: Movies / Musics / Books (ดูหนัง ฟังเพลง) (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=27) +--- Thread: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา (/showthread.php?tid=5102) Pages:
1
2
|
Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - SARUN - 05-10-2009 เมื่อเอ่ยถึง Deep Purple ต้องมีบ้างล่ะ ที่จะต้องนึกว่า เป็นผู้บุกเบิกดนตรีHard Rock เป็นวงร็อกสัญชาติอังกฤษที่มีอายุยืนยาวอีกวงหนึ่งมาจนปัจจุบันนี้ แต่ผมสนใจในแง่มุม การใช้นักดนตรีค่อนข้างเปลืองที่สุดในโลก วงนึง ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีทางพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่อง อัตตา แปลว่า ? ตัวกู-ของกู ? (แปลโดยท่าน พุทธทาสภิกขุ) ซึ่งมันก็ตรงกับ บิดาแห่งจิตวิทยา ซิกมันด์ ฟรอยด์ เรียกว่า Ego เอาแค่มือกีตาร์ หลายๆคนคงยังไม่รู้ว่า นอกจาก Ritchie Blackmore ยังมี Joe Satriani , Tommy Bolin และ Steve Morse ก็เคยขึ้นชื่อว่าเป็นมือกีต้าร์ วงนี้มาแล้ว ใน 3 อัลบั้ม แรกๆ ของ Deep Purple เรียกว่ายังไม่ตกผลึกดี มีเพลงผลงานของตัวเองบ้าง แต่ก็ไม่ดังมากเท่าไรนัก จึงกันเหนียวโดย มี cover เพลงของคนอื่นๆ อย่างของ Beatles เช่น ?Help? หรือ ?We Can Work It Out? มาเล่นในแนวไซคีเดลิค http://www.youtube.com/watch?v=S14XaF6bW7A สมาชิกช่วงนี้ ยังไม่ใช่ที่คุ้นหู้คุ้นตากันมากนักในบ้านเรา จะเรียกว่า เป็น "Deep Purple Begins " ก็น่าจะได้ ย้อนอดีตไปนิดนึง เริ่มต้นเมื่อมือกลอง Chris Curtis ฟอร์มวงร็อกขึ้นมาใหม่ในชื่อ Roundabout ได้ Jon Lord มือคีย์บอร์ด ที่มาจากสายดนตรีคลาสสิก มือกีตาร์ Ritchie Blackmore ซึ่งมาจากการสมัคร และ ขอ Audition ด้วยตัวเองเลย มือเบส Nick Simper เพื่อนเก่า Jon Lord แนะนำมาอีกที นักร้องนำ Rod Evans มาพร้อมกับ Ian Paice มือกลองตลอดกาลของวง แล้ว Chris Curtis ก็กระเด็นออกไปพร้อมกับชื่อ ชื่อ Roundabout โดยปริยาย (( เออ ประหลาดดีเหมือนกัน)) เมื่อครบวงลงตัวกันแล้ว ก็เปลี่ยน ชื่อวงใหม่ซะ เป็น Deep Purple เดือนกันยายน ปี 1968 หลังจากจบ อัลบั้มที่ 3 Jon Lord ผู้ยังพิสมัยดนตรีคลาสสิก แอบไปมีผลงานเพลงรูปแบบคอนแชร์โต ชุด ?Concerto for Group and Orchestra? ร่วมกับวง Royal Philharmonic Orchestra ทำให้ Jon Lord ได้เจอกับ Ian Gillan และ Roger Glover จึงชักชวนมาเป็น นักร้องนำ และมือเบส ตามลำดับ http://www.youtube.com/watch?v=JnEhFMEG2W0 ((Ian Gillan และ Roger Glover เคยมีผลงานตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1964 ในนามวง Episode Six และ The Flower Pot Men and their Garden แต่อาภัพชื่อเสียง)) Deep Purple จึงมาชัดเจนเอาใน อัลบั้มที่ 4 ?Deep Purple in Rock? ในปี ค.ศ. 1970 (((โดยส่วนตัว ชอบคิดว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ 1 เสมอ 55555))) ชื่อสมาชิก Ian Gillan ? Vocals Ritchie Blackmore ? Guitar Jon Lord ? Keyboard Roger Glover ? Bass Ian Paice ? Drums ?Deep Purple in Rock? ถือว่าเป็นอัลบั้มสุดคลาสสิกของดนตรีฮาร์ดร็อก กับการที่อัลบั้มประเดิมความสำเร็จ จริงๆของวง บรรจุเพลงดังอย่าง ?Black Night? ?Speed King? ?Into The Fire? ?Child in Time? ถ้าเทียบดนตรีในยุคสมัยนั้น เพลง ดัง จริงๆ ขอบอก ซึ่งในยุคนั้น เพลงแนวนี้ ต้องเสพกันแบบ ชมกันสดๆ ซึ่งแน่นอน ชื่อเสียงก็ล่ำลือกันแบบ ปากต่อปากไปว่า ?ข้าไปฟังมาแล้วโว้ย วง Deep Purple นี้เจ๋งสุดๆ เล่นดังจริงๆ แถม เร็วปรื๊ดดด อีกต่างหาก ถ้านายไม่เจ๋งจริง อย่าเข้าไปฟังเลย ขอบอก 5555!!! ? และแน่นอน ขาร๊อกมันท้าอย่างนี้ไม่ได้อยู่แล้ว จะมีใครไม่อยากไปลองดูมั่งล่ะ ??? ส่งผลให้วง Deep Purple ต้องทัวร์คอนเสิร์ตสำหรับชุดนี้ยืดยาวไปถึง 15 เดือน อัลบั้มชุดที่ 5 ของ Deep Purple ?Fireball? คลอดออกมาในปี ค.ศ.1971 มีความเป็น Progressive มากขึ้น นอกจากเพลง ?Fireball? แล้ว (เพลงขวัญใจมือกลอง เลยหล่ะ) เพลงอื่น ผมไม่รู้จัก เลยขอผ่านไปไม่พูดถึง อัลบั้มชุดที่ 6 ?Machine Head? คลอดมาในปี ค.ศ. 1972 สาเหตุที่ออกได้ไว เพราะ ได้บทเรียนจาก ที่แล้วมา ต้องเสียเวลาไปทัวร์ เลยไม่มีเวลาทำเพลง ทำให้เสียดายเงินทองชื่อเสียงที่หล่นหายไปในเวลาอันควร เลยเอาช่วงที่ ทัวร์โปรโมท อัลบั้มชุดที่ 5 ทำเพลง อัดเสียง ระหว่างเดินทางด้วยซะเลย โดยเริ่มจากเพลงดังขวัญใจชาวร๊อก อย่าง Highway Star เพลงด่านอรหันต์ของมือกีต้าร์โซโล ที่ทุกคนต้องรู้จักและเคยฝ่าด่านไปให้ได้ ก็ถูกเขียนขึ้นช่วงเดินทางไปทัวร์ ที่ เมืองปอร์ตสมัธ ในประเทศอังกฤษ แค่ประเดิม เล่นเป็นน้ำจิ้ม ในระหว่างทัวร์ช่วงนั้น ก็เรียกว่า กระชากใจวัยจิ๊กโก๋ให้ลุกออกมาดิ้นกันสุดๆ ทางวงจึงเริ่มเตรียม เพื่อ อัลบั้มที่6 นี้อย่างจริงจัง เมื่อเดินทางมาทัวร์ ถึงสวิตเซอร์แลนด์ในเดือนธันวาคม 1971 เริ่มเช่า ห้องบันทึกเสียงเคลื่อนที่ ชื่อ Rolling Stones Mobile Studio เพื่อทำอัลบั้ม ซึ่ง Studioนี้ เป็นส่วนหนึ่งใน อัครรมหาสถานบันเเทิงที่ชื่อที่ Montreux Casino แต่ดันเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ซะก่อน ซึ่งต้นเพลิงก็มาจาก พื้นที่ส่วนที่มีการแสดงของ Frank Zappa กับ วงThe Mothers of Invention สาเหตุก็ว่ามาจากมีเด็กมือบอนจุดไฟเล่นแล้วพุ่งไปกระทบเพดานเกิดไฟลุกไหม้ วอดวายแบบ ซานติก้า บ้านเราเปี๊ยบบ !!!!! วงเลยต้องขยับ เอาข้าวของไปกองไว้ที่ โรงละครท้องถิ่น แห่งหนึ่งชื่อ The Pavilion และบันทึกเสียงไปได้แค่ เพลงเดียว เพราะโดนชาวบ้านแถวนั้น ด่าเอาเพราะ หนวกหู ส่วนรายละเอียดของข่าว ติดตามได้ในเนื้อเพลง ของเพลงแรกและเพลงสุดท้าย จากThe Pavilion แห่งนี้ นั่นคือ? ?Smoke on the Water? เพลงฮิตที่สร้างสถิติ ว่าเป็นเพลงที่ถูกเล่นท่อน Intro มากที่สุดในโลก ในร้านขายกีต้าร์!!! อัลบั้มชุดที่ 7 ก็ตามมในปี ค.ศ. 1973 กับชื่อ อัลบั้ม ?Who Do We Think We Are? ซิงเกิลฮิต ?Woman from Tokyo? แต่เพลงไม่น่าสนใจเท่ากับ อัลบั้มนี้ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวง !! พอจบ ทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1973 Ian Gillan นักร้องนำบอกลาออก ซะดื้อๆ คาดเดากันว่าเป็นเพราะ ความไม่ลงรอยกัยในเรื่องแนวเพลง กับ Ritchie Blackmore Roger Glover มือเบส ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท Ian Gillan จึงออกจากวงไปอีกคน David Coverdale (นักร้อง) และ Glenn Hughes(เบส) จึงเข้ามาประจำการแทน อัลบั้มชุดที่ 8 Burn ก็ตามมาในช่วงต้นปี ปี ค.ศ. 1974 และ อัลบั้มชุดที่9 Stormbringer ก็ตามมในช่วงปลายปี ค.ศ. 1974(อัลบั้มนี้ คุ้นอยู่เพลงเดียว คื อ"Soldier of Fortune") ภายใต้ ชื่อสมาชิก Ritchie Blackmore - guitar David Coverdale - lead vocals Glenn Hughes - bass, vocals Jon Lord - keyboards Ian Paice - drums ต่อมาในปี 1975 ก็ไปอีกคน คือมือกีต้าร์เทพ Ritchie Blackmore เกิดเบื่ออะไรขึ้นมาไม่ทราบได้ ออกไปตั้งวงใหม่ของเขาเองชื่อวง Rainbow ซวยละสิ!!! แล้ว Deep Purple จะไปหามือกีต้าร์ที่ไหน? ที่จะเล่นได้อย่าง Ritchie คงไม่มีอีกแล้ว แต่ต่อมาไม่นาน ก็มีชายชาวอเมริกันชื่อว่า Tommy Bolin โดยการแนะนำจาก David Coverdale เดินเข้ามาในสภาพผอมแห้งและอิดโรยแบบไอ้ขี้ยา เข้ามาสมัครตำแน่งมือกีต้าร์ เมื่อ Tommy Bolin แสดงฝีมือ ซึ่งดูจะสวนทางกับรูปลักษณ์ สมาชิกในวงได้รับฟังเสร็จ เขาก็ได้งานทำทันทีเลย ในอัลบั้มต่อมา ชื่อชุด Come Taste The Band ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ 1976 http://www.youtube.com/watch?v=aEIAXewOPSo แต่ต่อมาไม่นาน (อีกเช่นเคย ) 2เดือนหลังจากออกอัลบั้ม Tommy Bolin ก็สิ้นสภาพสมาชิกวง ก็ด้วยเพราะอำลาจากโลกนี้ไป เพราะเสพยาเกินขนาด ในปี ค.ศ 1976 เป็นอันว่า จบกัน สำหรับ Deep Purple สมาชิก ที่เหลืออยู่ จึงลงมติว่า ?รวมกันตายเป็นหมู่ แยกกันอยู่ คงจะสบายกว่านี้? แยกย้ายตัวใครตัวมันดีกว่า เป็นอันว่า จบกัน สำหรับ Deep Purple !!!! ดังคำพระท่านว่า "สรรพสิ่งย่อมไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน ย่อมมีเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา " (โปรดติดตาม ตอนต่อไป) RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - SARUN - 05-10-2009 ช่วงพักโฆษณา ตอนที่ 1 หลังจาก Deep Purple ตัดสินใจ ยุบวง สมาชิก ก็แตกกระสานซ่านเซน แยกย้ายกันออกไปตั้งวงใหม่และประสพความสำเร็จทุกคน *Ritchie Blackmore ? วง Rainbow โดยมี Roger Glover ตามมาเล่น เบส ให้ด้วย *David Coverdale - วง White Snake *Glenn Hughes - Hughes Turner Project และ ร้องนำให้กับ Tony Iommi ในชื่อวง Black Sabbath ในอัลบั้มSeventh Star และอัลบั้มส่วนตัว ของ Tony Iommi อีก 2 อัลบั้ม *Jon Lord ?ได้ตั้งวง Paice, Ashton & Lord เล่นแนว rhythm and blues แต่มีแอบโผล่ๆ ไปช่วย Whitesnake บ้างเป็นบางช่วง และงานช่วยอื่นๆ อีกเพียบ *Ian Paice - ได้ตั้งวง Paice, Ashton & Lord เล่นแนว rhythm and blues แต่มีแอบโผล่ๆ ไปช่วย Whitesnake และ Gary Moore's band บ้างเป็นบางช่วง และงานช่วยอื่นๆ อีกเพียบ David Coverdale ในฐานะหัวหน้าวง Whitesnake นี่ก็ไม่เบา ถือว่าเป็นวงที่ใช้มือกีตาร์เปลืองมากๆ อีกวงนึงของโลก ที่นับได้ มี Micky Moody, Bernie Marsden Mel Galley John Sykes Vivian Campbell Steve Vai Adrian Vandenberg Warren DeMartini Doug Aldrich Reb Beach แต่วงนี้ แนวดนตรี ก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยได้อยู่ตลอดเวลา ทั้ง Hard rock, blues-rock, heavy metal RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - napman - 05-10-2009 ดังคำพระท่านว่า "สรรพสิ่งย่อมไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน ย่อมมีเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา " Yes, Sarun, It's the ultimate truth. My ancient band "THANKS" played quite a few of "Deep purple". My last rock band "On the rock" played at least 2 songs of "Rainbow" which were "Man on the silver mountain" and "Catch the rainbow". So you can see that I'm Ritchie's fan too Last time that I've seen Deep purple was in around 2005? at Glen Helen which is an open field concert location behind the hills about 6 miles from my house. Steve Morse was the lead guitar at that time. There were about 10 bands in all and that included Tom Petty and the heartbreakers too and also Ronnie James Dio band too as I recalled. But no I didn't pay for the admission! I got the ticket before I donated my blood to the blood bank (which I normally did) and received the concert ticket in return! It's kind of surprise to me that a man of your age has some interesting in this ancient rock band! Thanks in behalf of the other members for your work in research to bring the history of this band to them. But I really doubt if there'll be any interesting in this ancient history RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - SARUN - 06-10-2009 (05-10-2009, 23:07)napman Wrote: Thanks in behalf of the other members for your work in research bring the history of this band to them. But I really doubt if there'll be any interesting in this ancient history ขอบคุณครับที่ สนใจ จริงๆแล้วแค่เกิดจากการ อยากรู้บางเรื่องเกียวกับ Ritchie เท่านั้น แต่ค้นๆ ไป ชักเยอะแฮะ เลยเสียดายถ้าอ่านจบแล้วจะลบไปแบบไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลยถือวิสาสะ เอามาเก็บไว้ที่นี่ เผื่อ ค้นหาง่ายๆ ในโอกาสต่อไป มาติดตาม ตอนต่อไป "On The Rock" ยังมี reunion ให้หลัง 30 ปี แล้วทำไม Deep Purple จะไม่ล่ะ???? 8 ปีหลังจากจุดจบของวง Deep Purple Ritchie Blackmore, Ian Gillan, Jon Lord, Roger Glover และ Ian Paice กลับมารวมตัวกันใหม่ในชื่อเดิม Deep Purple ปี ค.ศ.1984 และออกอัลบั้มใหม่ชื่ออัลบั้ม Perfect Strangers ก็เป็นไปตามคาด พวกเขาประสพความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง มีทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก จนมาถึงปี 1989 แล้วก็เป็นไปตามคาด อีกเช่นเคย Ian Gillan ทะเลาะกับ Ritchie Blackmore อีกแล้วครับท่าน แล้ว Ian Gillan เป็นฝ่ายลาออก อีกเช่นเคย Ritchie Blackmore จึงต้องอันเชิญ Joe Lynn Turner ซึ่งเคยช่วยร้องให้ Rainbow ได้เข้ามาแทน Ian Gillan ในอัลบั้ม Masters & Slaves ออกมาในปี 1990 แต่ว่า ไม่ประสพความสำเร็จเท่าที่ควร นักวิจารณ์หลาย ๆ คนติว่า ?นี่มัน Rainbow ชัด ๆ ไม่ใช่ Deep Purple? Ian Gillan จึงจำเป็นต้องกลับมาช่วยวงอีกครั้ง ออกอัลบั้มใหม่ที่ชื่อ The Battle Rages On ก็เป็นที่ถูกใจสมาชิกวงและ แฟนๆ เช่นเดิม แต่ ดูจะมี Ritchie Blackmore เพียงคนเดียว ที่ไม่พอใจในอัลบั้มนี้ ถึงกับลาออกจากวงไปใน เดือน พฤษจิกายน ปี ค.ศ.1993 และไม่เคยย้อนกลับมาอีกเลย สมาชิกในวงดูจะต้องแก้ปัญหากันอีกแล้ว การทัวร์คอนเสิร์ตญี่ปุ่นและ ยุโรป ตลอดปี 1994 ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่มือกีต้าร์ ดันลาออกกลางคัน จึงต้องหามือปืนรับจ้างมา ทำหน้าที่แทนไปก่อน ซึ่งก็ได้ Joe Satriani มือกีต้าร์ชั้นเทพ ซึ่งดูจะเป็นที่พอใจของสมาชิกวง มาก แต่ Joe Satriani ก็อยู่ช่วยงานได้แค่ปีเดียวเท่านั้น http://www.youtube.com/watch?v=jEF6YO-VcVg มือกีต้าร์คนต่อไปที่ได้เข้ามาร่วมแจมกับ Deep Purple คือ Steve Morse แรก ๆ แฟนเพลงก็ตั้งข้อกังขาอยู่เหมือนกัน ว่า แทนที่ Ritchie Blackmore ได้รึ? อัลบั้มชุด Purpendicular ที่ออกมาในปี 1996 ได้พิสูจน์ ให้เห็นถึงความหลากหลายในสไตล์ดนตรีที่ Steve Morse ที่สามารถเล่นได้ แม้จะไม่เหมือน แต่ก็เล่นได้ เกิน กว่า Ritchie Blackmore ที่ทำเอาไว้ และที่สำคัญ คือ ความสบายใจ ที่ทำให้ วง Deep Purple ยังคงออกอัลบั้ม และมีตารางการทัวร์ยุโรป จนสิ้นปี 2009 นี้ จนถึงปี 2002, Jon Lord ได้ประกาศปลดเกษียรตัวเองออกจากวงฯ เพื่อที่จะไปทำงานด้าน orchestra ปัจจุบัน Deep Purple มีสมาชิก5 คน ประกอบด้วย Ian Gillan ? vocals Steve Morse ? guitar Roger Glover ? bass Ian Paice ? drums, percussion Don Airey ? keyboards ว่ากันตาม สถิติ ของ วง Deep Purple ตำนานร๊อคที่ยังมีลมหายใจอยู่ ดูจะมี Ian Paice เพียงคนเดียวที่มีสถานะสมาชิกวง ยาวนานที่สุด ตั้งแต่ ปี 1968 จนถึงปัจจุบัน ด้วยสถิติที่ไม่เคยยื่นใบลาออกจากวงฯ เลย (ในบ้านเรา ก็มีวง Kaleidoscope ที่จะมีประวัติศาสตร์ คล้ายๆกัน และมีสมาชิกที่ไม่เคยลาออกเลย 1 คนเหมือนกัน คือ คุณต้อม มือเบส) Deep Purple อยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ คงจะคล้ายๆบ้านเราที่ส่งเสริมให้ใช้หลัก ปรัชญา ?พอเพียง? คือ มีล้มก็ต้องมีลุก เมื่อลุกมาแล้ว ก็อยู่ด้วยสติ ตัดส่วนเกินที่ไม่จำเป็น ไม่เหมาะสม ออกๆไปบ้าง เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และเหมาะสม รักษาสิ่งที่มีอยู่ และพัฒนาให้งอกเงย มากกว่าที่จะลงทุนลงแรงจนเกินตัว และไม่ประมาทอีก กับสิ่งต่างๆ ที่ไม่เที่ยงแท้ เห็นได้จาก ทุกวันนี้ วง Deep Purple ยังคงมีผลงานอย่างสม่ำเสมอ และมีตารางการทัวร์ยุโรป จนสิ้นปี 2009 นี้ เพื่อรักษาชื่อเสียง ฐานกำลังของแฟนเพลง และคงรวมถึง เงินสดในบัญชีด้วยล่ะ ไม่ให้ลดน้อยถอยลงไปตามกาลเวลา แม้บทเพลงจะมีอายุอานาม ราวๆ 30-40 ปี แต่ก็Show ของพวกยังขายได้อยู่เสมอ ถ้าพวกเขายังมีแรงอยู่!!! การเดินทางของDeep Purple สะท้อนสิ่งหนึ่งในโลกนี้ว่า สิ่งใดจะดี หรือ ไม่เหมาะสม... ไม่สามารถชี้ชัดว่าผลจะออกมาเหมือนกัน หากเพราะเหตุปัจจัยต่างกัน สถานการณ์ก็ต่างกัน ต่างกรรม ต่างวาระกัน จึงควรต้องพิจารณาด้วยสติ ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อยู่เสมอ ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือธรรมะ ธรรมะคือธรรมชาติ ((ถ้าทนไม่ได้ ก็ลาออกไป )) และถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ และ สมาชิกDeep Purpleทั้งหมด ต่างยึดหลักธรรมมะ ที่ว่า "จงเป็นผู้มีสติ รู้เท่าทันกิเลสของตนเอง " ผมคงอาจจะเห็นผลงานจาก สมาชิกชุดดั้งเดิม ของคณะ Deep Purpleในวันนี้ แน่นอน เป็นอันว่า คงจะอยู่กันไปอีกนาน เท่านาน สำหรับชื่อ Deep Purple ผู้ว่องไวดุจสายฟ้าแลบ !!!! (ฉายานี้จากคุณวิฑูรย์ฯรายการ Top Teen Talent) ดังนำคำพระท่าน มาคิดย้อนกลับใหม่ ว่า "สรรพสิ่งย่อมไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน ย่อมมีดับไป และเกิดขึ้นใหม่ เป็นธรรมดา " คงน่าจะใช้ได้ดีทีเดียว ไม่รู้ว่าจะเป็นปรมัตถ์ (ultimate truth.) ได้หรือไม่???? แล้วจะคอยจับตาดูว่า "Thanks" ว่าจะเกิดขึ้นใหม่ อีกหรือไม่ RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - napman - 06-10-2009 Deep Purple อยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ คงจะคล้ายๆบ้านเราที่ส่งเสริมให้ใช้หลัก ปรัชญา ?พอเพียง? คือ มีล้มก็ต้องมีลุก เมื่อลุกมาแล้ว ก็อยู่ด้วยสติ ตัดส่วนเกินที่ไม่จำเป็น ไม่เหมาะสม ออกๆไปบ้าง เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และเหมาะสม รักษาสิ่งที่มีอยู่ และพัฒนาให้งอกเงย มากกว่าที่จะลงทุนลงแรงจนเกินตัว และไม่ประมาทอีก กับสิ่งต่างๆ ที่ไม่เที่ยงแท้ Good thought, Sarun. แต่ก็Show ของพวกยังขายได้อยู่เสมอ ถ้าพวกเขายังมีแรงอยู่!!! Are you talking about "Rolling Stones"? การเดินทางของDeep Purple สะท้อนสิ่งหนึ่งในโลกนี้ว่า สิ่งใดจะดี หรือ ไม่เหมาะสม... ไม่สามารถชี้ชัดว่าผลจะออกมาเหมือนกัน หากเพราะเหตุปัจจัยต่างกัน สถานการณ์ก็ต่างกัน ต่างกรรม ต่างวาระกัน จึงควรต้องพิจารณาด้วยสติ ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อยู่เสมอ ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือธรรมะ ธรรมะคือธรรมชาติ ((ถ้าทนไม่ได้ ก็ลาออกไป )) Very well comment, Sarun! ดังนำคำพระท่าน มาคิดย้อนกลับใหม่ ว่า "สรรพสิ่งย่อมไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน ย่อมมีดับไป และเกิดขึ้นใหม่ เป็นธรรมดา " คงน่าจะใช้ได้ดีทีเดียว ไม่รู้ว่าจะเป็นปรมัตถ์ (ultimate truth.) ได้หรือไม่???? Amen. แล้วจะคอยจับตาดูว่า "Thanks" ว่าจะเกิดขึ้นใหม่ อีกหรือไม่ That's not possible! Out of 5 members, 2 have physically gone forever from this planet earth (Rewat Buddhinan the keyboard player/lead singer and Chalermgiat Amornsingha the lead guitar). 1 have vanished into the thin air without trace (Porames Vajarapana the drummer). Only 1 left in BKK (Krit Chokthippatana the second lead guitar/lead singer) and the last one got stranded in California (Napasak Manisuk the bassist/lead singer. And nobody knew or cared anymore about this extincted Dinosour "Thanks", except may be "Tom Kaleidoscope" So just forget it pal RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - hattaya111 - 07-10-2009 เข้ามาพอดี เผลออ่านยาวเลย Ritchie Blackmore คือคนที่มีอิทธิพลกับผมมากๆอีกคน งานปัจจุบันกับนักร้องสาวหัวทองผมมีบูเรย์อยู่ เจอกันเมื่อไหร่จะเอาไปให้นะน้ารัน ไงก็ขอบคุณที่ทำให้ที่นี่มีสาระด้วยนะครับ น้าทั้งสองยังกะอายุรุ่นเดียวกันเลย 5555 น้าnapครับ ผมคงมีอะไรคุยยาวเเน่เลย จดหมายข้ามโลกจากน้าถึงผมนานเเล้ว ไม่ได้ตอบต้องขออภัยด้วย ชีวิตมีเหตุการณ์ต่างๆมากมาย คล้ายๆปีนี้ต้องรับปริญญาทีละ 5ใบ เเค่คิดจะเริ่มเขียนยังไงยังยากพอๆกับหาเวลาที่ดีเลยครับ ป.ล คิดถึงทุกๆคนมากครับ ร่าง hattaya111 คงจะดับสูญเร็วๆนี้ คนเรากำหนด เลือกเกิดไม่ได้เลย คือความจริง เเต่ผมเชื่อว่าเราเลือกที่จะตายอย่างไรได้ครับ 30 พศจิกา วันดับ hattaya111 RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - napman - 07-10-2009 (07-10-2009, 00:16)hattaya111 Wrote: Ritchie Blackmore คือคนที่มีอิทธิพลกับผมมากๆอีกคน งานปัจจุบันกับนักร้องสาวหัวทองผมมีบูเรย์อยู่ เจอกันเมื่อไหร่จะเอาไปให้นะน้ารัน RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - SARUN - 07-10-2009 (07-10-2009, 00:16)hattaya111 Wrote: Ritchie Blackmore คือคนที่มีอิทธิพลกับผมมากๆอีกคนอ้าวเหรอ !!!! นึกว่า อ.ปราชญ์ ??? หัวหน้าวง The Olarn Project ก็เคยให้สัมภาษณ์ หลายๆครั้ง ว่า Ritchie Blackmore เป็นแรงบันดาลใจให้ผลิตงานดนตรีฝากไว้ในตำนานวงร็อคเมืองไทยเช่นกัน (07-10-2009, 00:16)hattaya111 Wrote: น้าทั้งสองยังกะอายุรุ่นเดียวกันเลย 5555ผมคิดเสมอว่า เวลาที่เหลืออยู่ ของผม ก็ไม่เท่ากันกับคนอื่น โอกาส ของผม ก็ไม่เท่ากันกับคนอื่น อดีต ของแต่ละบุคคล แต่ละเรื่องราว จึงเป็นทางลัด ที่จะเรียนรู้อะไร ต่างๆ ในชีวิตโลก ว่าอะไรคือรากเหง้า อะไร คือ แก่น อะไร คือ เคล็ดลับ อะไรคืออย่าเสี่ยง อะไร คือ อย่าลอง อะไร คือ ต้องลอง ฯลฯ " ประสพการณ์ในอดีตของผู้อื่น คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน " จึงไม่แปลกใจที่ ช่วงนี้ อาจจะเรียนรู้เรื่องราว ผ่านประสพการณ์ จากรุ่นเก๋าๆ ในเวบเราบ่อยขึ้น แล้วมีอารมณ์ร่วมคิดคล้อยตาม จนตอนนี้ วัยแห่งความคิด คงจะล่วงเลยวัย 60 ไปแล้วเช่นกัน ศิลปะแห่งบทเพลง ถ้าเราล่วงรู้ รู้ลึก ถึงที่มาที่ไป ได้บ้าง มันทำให้เราตีความเพลงได้เยอะขึ้น ฟังได้อรรถรสขึ้น อิ่ม?มากขึ้นกว่าที่หูสัมผัส รวมความแล้ว เหมือนโตขึ้นในการฟังเพลง เดิมที ที่มาของ บทความยืดยาวววววว นี้จะเกิดขึ้น มันเกิดมาจาก ว่าง!!!!! เลยคิดว่า ไม่ได้การณ์ ละ ต้องหาอะไรคิดๆๆๆ ฆ่าเวลา จึงเริ่มต้น โดยการ ปล่อยจิตให้ว่าง??.. แล้วตั้งสติจับเพื่อจับจิต เผื่อจะเกิด พุทธิปัญญา อะไรซักอย่าง ? แล้วก็ มีเรื่องอะไรแวบบบ ขึ้นมาในหัวโดยทันที??? จำได้ว่า ? Deep Purple เป็นวง ที่เล่นเสียงดังที่สุดในโลก? บันทึกโดย กินเนสบุค ?เสียงดังที่สุด จริงๆเหรอ??????..ปล่อยไปก่อน ป่วยการหาคำตอบในตอนนี้ ? ?ตอนนี้ น่าจะมีวง ที่เล่นดังกว่าแล้วมั้ง ??????..ปล่อยไปก่อน ไม่ได้อยากรู้สถิติตอนนี้ ? ?ถ้า ดังที่สุด จริงๆ โดยเฉพาะ กีต้าร์!!??ในยุคนั้น วัดจากอะไร เดาว่า วัดมาจากเสียงบนเวที สดๆ สู่ผู้ฟังเลย น่าหาคำตอบในตอนนี้แฮะ ? เอ้?สังเกตุรูปคอนเสิร์ต หลายๆครั้ง ตู้Marshall วางเรียงกันเป็นแถว 3-4 ตู้เรียงๆ ติดกัน [attachment=14335] ระห่ำแบบ Ritchie Blackmore คงไม่เอา เสียงคลีนออกตู้นึง เสียงแตกออกตู้นึง สงสัยเอามาเสียบสายสัญญาณ ต่อๆ กัน โดย ให้ตู้2 ขยายตู้1 ?ตู้3 ขยายตู้2?.ตู้4 ขยายตู้3?.หรือเปล่า ว้า? แล้วถ้าที่คิดมามันใช่ Ritchie Blackmore เป็นคนทำคนแรกๆในโลกของ ฮาร์ดร๊อก หรือเปล่าหว่า? จึงทำให้ได้ตำแหน่ง เล่นหนวกหูที่สุด ในยุคนั้น?????????? จนทุกวันนี้ ก็ยังค้นหาคำตอบไม่ได้เลย ได้แต่เรื่อง ย๊าวววว ยาวววว ที่ได้อ่านไปกันตอนต้น เพราะ ?พุทธิปัญญา? แท้ๆ RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - karn - 07-10-2009 แม้ว่าผมจะชอบพูดจาไร้สาระ แต่ก็ชอบอ่านอะไรที่มีสาระมากๆเลย ได้ความรู้ ได้แง่คิด ขอเป็นกองกำลังสนับสนุนสาระดีๆจากน้าซ่าส์นะครับ ตอนนี้ขอตัวไปไร้สาระต่อ...แบ่งงานกันทำ เว็บจะได้คึกคัก RE: Deep Purple กับ ทฤษฎีทางพุทธศาสนา - SARUN - 07-10-2009 มาผ่าสมอง "Ritchie Blackmore" กัน!!!! ใครอยากเล่น กีต้าร์ ให้ได้เหมือน Richie Blackmore บ้าง??? Richie Blackmore เริ่มหัดเล่นกีตาร์ เมื่ออายุ 11 ปี โดยเรียนดนตรีคลาสสิกควบคู่กันไปด้วย โดยเขาตั้งจุดหมายไว้ว่า ..? จะเล่นกีตาร์ให้ได้ดีและถูกต้อง ควรจะเริ่มต้นด้วยบทเรียนของดนตรีคลาสสิก เพื่อเป็นพื้นฐานที่ดี แต่หลังจากนั้นเราจะต้องค้นหาวิธีการเล่นที่เป็นตัวของเราเองให้เจอ? พ่อของ Richie Blackmore เป็นนักคณิตศาสตร์ มีส่วนช่วยเหลือ Richie Blackmore อย่างมาก ในเรื่องของการเล่นกีตาร์ แม้ว่าพ่อจะเล่นดนตรีไม่เป็นก็ตาม แต่ โน้ตต่างๆที่อยู่บนตำรา พ่อของเขาจะใช้วิธีทางคณิตศาสตร์ อธิบายได้ว่าเมื่อเล่นโน้ตพวกนี้แล้ว เสียงที่ได้จะมีทิศทางอย่างไร แปรเปลี่ยนเป็นอะไรได้บ้างเพื่อการจดจำ และเข้าใจได้ง่ายขึ้น? ปีกว่าๆ Richie ก็เริ่มหา ประสบการณ์ นอกห้องเรียนไปเรื่อยๆ เริ่มต้น จากการไปคลุกคลี เพื่อนบ้านอย่าง Jim Sullivan (มือกีตาร์ในวงของ Tom Jones) ก็ได้พวกลูกเล่นและชั้นเชิงต่างๆทางกีตาร์ และ ฝังหัวคิดในสมองของ Richie ว่า ? ไม่ว่าจะเลือกเล่นดนตรีแนวไหน ก็ขอให้ยึดมั่นกับมันซักแนวหนึ่ง เพราะไม่มีทางที่ใครคนหนึ่งจะเล่นมันได้ดีทุกๆแนว ? ดังนั้น Richie จึงเลือกที่จะเล่นเพลงแนว ร้อค แอนด์ โรล ?.. อายุได้ซัก 17 - 18 ปีแล้ว จากนั้น Richie ก็เริ่มทำงานเป็นมือกีตาร์ประจำห้องบันทึกเสียง ถนัดกีตาร์แนวร้อกแอนด์โรล ((ในสมัยนั้นหาคนเล่นแนวนี้ได้ยากมาก? Jimmy Page ก็เป็นมือกีตาร์ประจำห้องบันทึกเสียง อยู่ในยุคนั้นๆ ด้วย )) หลังจากนั้น 2 ปี จึงย้ายไปอยู่เมือง ฮัมบรูก ประเทศเยอรมัน รับจ้างทำงานตามห้องอัดเสียงของที่นั้น และได้เจอเพื่อนๆอย่าง Jon Lord และIan Paice อยู่ได้ 3 ปี จึงชักชวนกันกลับอังกฤษ และตั้งวง Deep Purple นั่นเอง การจะแกะเพลง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เพลงของ Deep Purple จะมีพื้นฐานความคิดมาจาก ดนตรีคลาสสิคกว่าครึ่ง อาจจะเนื่องด้วยเพราะ Jon Lord ก็มาจากสายคลาสสิคกมาก่อน และจะเห็นได้ว่า ถ้าอยากจะแกะเพลง ของ Richie Blackmore ให้เหมือนเปี๊ยบ คงต้องอ้างอิง วิธีคิด วิธีบรรเลงแบบ เพลงคลาสสิค เข้ามาเป็นพื้นฐาน โน๊ตทุกตัวที่ปล่อยออกไปต้องมั่นคง เป๊ะๆ แทบทุกตัว การดันสายแบบขอไปที จะไม่เจอในงานแบบ Richie Blackmore แน่นอน แต่ ถ้าอยากจะเล่นเพลงของ ของ Richie Blackmore ให้ได้แบบ Richie Blackmore จะต้อง 1.พื้นฐานแน่น 2.คิดให้ง่ายและชัดเจน และ3.คิดวิธีการเล่นที่เป็นตัวของเราเอง (Richie Blackmore เองยังเล่นเพลงตัวเอง ไม่เหมือนแผ่นเลย ซักกะครั้ง 5555 ) |