Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - Printable Version +- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb) +-- Forum: Others (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=12) +--- Forum: Song book (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=13) +--- Thread: Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ (/showthread.php?tid=7055) |
Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - SARUN - 28-05-2010 การสูญเสีย ย่อมนำมาซึ่งความปวดร้าวและความโศกเศร้าใจ ยิ่งเป็นคน สัตว์ หรือ สิ่งของที่เรารักมากที่สุดด้วยแล้ว ณ เวลานั้นๆคงบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ยากมาก แต่จะมากหรือน้อย ก็คงแล้วแต่ความผูกพันธ์ที่มีต่อกันมา ณ เวลานี้ ผมนึกถึงเพลงนี้ แม้ จะยังไม่อารมณ์เศร้าโศกจากการเสียคนที่รัก แต่ก็เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ มานานร่วมสิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นยังเคยจินตนการเล่นๆว่า เขาคงไปเดินทางไปยังอีกดินแดนหนึ่ง เท่านั้น แล้วถ้าวันหนึ่ง เราได้ไป ณ ดินแดนแห่งนั้นได้เช่นกัน แล้วได้พบกันอีกครั้ง แล้วยังจะจำชื่อ กันได้ไม๊หนอ? Would you know my name If I saw you in heaven? ความสัมพันธ์แบบเดิมๆ ยังจะมีอยู่ไม๊หนอ? Would it be the same If I saw you in heaven? จะได้สัมผัสจับมือกันไม๊หนอ? Would you hold my hand If I saw you in heaven? ถ้าเราเดินเซ่อๆซ่าๆ หกล้มไป เขาจะมาพยุงเราไม๊หนอ? Would you help me stand If I saw you in heaven? ความปวดร้าวและความโศกเศร้าใจ มักเป็นแรงบันดาลใจของงานศิลปะดีๆ บนโลกนี้หลายชิ้น ทั้งงานจิตรกรรม วรรณกรรม หรือ บทเพลงเสมอๆ และหนึ่งในนั้นที่จะพูดถึงคือเพลง Tears in Heaven ของ Eric Clapton และถือเป็นบทเพลงระดับคลาสสิก ทั้งในระดับประเทศไทยและระดับสากล ที่ว่า คลาสสิก ทั้งในระดับประเทศไทย คือ ถือเป็นเพลงที่ถ้าคนไทยนำมาร้องเล่นกันใหม่ ควรจะต้องเล่นให้ใกล้เคียงต้นฉบับ ที่สุด ถึงจะได้รับการยอมรับจากผู้ฟังคนไทยด้วยกันเอง ส่วนในระดับสากล วัดจากประสพความสำเร็จมากๆ ทั้งรางวัล รายได้ และ ชื่อเสียง จากอัลบั้ม Unplugged ตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปัจจุบันนี้ ที่จริงแล้ว เพลงนี้ ถูกออกอากาศครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ 1992 เป็นเพลงที่ 10 ในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Rush เขียนเนื้อโดย Eric Clapton และ Will Jennings Will Jennings เป็นผู้ที่แต่ง เนื้อเพลง"My Heart Will Go On,"ที่ดังเปรี้ยงป้าง ในปี ค.ศ.1997 แต่ย้อนกลับไปเมื่อปี 1991 Eric Clapton และ Will Jennings รับงานทำเพลงประกอบหนังเรื่อง Rush โดยร่วมกันเขียนเพลง 'Help Me Up' ซึ่งเป็นเพลง ปิดท้ายหนัง และในหลายๆฉากในเรื่อง ทำให้ Eric อยากเขียนเพลงให้กับลูกชายที่เสียชีวิตไป จากอุบัติเหตุ?? Eric เริ่มเขียนประโยคหนึ่งได้ว่า 'Time can bring you down, time can bend your knees..แล้วขอให้ Will ช่วยเขียนเนื้อที่สละสรวยที่เหลือจนสมบูรณ์ (เพลงนี้มี Steve Winwood ช่วยเขียนอีก 1 คน แต่ไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการ) โดย Eric ได้สรุปท้ายเรื่องเศร้าๆทั้งหมดไว้ว่า แม้จะพบกันอีกครั้ง ณ ที่แห่งนั้น ก็ดีใจอยู่ แต่ว่า เมื่อพบกัน เพราะเหตุที่เราเคยจากจากกันไปแล้ว คงจะอดกลั้นความรู้สึกไว้ไม่ได้แน่ๆ คงจะมีน้ำตาแห่งความเศร้า เมื่อพบกัน Tears in heaven. ต่อแต่นี้ไป ฉันจะหาหนทางของฉันเอง I'll find my way through night and day, โดยจะต้องเข้มแข็งและสู้ต่อไป I must be strong and carry on, เพราะรู้ดีว่า ณ เวลานี้ บนสวรรค์แห่งนั้น มันคงไม่ใช่ที่ของฉัน 'Cause I know I don't belong here in heaven... และ ไม่อาจสามารถอยู่บนสรวงสวรรค์แห่งนั้นได้. 'Cause I know I just can't stay here in heaven. บนนั้น จะต้องเป็นที่ๆ สงบสุข และไม่ควรจะมีน้ำตาแห่งความโศกเศร้าเด็ดขาด Beyond the door, There's peace I'm sure, And I know there'll be no more Tears in heaven. ในปี 2004 Eric เคยประกาศไว้ว่า จะไม่เล่นเพลงนี้อีกแล้ว !!! เพราะที่ผ่านมา เขาขับร้องบทเพลงนั้นได้ เพระด้วยความรู้สึกที่ สูญเสีย มันยังคงมีอยู่ แต่ ณ วันนี้ เขาผ่านความรู้สึกแย่อย่างนั้นมาได้แล้ว จึงไม่สมควรที่จะร้องเพลงนี้อีกต่อไป คติความเชื่อของชาวพุทธ เชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะอยู่กับเราได้ตลอดไป มันย่อมหมายถึงความสุขและความทุกข์ด้วย บางเวลา เราอาจจะ ลืมเรื่องนี้ไป จนต้องจมอยู่กับอดีต ความโศกเศร้า ความสูญเสียกับสิ่งที่ไม่มีวันหวนคืน ซึ่งไม่ก่อผลดีอะไรเลย หนำซ้ำยังเป็นการทำร้ายคนที่ยังอยู่รอบข้าง หลายครั้ง ที่คนเรามักเห็น คุณค่าของการสูญเสียมากกว่า ความหมายของการมีอยู่ จะเห็นคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไปก่อน เพลงนี้คงจะบอกเราได้ว่า เวลาที่ยังเหลือ นี้ยังสวยงาม และมีหลายสิ่งอีกมากที่เราต้องทำ และชีวิต ยังคงต้องดำเนินต่อไป ถ้าคนๆนั้นอยู่บนสวรรค์จริง คงจะไม่เสียใจหรอก ที่เห็นเราไม่โศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ อีกต่อไป เพราะการที่เรามีความสุข ไม่ได้แปลว่าเราลืมเขา. ขออุทิศสาระจากกะทู้นี้แด่ คุณเหมียว อรัญญา RE: Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - Tingnal - 29-05-2010 ยังคงเหลือไว้แต่ความทรงจำทั้งหลายที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะดี เลวร้ายเพียงใด ผ่านมา...แล้วก็ผ่านไป แม้ว่าจะไม่มีสาระอะไร แต่ก็เต็มใจให้น้าแมวครับ RE: Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - napman - 29-05-2010 [quote='Tingnal' ยังคงเหลือไว้แต่ความทรงจำทั้งหลายที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะดี เลวร้ายเพียงใด ผ่านมา...แล้วก็ผ่านไป แม้ว่าจะไม่มีสาระอะไร แต่ก็เต็มใจให้น้าแมวครับ [/quote] Thanks Ting, also Sarun to brought this up for us; If I could save time in a bottle The first thing that I'd like to do Is to save every day Till Eternity passes away Just to spend them with you If I could make days last forever If words could make wishes come true I'd save every day like a treasure and then, Again, I would spend them with you But there never seems to be enough time To do the things you want to do Once you find them I've looked around enough to know That you're the one I want to go Through time with If I had a box just for wishes And dreams that had never come true The box would be empty Except for the memory Of how they were answered by you. RE: Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - stop - 09-06-2010 Eric Clapton เค้าเขียนเพลงนี้เพราะเค้าสูญเสียลูกใช่มั๊ยครับ แต่เนื้อหาเค้าดีมากๆเลย มันมีคำถามมากมายนับล้านๆคำ กับชิวิตหลังความตาย มันมีความห่วงอีกนับล้านๆห่วง ว่าเราจะยังจำกันได้อีกมั๊ยหนอ เป็นเพลงที่กินใจทั้งคนร้องและคนฟังได้อย่างดี ส่วนเพลง Time in a bottle ของ Jim Croce ความหมายดีมากๆอีกเพลง ผมว่าเป็นเหมือนบทกวี เนื้อหากินใจมากครับ ชีวิตของ Jim Croce ไม่น่าสั้นเลย ไม่งั้นเราคงมีเพลงแบบนี้ให้ฟังอีกมากมาย RE: Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - SARUN - 09-06-2010 (09-06-2010, 11:39)stop Wrote: Eric Clapton เค้าเขียนเพลงนี้เพราะเค้าสูญเสียลูกใช่มั๊ยครับขอเสนอมุมมองอีกด้าน จริงๆต้องบอกว่า เพลงนี้ ถูกทำมาเพื่อบรรจุในเพลงประกอบหนังเรื่อง Rush Eric จึงเสนอหัวหน้าทีมว่าอยากจะทำเพลงเกี่ยวกับ สิ่งที่เขาคิดได้เกี่ยวกับเรื่องการมีกำลังใจเข้มแข็งและอยู่ให้ได้ต่อไป หลังจากการสูญเสีย ครั้งนั้นไป หัวหน้าทีมก็เห็นด้วย เลยโดน Eric วานให้เขียนเนื้อด้วยซะเลย เคยได้อ่าน ข่าว และบทสัมภาษณ์ เหตุการณ์ครั้งนั้น เดิมที Eric ก็ไม่ได้ผูกพันธ์ กับลูก และภรรยาคนนี้มากเท่าไหร่ตามแบบครอบครัวทั่วๆไป เพราะอาศัยอยู่กันคนละ คอนโดฯ Ericได้ตกเป็นสามีของคนนี้ หลังจากที่หย่ากับภรรยาคนเก่า (ที่เป็น ภรรยาเก่าของ จอร์จ แฮริสัน อีกที ) แต่ก็ส่งเสียค่าเลี้ยงดูแบบไม่ขาดตกบกพร่อง จนอายุของลูกชายคนนี้ 2 ขวบกว่าๆละ ไม่รู้ Eric ว่างจากงาน หรือ อะไรมาดลใจไม่ทราบได้ เกิดอยากจะทำหน้าทีพ่อที่ดีบ้างโดยพาลูกชายคนนี้ไปเดินเที่ยวสวนสนุกด้วย จึงได้เกิดความเอ็นดูเด็กขึ้นมา (ทั้งๆที่น่าจะมีมานานกว่านี้ละ) และเกิดติดใจความอบบอุ่นแบบนี้ เลยนัดกันอีกว่าจะพาไปเที่ยวสวนสัตว์อีก แล้ววันนั้นก็เป็นที่เกิดโศรกนาฏกรรม และเป็นที่มาของเพลง นี้ จริงๆ Eric ไม่ได้เก่งกาจเรื่องการเขียนเนื้อ หรือ แต่งเพลง เพื่อให้ดังเปรี้ยงป้างเองมากนัก แต่Eric มีเพื่อนๆ ดีครับ ที่มาช่วย ทั้งเขียนเนื้อ ทำนอง ที่มองการตลาดออก แต่ Eric มีส่วนสำคัญที่ถ่ายทอด เนื้อร้อง และทำนองเหล่านั้น ให้ตรึงใจผู้ชมได้ โดยเฉพาะ ฝีมือและสำเนียงของกีต้าร์ใน การแสดงสด ดังนั้น จะเห็นว่า งานเพลงอัลบั้ม จะประสพความสำเร็จน้อย ถ้า Eric ไม่ออกมาเล่นสดบ่อยๆ จนได้ใจคนอเมริกา และแฟนเพลงทั่วโลก Eric น่าจะนับได้ว่า เป็นศิลปินที่มีอัลบั้มการแสดงสด วางจำหน่าย รวมทั้ง แบบ DVD และ Bootleg ด้วย มากที่สุดคนนึงของวงการร๊อก ก็ว่าได้ ที่ผมพอจะเคยเห็นและเคยได้ชมได้ฟัง มีDVDอย่างเป็นทางการ ไม่ต่ำกว่า 5 ชุด แล้;เพลงในอัลบั้มเหล่านั้น เรียกได้ว่า ไม่ได้มีเพลงใหม่เพิ่มขึ้น หรือ ลดลงเลย แทบจะเหมือนกัน เดี๊ยยยย !!!!และเป็นเพลงเก่าๆแทบทั้งนั้น แต่ทำไมยังขายได้? คิดว่า เพราะมันมีเสน่ห์ ครับ เสน่ห์การแสดงสดของEric มักจงใจเล่นให้ต่างออกไปจาก version เดิม รับรองได้เลยว่า แต่ละเพลง Solo ตอนกลางๆเพลง ไม่เหมือนกันซักรอบแน่นอน แต่ไม่เปลี่ยนไปมากจะทิ้งเพลงเดิมไปโดยสิ้นเชิง เรียกว่า ขาย Feel ล้วนๆ และ ทีมนักดนตรีที่มาเล่นสนับสนุน เรียกว่าความสามารถ ของนักดนตรีแต่ละคน สามารถเป็น Soloist ได้ทุกคน โดยส่วนตัว เขาเป็นนักกีต้าร์คนนหนึ่งที่ผมชอบดูการแสดงสดมาก เรื่องร้องนั้น เฉยๆ แต่ ไม่ชอบเอาซะเลยก็คือ เนื้อเสียงกีต้าร์ของเขานั่นแหละ RE: Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - stop - 09-06-2010 ครับ เป็นข้อมูลใหม่สำหรับผมครับ ขอบคุณมากครับ แต่ถึงอย่างไร เมื่อฟังเพลงนี้ ก็ไม่ได้ด่อยคุณค่าลงเลยครับ สำหรับผม ช่วงนี้งานผมค่อนข้างว่าง เลยมีเวลามาอ่านกระทู้และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ ผมชอบสังคมของที่นี่นะครับ ปกติผมไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นที่ไหนมากนักเพราะมักจะเป็นเพียงผู้รับฟัง แต่ไม่รู้ทำไม เวปนี้ผมกลับกล้าออกความคิดเห็น คงเป็นเพราะผมรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ขอบคุณมากนะครับ RE: Tears in Heaven ...หยดน้ำตาในสรวงสวรรค์ - SARUN - 09-06-2010 ถูกเผงเลยครับ... "คุณค่าของเพลง มันอยู่ที่คนฟังมัน ต่างหาก " |