SARUN
Very Imperfect People
Posts: 4,016
Likes Given: 176
Likes Received: 64 in 48 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation:
53
|
RE: ออสการ์ ครั้งที่ 81
เกร็ดจาก"ออสการ์"
รางวัลออสการ์ (Oscar) หรือ อคาเดมี อวอร์ดส์ (Academy Awards) เป็นงานแจกรางวัลของอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกภาพยนตร์ เริ่มต้นจากการก่อตั้งสถาบันศิลปะ ภาพยนตร์และวิทยาศาส ตร์ หรือ Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS) ในปี 1927 ได้มีการเช่าสถานที่ทำงานที่ 6921 ฮอลลีวูด บูเลอวาร์ด เป็นที่ตั้งของสถาบันฯ และ 1929 คือ ปี ค.ศ. แรกที่มีการจัดงานมอบรางวัล
สถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์การภาพยนตร์ (Academy of Motion Picture Arts and Science ) ถือกำเนิดจากความคิดความฝันของ Louis B. Mayer เจ้าพ่อแห่งวงการฮอลลีวู้ดในสมัยนั้น
สร้างความยอมรับนับถือและความมั่นคงให้กับวงการหนังที่เพิ่งลงหลักปักฐานสร้างตัวเป็นอุตสาหและ ล้างภาพลักษณ์ของคนภายนอกที่มองวงการหนังว่าเป็นผลพวงผลความฉ้อฉลทางศีลธรรม?สถาบันฯ เริ่มก่อตั้งเป็นรูปเป็นร่างเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1927 ...
คณะกรรมการซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน ได้พยายามผลักดันให้มีงานการประกาศ รางวัลขึ้น Academy Awards ภายในปี ค.ศ.1927 แต่ข้อเสนอนี้ จำเป็นต้องเลื่อนออกไปเป็น วันที่16 พ.ค. 1929 โดยให้ภาพยนตร์ทั้งหมดที่ออกฉาย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 1927-31 กรกฎาคม 1928 มีคุณสมบัติเป็นภาพยนตร์ ที่จะได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลอะคาเดมี ซึ่งงานในครั้งนี้ไม่ครึกครื้น เหมือนกับปัจจุบัน โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 250 คน ซึ่งจัดขึ้นที่ Roosevelt Hotel ในHollywood และเรียกรางวัลนี้ว่า ชื่ออย่างเป็นทางการว่า " Academy Award of Merit "
WINGS คือ ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ ?.ส่วนรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมคนแรก ของเวทีอะคาเดมีอวอร์ด คือ เอมิล แจนนิ่งส์ (Emil Jannings)
ในการจัดงานครั้งแรกนี้ ผู้ได้รางวัลรู้ตัวล่วงหน้าก่อนวันงานถึง 3 เดือนเต็ม ในปีต่อๆมาก็เปลี่ยนมาเป็นประกาศผลล่วงหน้า 1 อาทิตย์ก่อนแจกรางวัล จนกระทั่งถึงปี 1941 มีการเสนอให้นำชื่อผู้ที่ได้รางวัลใส่ซองประทับตราปิด นำมาแกะซองอ่านในงานเพื่อความตื่นเต้น จนถึงปัจจุบันนี้
รางวัลออสการ์ เป็นรูปอัศวินถือดาบ ยืนอยู่บนม้วนฟิล์ม 5 ซี่ ได้รับการออกแบบโดย Cedric Gibbons (เซดริก กิบบอนด์) ซึ่งเป็นผู้กำกับฝ่ายศิลป์ของ MGM (ฟิล์ม 5 ซี่ เพื่อหมายถึง รางวัลดั้งเดิมที่จัดขึ้นใน 5 สาขา ได้แก่ นักแสดง ผู้เขียนบท ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และฝ่ายเทคนิค ) ฐานที่ทำจากหินอ่อนสีดำของเบลเยียม(เปลี่ยนเป็นโลหะ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1945) รูปปั้นแต่ละตัวสูง 13 นิ้วครึ่ง และหนัก 8 ปอนด์ครึ่ง ทำมาจากอัลลอย บริทาเนียม ชุบด้วยทองแดง เงินนิเกิล และทองคำ 24 กะรัต ต้นแบบ ได้ใช้เรือนร่างเปลือยของนักแสดงเม็กซิโกชื่อว่า Emilio Fern?ndez เป็นแบบในการทำรูปปั้น แม้จะมีต้นทุนการผลิตตกตัวละ $180 แต่กลับเพิ่มคุณค่าให้กับผู้รับ และตัวหนัง ได้อย่างมากมาย
ตั้งแต่ปี 1950 ทางสถาบันฯ ออกกฎมาบังคับให้ผู้ที่ได้รับรางวัลเซ็นสัญญาผูกมัดไปถึงทายาทผู้รับมรดก หากจะขายรางวัลที่ได้จะต้องเสนอขายให้กับทางสถาบันก่อนเป็นเจ้าแรก ซึ่งสถาบันจะซื้อด้วยราคา $1 ขาดตัว แต่ถ้าไม่ยอมรับสัญญาข้อนี้ สถาบันจะจะเก็บไว้เอง (( ส่วนรางวัลที่แจกก่อนปี 1951 ไม่เข้าข่าย สามารถนำมาขายได้ตาม ))
ไม่ปรากฏแน่ชัดว่ารางวัล อคาเดมี อวอร์ด ได้ชื่อเล่นว่า ออสการ์ ได้อย่างไร อาจเป็นเพราะ ชื่อรางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์นั้นมันฟังดูสุดจะทางการ ไม่ฮิตติดตลาดเท่าชื่อย่อที่เรียกกันติดปากไปซะแล้ว แต่เรื่องราวที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด คือ เรื่องของ มาร์การ์เร็ต เฮอร์ริกค์ พนักงานคนหนึ่งของสถาบันศิลปะภาพยนตร์และวิทยาศาสตร์ ซึ่งภายหลังได้เป็นผู้อำนวยการระดับสูง ได้อุทานเมื่อแรกเห็นรางวัลนี้ว่ามีความคล้ายคลึงกับลุงของเธอที่ชื่อว่า ออสการ์ !!!
โกดัก เธียเตอร์ เป็นโรงละครในย่าน ฮอลลีวูด แอนด์ ไฮแลนด์ คือ สถานที่ที่ใช้จัดงานประกาศผลรางวัลออสการ์ประจำปีนี้ (ใช้เป็นที่จัดงาน ตั้งแต่ ปี 2001 เป็นต้นมา ) เป็นโรงละครที่ขยายเข้าออกได้ ออกแบบด้วยเทคโนโลยีระดับสูง สามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการ โดยสามารถปรับได้ตั้งแต่ 2,200 ที่นั่ง จนถึง 3,500 ที่นั่ง
*?*?,
?,,?*?*?
?*?,,?*?*?
?
?
@_@~??"If I leave here tomorrow" ... ??~@_@
(This post was last modified: 17-02-2009, 16:47 by SARUN.)
|
|
16-02-2009, 13:32 |
|
|
SARUN
Very Imperfect People
Posts: 4,016
Likes Given: 176
Likes Received: 64 in 48 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation:
53
|
RE: ออสการ์ ครั้งที่ 81
รางวัล Best Pictureหรือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
หนังออสการ์มักมีส่วนในการสะท้อนทัศนคติ มุมมองของอเมริกันต่ออเมริกัน และอเมริกันต่อสังคมโลก
ไล่ลำดับให้เห็นสไตล์ของหนังออสการ์ คร่าวๆ
ช่วงเริ่มต้น
ในช่วงทศวรรษที่ 20-30 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นยุคแรกเริ่มของสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่2 หนังออสการ์ส่วนใหญ่ยังอยู่ในหมวดของหนังสะท้อนภาพของสงคราม พอหลังยุคสิ้นสุดสงครามโลก หนังออสการ์ยุคนี้ส่วนใหญ่จะไปในแนวทางหนังบันเทิงเริงรมย์ ประโลมจิตใจอเมริกันชนในยุคข้าวยากหมากแพงจากผลพวงสงคราม อย่าง หนังอมตะสุดฮิต Gone With The Wind (1939)
ในช่วงทศวรรษที่ 40 หลังจากความขัดแย้งระดับโลกยุติลง หนังออสการ์จะมีเนื้อหาสะท้อนความเป็นจริงของสังคม อย่างหนังเรื่อง The Lost Weekend (1945) เรื่องของผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง, The Best Years of Our Lives (1946) ปัญหาของทหารผ่านศึกที่เดินทางกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน และ Gentleman's Agreement (1947) เรื่องลัทธิต่อต้านชาวยิว
ทศวรรษที่ 50 คนดูหนังมีแนวโน้มลดลง เพราะ โทรทัศน์ เริ่มเข้ามา หนังส่วนใหญ่จึงต้องลงทุนสูงมากขึ้น อย่างที่ โทรทัศน์ทำไม่ได้ ?.หนังออสการ์ มักตกอยู่กับหนังใหญ่ตระการตาอย่างเช่น The Greatest Show on Earth (1952), Around The World in 80 Days (1956) กับ The Bridge on The River Kwai (1957) และ รางวัลที่ได้เหล่านี้ กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนจำนวนมากให้กลับเข้าไปโรงหนัง อีกครั้ง
ทศวรรษที่ 60 หนังแนวรื่นเริงบันเทิงใจ ยังสามารถสร้างหนังดังทำเงินมหาศาลอย่าง หนังเพลง West Side Story (1961), Mary Poppins (1964), My Fair Lady (1964) และ The Sound of Music (1965)
ในช่วงทศวรรษที่ 70 ระบบหนังที่ถ่ายทำใน ระบบสตูดิโอ หนังแนว ?ดูสบายๆ ?? ยังคงคว้าออสการ์หลายเรื่อง
Godfather (1972), Rocky (1976), Annie Hall (1977), Star Wars (1977),
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ต้นมาจนถึง ทศวรรษ ที่ 90 หนังที่คว้าออสการ์ไปครองต่างเป็นหนังดรามาอันเข้มข้นแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น The Deer Hunter, Ordinary People, Terms of Endearment, Platoon, Unforgiven หรือ Schindler's List
ยุค 2000 หนังออสการ์มีทางพอให้เห็นชัดบ้าง หนังออสการ์ยังคงเป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่มีเนื้อหาแสดงวิถีแบบอเมริกันโดยแท้ แฝงความคิดแบบอเมริกันที่ส่งไปยังประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่หนังรางวัลยอดเยี่ยมช่วงนี้จึงมักเป็นหนังที่เล่าถึงการต่อสู้ภายในใจของตัวละครหลัก การเอาชนะใจตัวเองทั้งในแง่ความอดทน การมุ่งมั่นเพื่อบรรลุสู่เป้าหมาย อย่าง American Beauty, Gladiator, Million Dollar Baby , Crash , The Departed , No Country for Old Men?
ด้านหนึ่ง ต้องยอมรับว่าออสการ์จึงมักจะถูกแฝงโยงไปกับประเด็นการเมือง สังคม การเรียกร้องสิทธิให้กับบางเรื่อง ฯลฯ
แม้หลังๆมานี้ ออสการ์ได้มอบรางวัลให้กับหนังที่เนื้อหายอดเยี่ยมและให้ความบันเทิงไปพร้อมกัน อย่า "The Lord of the ring 3"
แต่อย่างไรก็ตาม 'หนังเครียดๆ' ดูจะมีภาษีกว่า บนเวทีออสการ์อย่างแน่นอน ในปีนี้
ภาพยนตร์ที่จะคว้ารางวัลออสการ์ไปครองได้นั้น คงจะเป็นภาพยนตร์ที่ความเป็นดรามาค่อนข้างสูง ถ่ายทอดการนำเสนออย่างละเอียดอ่อน ซึ่งผู้ชมจะต้องใช้สมาธิในการเสพงานอย่างมาก
"พวกออสการ์เขาจะรู้สึกสบายใจ ที่มอบรางวัลให้กับหนังที่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจตอนที่เดินออกจากโรงไง"
โดยส่วนตัว คิดว่า Slumdog Millionaire น่าจะเข้าข่ายที่กล่าวมาอย่างเต็มเปา แต่น่าจะชวดรางวัลนี้ไปเพราะมันไม่ใช่หนังอเมริกันมากพอ
เลยสังหรณ์ใจว่า "Frost/Nixon" จะได้รางวัล Best Pictureหรือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แหงๆ!!!
*?*?,
?,,?*?*?
?*?,,?*?*?
?
?
@_@~??"If I leave here tomorrow" ... ??~@_@
(This post was last modified: 17-02-2009, 16:01 by SARUN.)
|
|
16-02-2009, 16:59 |
|
|
SARUN
Very Imperfect People
Posts: 4,016
Likes Given: 176
Likes Received: 64 in 48 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation:
53
|
RE: ออสการ์ ครั้งที่ 81
วิธีการตัดสิน
ปัจจุบัน สมาชิกของ สถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์การภาพยนตร์ ราวๆ เกือบ 6 พันคน จะเป็นกรรมการผู้ลงคะแนนว่าใครหรือหนังเรื่องใดบ้าง ที่จะได้รางวัล และภายในงานนอกจากผู้ที่มีชื่อเข้าชิงในสาขาต่างๆแล้ว จะมี นักข่าว 1,500 คน และ จำนวนประชาชนผู้โชคดี จับฉลากได้ตั่วอีก 300 คน เข้าร่วมในพิธีแจกรางวัล ที่ได้เข้าร่วมงาน ในปีนี้
เดิมที?.สมาชิกรุ่นแรกของสถาบันมี 36 คน ตกลงที่จะจัดงานแจกรางวัลตุ๊กตาทองเป็นประจำทุกปี การจัดงานในระยะแรกจะอยู่ในลักษณะคร่อมปี เช่น 1927/1928, 1928/1929 ฯลฯ ให้สิทธิ์หนังที่ฉายในช่วงเวลาข้ามปีตามที่กำหนดเข้าประกวด
สมาชิกของสถาบันจะเป็นคนพิจารณาว่าใครควรจะได้รับรางวัล
จนกระทั่งปี 1934 จึงเปลี่ยนมาใช้ปีปฏิทินเป็นเกณฑ์ หนังที่มีสิทธิ์เข้าประกวดต้องฉายในช่วงปีปฏิทินนั้นๆ และจะต้องเคย
1. ฉายใน Los Angeles อย่างน้อย 1 สัปดาห์
2. ส่วนภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ ต้องเคยฉายในสหรัฐอย่างน้อย1ครั้งเดียว และจะฉายที่ไหนก็ได้ในสหรัฐ
ในปี 1937 การลงคะแนนจึงถูกขยายให้กว้างออกไป โดยให้คนทั่วไปในวงการหนังเป็นคนเลือกผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเขาชิงรางวัล ส่วนสมาชิกของสถาบัน จะเป็นผู้คัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัล
จนกระทั่ง ปี 1957 มาจนทุกวันนี้ ทุกขั้นตอนในการลงคะแนนจำกัดเฉพาะสมาชิกของสถาบัน สมาชิกในแต่ละสาขา อาทิ สาขาการแสดง, สาขาการเขียนบท เป็นต้น จะเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาของตนเอง 5 คน เฉพาะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ที่เปิดกว้างให้สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์เลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล (ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ทุกประเทศทั่วโลกมีสิทธิ์ส่งเข้าประกวด ประเทศละหนึ่งเรื่องในแต่ละปี จากสถิติที่ผ่านมา ฝรั่งเศส คว้ารางวัลสาขานี้ ไปครองมากที่สุด)
*?*?,
?,,?*?*?
?*?,,?*?*?
?
?
@_@~??"If I leave here tomorrow" ... ??~@_@
(This post was last modified: 17-02-2009, 16:30 by SARUN.)
|
|
17-02-2009, 16:27 |
|
|