เมื่อคืนวันอาทิตย์ ที 3 ส.ค
เกิดอาการอยากเจอมนุษย์ในโลกนี้ ที่ไม่ใช่ตัวผม เเละ เเม่ ที่เจอหน้ากันตลอด
จึงโทรหา คนที่น่าจะร่วมทางกันไปเดินเล่น ก็ไม่มีใครสะดวก
ขณะคุยโทรศัพท์กับ คนที่คล้ายๆเเมว ชื่อ michale ก็เพลินๆ ไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีอยู่ป้ายรถเมล์
อีกทีนึงก็ขึ้นรถเมล์ สาย 4ไป เเล้วกำตังค์ มองๆหาคนเก็บเงินอยู่นาน จนจากคลองเตย ไปโผล่ จุฬา โผล่มา หัวลำโพง ก็ไม่มีใครมาเก็บ
ก็คุยกับคนในสายโทรศัพท์ต่อไป เหมือนไม่ได้เจอกันนาน รุสึกรวมๆจากบ้านจนถึงเวลานี้ เกือบ 3ชั่วโมงผ่านไปเเล้ว
สำนึกได้ว่า เขาต้องทำงานเช้า เลยวางไป....
รุสึกตัวอีกที...... เยาวราช
เอ๊ะ.. สงสัยคงหิว อยากหาไรกินมั้ง เรามาได้ไงหว่า.... จิงๆ อยากหาอะไรถ่ายๆเล่นกลางคืน
เพราะกล้องเรายืมมา วัน 2 วันคงต้องไปคืนเเล้ว ระบบสมอง จึงจ้องออกหาที่มีเเสงน่าถ่ายบันทึกภาพเอาไว้
ถ้ายามมืดค่ำจริงๆ ผมชอบเดินเล่น สนามหลวงมากกว่า เพราะ มีข้าวของเเปลกๆขาย มาให้ดู ให้มึนอยู่ได้เรื่อยๆ ว่ามันเอามาได้ยังไง
สากเบือ ยัน เรือรบที่เค้าว่ากัน มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ...... เรามันคนเเปลก ก้อเลยชอบของเเปลก
เเต่คราวนี้ นึกสนุก.... เฮ้ยยย ... เราไปถ่ายที่ๆมีคน มีชีวิตเเบบเเสงสีๆหน่อยดีกว่า เพราะ ทางฝั่งสนามหลวง จะใช้ไฟธรรมชาติ
เเละ ไฟข้างทางปกติ จะมืดๆ หากใครไปดูของ ควรนำไฟฉายไปด้วย เพื่อ ไม่ต้องกลับมาบ่นว่า รู้งี้ตูไม่น่าเลย
ของดีมี ของเสียก็มา ย้อมเเมว หรือ เทวดาส่งมาให้ฉันก็มากมาย ....
ที่ๆชอบอีกที่นึง ในการเดินเล่นยามค่ำคืน ก็คือ .....ตลาดนัดคลองถม
ผมเผอิญเรียนโรงเรียนมัธยมเเถวๆนี้ จึงเดินเล่นตามตรอกซอกซอย มาตั้งเเต่เด็กๆ
เเล้วก็บังเอิญเดินผ่าน มาเจอที่นี่เองในวันนึง สมัยนั้น จะไม่เเพร่หลาย เป็นที่รู้จักกันมาก จนคนเเน่นล้นหลามขนาดนี้
ในสมัยก่อนสัก 10 กว่าปี หรือ มากกว่านั้นก็ไม่ทราบได้ พอดีอาจไม่ได้มา เค้าจะเดินมาส่องหาของเก่ากัน ด้วยไฟฉาย
คือ มันจะมืดมาก ไม่ได้มีไฟสว่างไสวเเบบปัจจุบัน ที่มีข้าวของสารพัดสารเพ เเบบที่เห็นกันในตอนนี้
คลองถมยามค่ำคืน มีเเต่ของเก่าๆเท่านั้น ในช่วงเวลาเย็นย่ำสักก่อนมืด ของวันสาร์จะมีรถซาเล้งรับซื้อของเก่า มารวมตัวกัน
เเล้วคนที่เป็นคนขายของคนกลาง คนซื้อ ที่รู้เวลาเปิดราคาตอนเเรกๆมั่ง ก็จะ...มาจับของ
(เขาเรียกกันอย่างนั้นนะครับ อย่าเพิ่งไปคิดอกุศล เพราะ จะกลายเป็นคิดเหมือนผมเอา )
5555
[attachment=9790]
เล่ามาซะยาว บางคนอาจยังไม่รู้ว่า ตลาดมืด หรือ คลองถมยามค่ำ อยู่ตรงไหนกันเเน่
เเรกเริ่มเดิมทีเดียวที่ผมเห็นมา จะอยู่ ซอยข้างๆโรงพยาบาลกลางเท่านั้น
จะยาวลึกจนไปออกถนน เส้นที่รถวิ่งมาจากทาง เเยกเวิ้งนาครเกษม จะไปทางวัดมังกรข้ามเเยกถนนเสือป่าไป
คือ บางทีเเล้วเเต่วันอีก
สมัยก่อนบางที บางสมัยของรัฐบาล หรือ ผู้ว่า เทศกิจไม่ให้ขาย มีวิ่งยกเเผงหนีก็เคยมี ตั้งใจไปเเต่กลับเจอตลาดร้าง
บางวันก็ขยายมาทางถนนเสือป่า ลามด้านหน้าออกมาถึงเเยกวรจักษ์
คนขาย...ก็จะไม่ใช่มืออาชีพกันขนาดนี้ บางทีก็จะเจอ เจ้าของมาขายเองเลย ต่อรองกันสนุก คุยถูกคอถูกใจเเทบให้ฟรี
ต่างจากสมัยนี้เยอะทีเดียว ที่เป็นมืออาชีพซะมากกว่า จะเป็นพ่อค้าเเฝง จำเป็นต้องมา ในเเบบสมัยก่อน
ที่พูดท้าวความมายาวนี่ คือ อยากพูดถึงสนามหลวง
สนามหลวง หรือ ของเเบกะดินที่ขายเเถบ ถนนริมคลองหลอด ที่เริ่มไล่มาจากเเถวๆ โรงเเรมรัตน์โกสิน
จะมีเหตุ ยุบๆ ย้ายๆ ขยายๆ หดๆ เหมือนคลองถมสมัยก่อนเปี๊ยบ คือ ผกผันตามนโยบายของ ทางเขต ทางเทศกิจ ในสมัยนั้นๆไป
สนามหลวง คลองหลอดในยุคนี้ ค่อนข้างจะยังคงมีลักษณะไม่เเตกต่างไปมาก เเบบคลองถม
อาจจะด้วยเหตุ ที่จอดรถยาก ไฟไม่มี ไม่สามารถมา ตั้งเเผงได้เป็นเรื่องราวเเบบคลองถม
การวางของขาย จะเป็นลักษณะ เเบกะดิน เอาผ้ามาปู นั่งขายเลย ร่มจะหลบฝนก็ไม่ค่อยมี หรือ ไม่มีเลย
คลองหลอด สนามหลวง จะเเตกต่างกับ คลองถมโรงบาลกลางชัดๆ คือ เรื่องของเวลาขาย
คลองหลอด สนามหลวง จะขายทุกวัน เเต่ คลองถมโรงบาลกลาง จะขายเเค่ ย่ำค่ำ วันเสาร์ หลับเฝ้าร้าน ทรหดขายจนเย็นวันอาทิตย์ 4-5โมงเย็น
เเต่ในการทัศนศึกษาของผม...ที่เผลอออกจากบ้านมาวันนี้ ผมอยากจะลองไปสะพานพุทธดูบ้าง ไม่ได้ไปนานเเล้ว
จริงๆผมไม่ค่อยชอบสะพานพุทธนัก เพราะดูๆ ของส่วนมากจะเป็น ของจำพวกเสื้อผ้า เสียส่วนใหญ่
เเต่วันนี้ความรู้สึกอะไรไม่รู้ นำพาให้อยากมาที่นี่ จนคุยโทรศัพท์เหม่อ มาขึ้นรถเมล์ที่ไม่เก็บค่าบริการ
ตอนเเรกก็งงๆ เเอบดีใจเล็กน้อยที่ ไม่ต้องเสียสตังค์ เเต่ก็ถือเงินรอไว้ตลอด เพราะนึกๆดูไม่คุ้มกับข้อหาโกงชาติ
กว่าจะสังเกตุดูว่า ไม่มีใครควักเงินจ่าย เลย ไม่มีเสียงเขย่ากระบอกตั๋ว เเคร่กๆ เลยสักนิด ก็ปาไปค่อนทาง
ของฟรีไม่มีในโลก เคยมีคนกล่าวไว้......
ไม่รู้เป็นเทคนิคซื้อใจอะไร อีท่าไหนของใครรึเปล่าว
สงสัยชนหมู่มากในชาติ ที่เคยออกเสียง คงอาจคอฝืด เลยต้อง หาเศษหยดน้ำท่า มาเลี้ยงให้ลื่นคอ ซื้อใจกันไป
การเเอบเอาเศษอาหาร อมยิ้ม มาอมไว้ เเล้วโปรยให้จำหน้า ก่อนจากไป...
คุณเเม่ของผม..เคยสอนให้ใช้วิธีนี้ เวลาเจอหมาไม่เชื่อง ดุๆ เอาไว้ทำให้มันเชื่อง ให้มันจำเรา
เรื่องบางเรื่อง เราก็อาศัยพวกมาก ลากกันไป
คอที่ไม่ควรออกเสียง เนื่องจาก ความรู้ความเข้าใจของเสียง ยังไม่มีภาวะสมควรพร้อม
ผมไม่ได้ว่า หรือ เเบ่งชนชั้นใดๆนะครับ คนเราทุกคนเท่ากัน มีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
ความรับผิดชอบ ในการเเสวงหารู้ เพื่อการเปล่งเสียง เเสดงออกซึ่งความคิดเห็น ไม่ใช่เรื่องของฐานะ หรือ เเสดงวรรณะเเต่อย่างใด
เเต่มันคือ ความน่าจะเป็น ในการที่คุณจะอยู่ร่วมกับคนอื่น ร่วมร้อง ร่วมเปล่งเสียงในเพลงเดียวกัน
คนพี่หมั่นเพียรศึกษามีความรู้ กว่าจะเข้าใจ เเละ ถ่ายทอดออกมาเป็นเพลง
เเทบไม่อยากออกเสียงใดๆ ในเมื่อเล่งเสียงออกมา
ก็ต้องเจอพวกมาก...จะลากไปลงเหว ลงนรกกันซะตลอด ทุกเพลง
มาปัจจุบัน ผมเเคร์ เคารพตัวเอง เเละ ผู้คนต่างๆมากขึ้น เเต่บางทีก็อาจมีคนไม่เข้าใจผมบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
คงชิงชังในการถือดี เเต่ช่างเถอะ ผมเคารพความถูกต้องเสมอ
เสียงที่เกิด จากความคิดเเละ ประสพการณ์ ของผู้คนต่างๆ ที่เเสดงออก มันมีที่มาที่ไป
บางทีสิ่งที่ เราลืมเล่นกันไป คือ เสียงเงียบ .....
เเต่บางทีเสียงเงียบ การสงบปากสงบคำนี่เเหละ มันล้ำค่า มากกว่าเสียงที่เปล่งมา โดยความไม่เข้าใจ ความไร้สติ ไร้ความรับผิดชอบ
จะน่าตกใจกว่านั้น..คือ เสียงที่หลงผิด
คิดว่าตน...มีความพร้อมร่วมบรรเลงกับผู้อื่น พร้อมเสนอสู่ชนหมู่มาก เเละ นิ่งเลยนะ มั่นใจกะว่าข้านี้ใช่เลย เนียน....
ไม่รู้ผมซีเรียสไปรึเปล่าว จนโรคกระเพาะกำเริบอยู่บ่อย เเม้บางทีมันจะเป็นเเค่การล้อเล่น ร่วมสนุกกันเล็กๆ
เเต่ผมมักคิดว่า การปล่อยปะละเลย การดูดาย ที่จะไม่ให้ความรู้ต่อการกระทำนั้น ว่าผิดถูกเหมาะสมอย่างไร
ในสิ่งเล็ก ที่เราปล่อยมองข้ามไป ก็จะนำเข้ามาสู่สิ่งที่ใหญ่กว่านั้น เป็นปัญหาขึ้นไปเรื่อยๆ
รู้ดี ในอุเบกขา..การวางเฉย หรือ คิดในคำท่านพุทธทาส ** มันก็เป็นเช่นนั้นเอง**
เเต่ ...ก็มักเผลอที่จะอดไม่ได้อยู่บ่อยครั้งไป
ลองนะ...นึกถึงคนที่ทั้งชีวิตตั้งใจศึกษามาเปล่งเสียงสิ
ทุกย่างก้าวของชีวิต เขาเเทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากการศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจในการออกเสียง
เเล้ว เพลงที่ล่ม องค์ประกอบที่สำคัญในการทำลายล้าง ที่สังเกตุมาคือ
การเปล่งเสียงโดยขาด สติ วิจารณญาณ
คงอาจจะคิดว่า..บ้ารึเปล่าว เอาเรื่องการออกเสียง ความรับผิดชอบ พวกมาก ประเทศชาติ มารวมกันทำไม
จริงๆ ระบบวิธีคิดก็ไม่ได้ต่างกันมากนะครับ การดำเนินไปของกิจกรรม การอยู่ร่วมกันของชนมวลหมู่
ไม่ว่า ..วงดนตรี หรือ ประเทศชาติ ล้วนล่ม จมหายด้วยเสียงเหล่านั้นทั้งสิ้น
ไร้ความรู้ ไร้สติ ไร้ความเข้าใจ เเต่ชอบส่งเสียงดังๆ
เเละ เเน่นอน มวลชนเหล่านี้มีมาก เเละ พวกมากก็ลากลงเหวเสมอ
จริงๆ ผมเศร้า เเละ หดหู่มากนะ
มาตรงนี้ได้ไงนี่ สงสัย.... 555555
เออ... ผ่านเยาวราชมาเเล้วครับ เลี้ยวซ้ายปุ๊บ คือ พาหุรัด
เดี๋ยวหัทยา จะพาเพลินค่ำคืนนี้ต่อ...
เเล้วจะมาเขียนต่อครับ..... ติดตาม ค่ำคืนของการซนเเบบผมดู
............. ;?? ?..............
*.:??*Parradee ...A Journey of Us - ?.:* *.:??*?;??
อย่าไปเอาอะไรกับนักเขียนนิยาย