NimitGuitar webboard
เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - Printable Version

+- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb)
+-- Forum: Others (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=12)
+--- Forum: Travel / Telling story (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=6)
+--- Thread: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... (/showthread.php?tid=5510)



เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - hattaya111 - 26-11-2009


โลกหมุนเวียน (สุนทราภรณ์) - สุนทราภรณ์



แม้จะใช้ชีวิตมาไม่มากนัก หลายๆอย่างที่พอได้เรียนรู้ได้ทำให้โดยส่วนตัวเข้าใจว่า

?ไม่มีมิตรแท้ และ ศัตรูเป็นถาวรในการใดๆ ?

ถ้าเป็นไปได้ควรจะมองภาพรวม ดูแก่นนำวิถีหลักของบุคคลนั้นๆมากกว่า ซึ่งคนเราก็ไม่ได้ต้องเดินถูกหรือผิดตลอดไป

มุมที่ดีของคน เราก็ควรจะเอาเยี่ยงอย่าง หากไม่ถูกต้องไม่พอใจก็ให้ละไว้ รู้ละวาง รู้อภัย

ไม่มีใครเป็นอะไรได้ดังใจทุกอย่าง แม้แต่ใจตัวเองสั่งตัวเองก็ตามที

เอาเป็นว่า คนที่มีจุดดีมากกว่าด้านร้าย และความร้ายเรารับได้ เราก็คบหานับญาติกันไป



คุณลุงท่านนี้ ผมได้คุ้นเคยมาทางสื่อต่างๆมากมาย ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่ผมเห็นหนังสือพิมพ์ในตู้จดหมายหน้าบ้านคุณตา

ใช่ครับคุณตาของผมแกรับหนังสือพิมพ์เดริมิเรอร์อยู่เป็นประจำ ผมเองก็จำได้ไม่แน่ชัดว่านานเท่าไร
จนหนังสือเล่มนี้ปิดตัวลงก็เลิก ไม่รับหนังสืออื่นมาแทน

พอดีคุณตาผมแกก็เลิกสนใจทางโลกเช่นกัน


ความโดดเด่นทางบุคลิก ไม่ว่าท่าทาง เนื้อเสียง การเล่าเรื่อง วิธีการสื่อสาร ผมว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อสักครู่มานี้ก็เพิ่งได้ฟังเสียงร้องเพลงของท่านวนอยู่ในรายการทางเคเบิ้ลทีวีอยู่หลายรอบ จนเอามือถือถ่ายเอาไว้
คิดว่าอยากเอามาทำเพลงประกอบให้ใหม่ คาดว่าคงจะออกมาไม่นานนี้ ตอนนี้ขอพิมพ์ไปบ่นไปก่อนละกัน

คุณลุงท่านนี้มีนิสัยรักงานศิลปะบันเทิง โขนละคร การดนตรีเป็นอย่างมาก มีสุนทรียะด้านต่างๆ รักสัตว์ มีความอ่อนโยน เป็นสิ่งที่สื่อไม่ค่อยได้เอาออกมานำเสนอในแง่มุมนี้สักเท่าไหร่

การทำงานแบบสื่อยังคงนิยมบอกว่าใครเป็นอะไร โดยวิธีจาบจ้วงนำจุดต่างๆที่น่าจะเป็นที่สนใจของแง่การขายข่าว ดึงเรทติ้งความนิยม มากกว่าแง่มุมโดยรวมต่างๆที่คนๆนั้นเป็น

จะมีสักกี่คนที่ได้เห็นบรรยากาศยามเช้าประมาณ 7.00 น.ของถนนวิทยุเส้นที่วิ่งผ่านหน้าสถานทูตอังกฤษ ตัดกับเพชรบุรี

เราจะเห็นชายสูงวัยขับรถเบนซ์ ปรับกระจกลงครึ่งหนึ่ง ค่อยๆวิ่งผ่านถนนเส้นนี้ทุกเช้า พร้อมกับเสียงเพลงคลอเเว่วตามทางที่เคลื่อนผ่านเบาๆ
?รักเมืองไทย ชูชาติไทยทะนุบำรุงให้รุ่งเรืองสมเป็นเมืองของเรา? และอีกหลายๆเพลงคล้ายๆนี้เป็นเช่นนี้ประจำทุกเช้า


นี่คืออีกแง่มุมที่น้อยคนนักจะเคยเห็น แต่เป็นภาพคุ้นชินของพนักงานบริษัท หรือผู้ที่สัญจรไปมาในช่วงเวลาดังกล่าว

คนหนึ่งคนอาจมีหลากหลายแง่มุมที่เราไม่เคยเห็น หนึ่งคนมีมุม 360 องศา อยู่ที่ว่าคุณจะจดจำในองศาไหนเท่านั่นเอง

บิลลาเดน อาจจะชอบทำซูชิให้ลูกสาวทาน ชอบฟังโมสาร์ททุกเช้า เป็นที่รักของครอบครัว

เราคงถูกบอกให้จำกันแค่เพียงเขาชอบฆ่าคน ตัดหัว ยิงระห่ำ เราก็จำกันไปที่เขาบอกเรามาอีกที



คุณลุงคนนี้ ผมคิดว่าท่านมีความเป็นศิลปินในแบบของท่านที่น่าสนใจคนหนึ่ง ทั้งในวิธีการเล่าเรื่อง การสื่อสาร การเป็นตัวของตัวเอง

ผมเองอาจจะมีนิสัยฉายเดี่ยว ไม่ค่อยเอาใคร ..รั้นๆ ....ถ้าอยู่ถูกที่ถูกทางหน่อยเรียกกันเท่ๆว่า...ศิลปิน

แต่จริงๆในความรู้สึก...ผมว่าความหมายมันก็คือ....คนเอาแต่ใจนั่นแหละ ก็สรรหาคำเรียกดีๆกันไป


ผมรู้สึกนิยมนิสัยอะไรบางอย่างในคุณลุงท่านนี้ หวังว่าคงไม่ใช่ตามหลัก ดาวินซีคิดวาดโมนาลิซ่านะครับ

.....คนเราชอบอะไรที่คล้ายกับตัวเรา...เราคงไม่ปฏิเสธ.....


ครั้งหนึ่งสมัยทำงานอยู่หัวหิน ''พี่ขวัญ''เจ้านายผมดันเป็นหลานของคุณลุงสมัครอีก ท่าทางนิสัยอะไรบางอย่างก็มีให้นึกถึงกันได้

... สงสัยบางอย่างคงสืบทอดได้ทางสายพันธุ์ ....ก็เเปลกดี



เขียนๆมาหลายวรรค ไม่ได้มีเจตนาจะเล่าเรื่องอะไรเลยครับ

แค่อยากแสดงการระลึก และ ขอบคุณถึงช่วงเวลาต่างๆในชีวิต ที่เราได้เรียนรู้ รับข้อมูลต่างๆจากบุคคลคนหนึ่ง


ชื่อนี้เราต่างคุ้นเคย และเป็นส่วนหนึ่งของเวลาที่เราเคยมี

การเดินทางในโลกนี้ ครั้งนี้พ้นวาระหมดบทบาทไป

เรียนรู้กับเดินทางต่อๆไปครับ คุณลุง สมัคร สุนทรเวช



ด้วยความเคารพรัก

หัทยา สงวนสิน







...................................................................





Cool เอาข้อมูลมาฝากเพิ่มเติมครับ


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3_%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%8A

ลองไปดูครับ อัพเดทเร็วมากที่นี่

ส่วนข้างล่างคัดลอกมาอีกทีครับ ที่มาก็ไม่เเจ้งที่ก่อนจะมาอีก เเต่ตรงกับในวิกิ้ครับ เเบบย่อๆ



ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว สมัคร สุนทรเวช


ปิดฉากชีวิตลงแล้ว นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีบทบาทสร้างสีสันให้แก่วงการเมืองไทยมาตลอด โดยถึงแก่อนิจกรรมที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

เช้าวันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้วที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายสมัครเดินทางกลับจากการรักษาที่ต่างปร ะเทศ และพักฟื้นอยู่ที่บ้าน โดยก่อนจะถึงแก่อนิจกรรมได้เข้าพักรักษาตัวอีกครั้งท ี่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ด้วยโรคมะเร็งตับ กระทั่งถึงแก่อนิจกรรมในที่สุด ซึ่งทางญาติเตรียมแถลงการถึงรายละเอียดอีกครั้ง พร้อมเตรียมเคลื่อนศพบำเพ็ญกุศล ที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และ จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.)

นายสมัคร สุนทรเวช เป็นบุตรของ เสวกเอกพระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของมหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอ ยู่หัว และเป็นหลานตาของมหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

นายสมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
พ.อ.(พิเศษ) พ.ญ.มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมแล้ว)
นายสมัคร สุนทรเวช
นายมโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
นายสุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย

นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภาและกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่ จากการที่ภรรยาทำงานอยู่กับบริษัทเอกชนมาตั้งแต่ พ.ศ.2505 สถานะการเงินของภรรยาจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได ้ นายสมัครเลยมิได้ทำงานประจำให้กับหน่วยงานใด และได้ทำงานด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตั้งแต่ พ.ศ.2516



ประวัติการศึกษา

ก่อนประถมศึกษา : โรงเรียนสตรีบางขุนพรหม
ระดับประถมศึกษา : โรงเรียนเทเวศร์ศึกษา
ระดับมัธยมศึกษา : โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
ระดับอาชีวศึกษา : โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์
ระดับอุดมศึกษา : นิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



ประวัติทางการเมือง

นายสมัครเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยสมัครเข้าเป็นสมาชิ กพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ พ.ศ.2511 เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพ มหานคร ใน พ.ศ.2514 และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้ งแรก ใน พ.ศ.2518 ในชีวิตการเมืองเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งตลอดเ วลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัครได้รับการแต่งตั้งในคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ได้แก่

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 2 (15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2518 - 13 มีนาคม พ.ศ.2518)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 3 (20 เมษายน พ.ศ.2519 - 23 กันยายน พ.ศ.2519)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร (8 ตุลาคม พ.ศ.2519 - 19 ตุลาคม พ.ศ.2520)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 2 (30 เมษายน พ.ศ.2526 - 5 สิงหาคม พ.ศ.2529)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (9 ธันวาคม พ.ศ.2533 - 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร (7 เมษายน พ.ศ.2535 - 24 พฤษภาคม พ.ศ.2535)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา (13 กรกฎาคม พ.ศ.2538 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2539)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ (25 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2540)
นายกรัฐมนตรี (29 มกราคม - 9 กันยายน พ.ศ.2551)

สรุปประวัติทางการเมืองได้ดังนี้

พ.ศ. 2511 : เข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ.2511-2519)
พ.ศ. 2514 : สมาชิกสภาเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร (ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ.2514)
พ.ศ. 2516 : สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 10 ธ.ค.2516) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.2516)
พ.ศ. 2518 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ม.ค.2518)
พ.ศ. 2518 : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2519 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย.2519)
พ.ศ. 2519 : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2519 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ.2519-2520)
พ.ศ. 2522 : ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย.2522)
ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (พ.ศ.2523-2526)
พ.ศ. 2526 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย.2526)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ.2526-2529)
พ.ศ. 2529 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค.2529)
ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (พ.ศ.2529-2531)
พ.ศ. 2531 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค.2531)
ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ.2531-2533)
พ.ศ. 2533 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ.2533-2534)
พ.ศ. 2535 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มี.ค.2535) (ก.ย.2535)
ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ.2535-2538)
พ.ศ. 2538 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค.2538)
พ.ศ. 2539 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พ.ย.2539)
พ.ศ. 2543 : ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ.2543-2547)
พ.ศ. 2550 : รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พ.ศ.2550 - 30 ก.ย.2551)
พ.ศ. 2551 : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (29 ม.ค.2551 - 9 ก.ย.2551)




ขอขอบคุณ ผู้ช่วยพิสูจน์อักษรด้วยครับBig Grin

มีตรงไหนผิดพลาด ขาดตกเเนะนำได้เลยครับ


ขอบพระคุณทุกๆท่าน



RE: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - Tai Labour - 26-11-2009

โลกมีทั้งรักทั้งชัง อย่าหวังสิ่งเดียวใดได้
ยึดมั่นวันหนึ่งย่อมคลาย เหลือไว้ความหลังจางจาง
ปลดปลงลงเสียทุกที่ วันนี้พรุ่งนี้ ก็มีต่าง
เดินลงตรงทางกลางกลาง พลาดพลั้งพลันคิด....อนิจจัง



โลกเราก็เท่านี้เราคงเห็นมันอยู่คนละไม่กี่ปีหรอกครับ....ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคตินะครับ"ลุงหมัก"


RE: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - boobyblue - 26-11-2009

ผมไม่ได้รักไม่ได้เกลียดไม่ได้ชอบลุงแกเลย
แต่แปลกเมื่อทราบข่าวถึงการจากไปของแกกลับทำให้ผมใจหาย.........

สำหรับผม...ลุงหมักคือผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง
ลองคิดดู....ในบั้นปลายของชีวิต
ความฝันแทบมลายหายสูญไปแล้ว
อย่างไม่คาดคิด...ความฝันอันเลือนลางพลันบังเกิด
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุดก็เอื้อมถึง!!!

น้าหนึ่งเขียนแทนใจผมแล้ว
ผมคงไม่ต้องรู้สึกใดๆอีก
น้าต่ายก็เขียนแทนสมองผมแล้ว
ผมจึงไม่ต้องคิดเขียนใดๆอีก


คงมีทั้งคนดีใจและเสียใจกับการจากไปของแก
โลกก็เป็นเช่นนี้เอง..........


RE: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - เฒ่าทารก - 27-11-2009

เสียดายกับบุคคลที่ปากกับใจมักไปทางเดียวกัน ในฐานะนักการเมือง ซึ่งหาได้น้อยมาก ผมชอบท่านตอนที่ทำกับข้าวนี่แหละครับ เพราะคือพ่อครัวแบบผู้ชายเข้าครัวแท้ๆ
โวหารที่ท่านอภิปรายในสภาเราคงไม่ได้ยินอีกแล้ว


RE: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - โฟล์คน้อย - 27-11-2009

หลายคนบอกว่าอาชีพการงานที่เหนื่อยที่สุด และหนักที่สุดคือ นักการเมือง
เพราะการเมืองไม่มีสีอื่นใดเลยนอกจาก


สีเทา..


สัมมาอาชีพอย่างอื่นอาจมีสีสันสดใส สีมัวหมอง หรือมืดทึบ..
แต่การเมืองไม่ใช่


คนที่อยู่ในแวดวงการเมืองไม่ว่าในระดับท้องถิ่น หรือระดับชาติ
ไม่ว่าจะดีหรือไม่อย่างไร ต่างต้องใช้ความทุ่มเทมากกว่าคนทั่วไป..
อย่างที่คนธรรมดาอย่างเรา ๆคิดไม่ถึง


และโดยเฉพาะการเมืองในประเทศเรา ที่หลายครั้งนักการเมือง..
ถูกกล่าวถึงได้อย่างน่าหดหู่ใจ.. ว่านักเลือกตั้ง..
ทั้งที่หลายคนทุ่มเททั้งชีวิตทำหลายสิ่งหลายอย่างให้ประเทศชาติ


เราทุกคนมีข้อผิดพลาด.. แต่เราไม่เคยพูดถึงมัน
แต่เรามีความสุขที่จะกล่าวถึงข้อผิดพลาดของคนอื่น..


ถ้าเราวางใจอย่างไม่มีความรู้สึกถึงเขา หรือว่าเรา


นักการเมือง คือ บุคคลที่เสียสละอย่างที่สุด..



............................................



ทุกวันนี้เราต่างไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
เราโอนเอนไปตามกระแสคลื่นของคำคน


เรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราคิดว่าถูกในวันนี้ จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในวันหน้า
และสิ่งที่เราเชื่อมาตลอดว่าผิด จะไม่ใช่สิ่งที่ถูกในวันต่อไป


เราเลือกที่จะคิด หรือจดจำอย่างไรต่างหาก..
พวกเรามักเป็นกันอย่างนี้


แล้วมันยุติธรรมหรือเปล่า
หรือว่าเรามีสิทธิ์ใดหรือ.. ที่จะคิด หรือตัดสินใคร
เขาก็เหมือนเรา เราก็เหมือนเขา
ทำทุกสิ่งที่ถูกและผิด ได้เหมือน ๆกัน..



เมื่อวันทีสิ่งที่เราคิดว่าถูกมันผิด เราจะเงียบ..
และเมื่อวันที่สิ่งที่เราบอกว่าผิด กลับกลายเป็นถูก..
เราจะไม่พูดถึงมันอีกเลย..


แต่คนที่ถูกกล่าวถึง
หลายคนยังมีลมหายใจ หลายคนจากไป..


เรามีสิทธิ์อะไรกันแน่.. ที่จะกล่าวถึงเขา ถึงใคร.. อย่างไร..
เรารู้จริง ๆหรือ ว่าเขาทำอะไร.. อย่างไร
และแน่ใจหรือ ว่าเรารู้ว่า..ตัวเราทำอะไรกันอยู่..


นักการเมือง เป็นแบบไหน
คนในชาติมันก็เป็นกันแบบนั้น..


ถ้าเราอยากให้ประเทศที่เราอยู่มีความสุข
ก็ต้องเริ่มที่ตัวเราต่างหาก
ไม่ใช่ที่คนอื่น


..........................................



สิ่งรอบตัวเราข้างนอก ต่างก็คือสิ่งที่สะท้อนตัวตนของเรา
ถ้าเราเข้าใจ และยอมรับได้


ทุกสิ่งดี ๆก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ



อย่าตัดสินคนอื่นด้วยเหตุผลใด ๆ
เพราะเมื่อวันที่เราเริ่มคิดแบบนั้น
ชีวิตเรา.. มันก็จะไม่แตกต่างไปจากสิ่งที่พวกเขาเคยได้รับจากเรา



ไม่ว่าจะดำ หรือขาว.. หรือสีเทา..
มันก็เป็นเพียงสีสันส่วนหนึ่งในชีวิตเท่านั้น



เราเติมสีให้กับชีวิตของเรา..
ดีกว่าที่เราจะไปใส่สีให้กับคนอื่น
ไม่ว่าเขาคนนั้น จะเป็นใครก็ตาม..









................................


RE: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - karn - 27-11-2009

ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของ คุณลุง ครับ


RE: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - Tai Labour - 27-11-2009

(27-11-2009, 17:46)โฟล์คน้อย Wrote: หลายคนบอกว่าอาชีพการงานที่เหนื่อยที่สุด และหนักที่สุดคือ นักการเมือง
เพราะการเมืองไม่มีสีอื่นใดเลยนอกจาก


สีเทา..


สัมมาอาชีพอย่างอื่นอาจมีสีสันสดใส สีมัวหมอง หรือมืดทึบ..
แต่การเมืองไม่ใช่


คนที่อยู่ในแวดวงการเมืองไม่ว่าในระดับท้องถิ่น หรือระดับชาติ
ไม่ว่าจะดีหรือไม่อย่างไร ต่างต้องใช้ความทุ่มเทมากกว่าคนทั่วไป..
อย่างที่คนธรรมดาอย่างเรา ๆคิดไม่ถึง


และโดยเฉพาะการเมืองในประเทศเรา ที่หลายครั้งนักการเมือง..
ถูกกล่าวถึงได้อย่างน่าหดหู่ใจ.. ว่านักเลือกตั้ง..
ทั้งที่หลายคนทุ่มเททั้งชีวิตทำหลายสิ่งหลายอย่างให้ประเทศชาติ


เราทุกคนมีข้อผิดพลาด.. แต่เราไม่เคยพูดถึงมัน
แต่เรามีความสุขที่จะกล่าวถึงข้อผิดพลาดของคนอื่น..


ถ้าเราวางใจอย่างไม่มีความรู้สึกถึงเขา หรือว่าเรา


นักการเมือง คือ บุคคลที่เสียสละอย่างที่สุด..



............................................



ทุกวันนี้เราต่างไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
เราโอนเอนไปตามกระแสคลื่นของคำคน


เรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราคิดว่าถูกในวันนี้ จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในวันหน้า
และสิ่งที่เราเชื่อมาตลอดว่าผิด จะไม่ใช่สิ่งที่ถูกในวันต่อไป


เราเลือกที่จะคิด หรือจดจำอย่างไรต่างหาก..
พวกเรามักเป็นกันอย่างนี้


แล้วมันยุติธรรมหรือเปล่า
หรือว่าเรามีสิทธิ์ใดหรือ.. ที่จะคิด หรือตัดสินใคร
เขาก็เหมือนเรา เราก็เหมือนเขา
ทำทุกสิ่งที่ถูกและผิด ได้เหมือน ๆกัน..



เมื่อวันทีสิ่งที่เราคิดว่าถูกมันผิด เราจะเงียบ..
และเมื่อวันที่สิ่งที่เราบอกว่าผิด กลับกลายเป็นถูก..
เราจะไม่พูดถึงมันอีกเลย..


แต่คนที่ถูกกล่าวถึง
หลายคนยังมีลมหายใจ หลายคนจากไป..


เรามีสิทธิ์อะไรกันแน่.. ที่จะกล่าวถึงเขา ถึงใคร.. อย่างไร..
เรารู้จริง ๆหรือ ว่าเขาทำอะไร.. อย่างไร
และแน่ใจหรือ ว่าเรารู้ว่า..ตัวเราทำอะไรกันอยู่..


นักการเมือง เป็นแบบไหน
คนในชาติมันก็เป็นกันแบบนั้น..


ถ้าเราอยากให้ประเทศที่เราอยู่มีความสุข
ก็ต้องเริ่มที่ตัวเราต่างหาก
ไม่ใช่ที่คนอื่น


..........................................



สิ่งรอบตัวเราข้างนอก ต่างก็คือสิ่งที่สะท้อนตัวตนของเรา
ถ้าเราเข้าใจ และยอมรับได้


ทุกสิ่งดี ๆก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ



อย่าตัดสินคนอื่นด้วยเหตุผลใด ๆ
เพราะเมื่อวันที่เราเริ่มคิดแบบนั้น
ชีวิตเรา.. มันก็จะไม่แตกต่างไปจากสิ่งที่พวกเขาเคยได้รับจากเรา



ไม่ว่าจะดำ หรือขาว.. หรือสีเทา..
มันก็เป็นเพียงสีสันส่วนหนึ่งในชีวิตเท่านั้น



เราเติมสีให้กับชีวิตของเรา..
ดีกว่าที่เราจะไปใส่สีให้กับคนอื่น
ไม่ว่าเขาคนนั้น จะเป็นใครก็ตาม..









................................

สมัยหน้า ผมเลือกท่านนี้แน่นอนครับ Big Grin


RE: เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... - maprang - 28-11-2009

สวัสดีค่ะ ...ตอนแรกเกือบจะเดินก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้แล้ว เนื่องจากปวดตาอย่างหนักกับการแพ่งหน้าจอเป็นเวลานาน แต่ก็ต้องสะดุจกับการโปรยหัวข้อ "เรื่องเล่าเเบบหัทยา(ตอนพิเศษ) ขอเเสดงความรำลึกถึง...คุณลุงท่านหนึ่งที่จากไป.... " ทำให้ต้องหยุดอ่าน และขออนุญาติเสริมอีกนิดว่า

คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ที่สวมหมวกได้หลายใบ และปฎิบัติหน้าที่ขณะใส่หมวกแต่ล่ะใบอย่างสมบูรณ์
พอทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณสมัคร ภาพในหัวก็ชัดขึ้น เป็นภาพผู้ชายสูงวัยกำลังป่วยหนักด้วยโรคมะเร็ง นั่งอยู่ที่สนามบิน เพื่อรอรถมารับไปรักษาตัวต่อยังโรงพยาบาล และภาพเบื้องหน้าคือกลุ่มคนที่กำลังด่าทอ สาบแช่ง ในภาพข่าวคุณสมัครได้แต่นั่งเฉยๆ ก้มหน้าบางครั้งคราว แรงใจในวินาทีนั้นคงเป็นหญิงชรา อายุรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งกุมมือให้กำลังใจไม่ห่าง ภาพนั้นสะท้อนได้หลายแง่มุม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหยิบแง่มุมไหนมาใส่สมอง จึงขอหยิบแง่มุมเรื่องของ สตรีที่อยู่เคียงข้างคุณสมัคร จนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ณ วันที่ธรรมชาติเรียกคืน

จึงขอหยิบยกบทความนี้มาฝาก เพื่อจะเป็นอีกแง่มุมที่จะได้ทำความรู้จัก ผู้ชายที่ชื่อว่า .... สมัคร สุนทรเวช ....


" คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก มีอุปนิสัยค่อนข้างเก็บตัว และเป็นข่าวน้อยมาก
ในแวดวงสังคม แบบฉบับผู้อยู่หลังบ้านที่ดี ในขณะที่สามีเป็นข่าวบนหนังสือพิมพ์โดยตลอด

สมัคร เคยพูดถึง ภรรยา ไว้ในหนังสือ การเมืองเรื่องตัณหา ซึ่งเป็นหนังสืออัตชีวประวัติสมัคร สุนทรเวช โดย myst-man นำมาโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ พันทิป ว่า ไปพบรักกับภรรยาที่มหาวิทยาธรรมศาสตร์และการเมือง โดยขณะนั้นตนเองเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ ส่วนคุณหญิงสุรัตน์เรียนอยู่ทีคณะบัญชี

...ตอนที่ผมโตเป็นหนุ่มขึ้นมาแล้ว ผมก็รู้จักชอบ รู้จักรักผู้หญิงเหมือนกับชายหนุ่มทั้งหลาย และสำหรับชายที่บังเอิญมาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย คนที่ไปรักไปชอบนั้นก็เห็นจะไม่พ้นคนที่เรียนหนังสืออยู่สำนักเดียวกัน เพราะยังงั้นหลังจากที่ได้มีโอกาสรู้จักมักคุ้นมีเพื่อนมีฝูงทั้งใกล้ทั้งไกลมากมายอยู่พักหนึ่งแล้ว คนที่ใกล้ชิดสนิทสนมจนถึงขั้นจะตกลงปรงใจกันก็เป็นชาวท่าพระจันทร์ด้วยกันนั่นแหละ ผมเรียนกฎหมาย คุณเธอเรียนบัญชี...

...ถึงตอนนี้ผมอยากจะขออนุญาตเล่าลงไปให้ถึงรายละเอียดสักนิดเพื่อให้ ไอ้บรรดาคอลัมนิสต์ เลวชาติ ทั้งหลายมันได้รู้กันว่าคนอย่างผมนั้น เริ่มก่อร่าง สร้างตัว ขึ้นมาจากความไม่มีอะไรโดยไม่ต้องทุจริตคดโกงอย่างที่พวกมันหลับหูหลับตาคิดกันอย่างไร...

หลังจากที่รักใคร่ชอบพอกันแล้ว สมัคร ก็ตัดสินใจขอหมั้น คุณหญิงสุรัตน์ ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ โดยสัญญากันเป็นหมั่นเหมาะว่าหากเรียนจบกลับมาแล้วค่อยแต่งงานกัน

...ผมตกลงกันว่า เรียนหนังสือเสร็จแล้ว ผมจะทำงานเก็บเงิน เพื่อให้คู่หมั้นผมบินไปแต่งงานกันที่โน่น

แต่แล้วด้วยความที่ไม่ต้องการให้เกิดการสิ้นเปลือง จากเดิมที่วางไว้ว่าจะไปทำพิธีแต่งงานที่สหรัฐฯ ก็ได้เปลี่ยนแผนมาแต่งที่ญี่ปุ่นแทน เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า โดยทั้งคู่จัดพิธีแต่งงานที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีท่านอุปทูตเป็นประธาน เมื่อปี 2511

...ท่านผู้อ่านคงจะนึกสงสัยว่าทำไมผมสองคนถึงได้ดิ้นรนอยากจะออกมาแต่งงานเมืองนอก คำตอบที่บอกได้โดยไม่ต้องอาย ก็คือเราไม่มีเงิน เพราะเราเคยนั่งคิดกันแล้วว่าในฐานะที่เคยเป็นชาวมหาวิทยาลัยที่ออกจะเป็นคนมีเพื่อนฝูงมากทั้งคู่ ถ้าแต่งงานแล้วมีเลี้ยงดูกันอย่างพอสมควรในเมืองไทย ค่าใช้จ่ายเห็นจะไม่หนี 4-5 หมื่นบาท เงินขนาดนั้นผมจะไปหากันมาจากที่ไหน แต่ถ้าเลือกไปแต่งงานที่สถานทูตในญี่ปุ่นตอนที่ผมเดินทางกลับจากเรียนหนังสือ คู่หมั้นผมเพียงแต่เสียค่าเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-โตเกียว ราคา 7,300 บาท โดยวิธีซื้อแบบบินก่อนผ่อนที่หลัง เพียงเดือนละ 300 กว่าบาท เท่านั้นเอง... "
และปิดตำนานรักฉบับชั้นประหยัดของ คุณสมัคร สุนทรเวช อย่างสวยงาม
ร่างกายถูกส่งกลับคืนสู่ธรรมชาติ แต่ความรักยังคงอยู่ตลอดไป

จงอย่ามองแต่ส่วนด้อย จงมองส่วนเด่น และสิ่งที่ทำเหลือไว้ ท่านเป็นผู้ที่มีสุนทรีย์ภาพ ในการดำเนินชีวิต
ภาพบรรยากาศที่ คุณHattaya111 บรรยายมา ณ ถนนวิทยุยามเช้า เป็นเช่นนั้นจริงๆ บังเอิญว่าเคยทำงานอยู่ บนถนนเส้นนั้นอยู่หลายปี จึงซึมซับบรรยากาศนั้นได้ค่ะ แอบมีรอยยิ้มมุมปากทุกครั้งที่บังเอิญไปเจอรถคันนี้กำลังขับผ่าน พร้อมเสียงเพลงลอยตามลม แว่วมา

ขอให้จากไปอย่างสงบ หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการต่อสู้กับโรคมะเร็ง
สิ่งที่เหลือไว้คือ ชื่อ และความดีของแต่ล่ะช่วงชีวิต ที่คนในครอบครัว ลูกหลาน และคนทั่วไปควรจดจำ
เพราะอย่างน้อย ท่านคือสามีและพ่อที่ดีของลูก
ในการดำเนินชีวิตส่วนตัวท่านคือ FAMILY MAN ตัวจริงในความรู้สึก

ตอนแรกว่าจะตอบนิดเดียว แต่ตัวอักษรมันชักชวนกัน ให้พิมพ์ต่อ ก็เลยตอยยาวเลย
ต้องขออภัยคุณHattaya111ด้วยค่ะ หวังว่าคงจะไม่ว่ากัน และขอบคุณมากค่ะสำหรับพื้นที่เล็กๆ ที่ให้แลกเปลี่ยนความคิดตรงนี้....นานๆที่จะเห็นหัวข้อที่โปรยเรื่องประเภทนี้ก็อดชื่นชมในความคิดของผู้นำเสนอไม่ได้
ปกติถือ บัตรเหลืองเข้ามานั้งอ่านเรื่องต่างๆ ของชาวบ้าน ครั้งนี้ได้บัตรถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ขอใช้สิทธิ์กันหน่อย ถือโอกาสมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันค่ะ