สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะ พอดีเพิ่งกลับมาจากเข้าค่ายพักแรมอ่ะค่ะ แหะๆ
ก็..ขอให้พี่แอ๊นท์มีความสุขมากๆ มีอัลบั้มดีๆเพราะๆออกมาอีกเรื่อยๆ แถมเพลงติดหูคนฟังเยอะเย้อออออ เป็นที่รู้จักมากมายก่ายกอง...นะค้า
แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ ปิ๊งจะคอยโปรโมทให้เอง คริๆ เอ้ย! ไม่ช่ายยยยย
--> Emotion Town จงเจริญ !!! <--
((อย่าลืมเรื่องลายเซ็นนะคะ เพื่อนปิ๊งฝากขอเต็มเลยยยย~))
(((...พี่ขวัญ อย่าลืมของขวัญนะคะ...)))
แถมๆ
?เหตุเกิดจากความเหงา ที่ทำให้รู้เธอสำคัญเพียงใด
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ยิ่งห่างเหินเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ ว่าเป็นเธอที่ ฉันรักหมดหัวใจ...?
@ True ทองหล่อ วันนี้เรามีนัดพิเศษของ 2 หนุ่ม ?แอ๊น? พีรพงศ์ เฉลิมโยธิน และ ?วิน? กวิณ ชูกิจเกษม เจ้าของอัลบั้ม Emotion Town ศิลปินเบอร์แรกของค่ายน้องใหม่อย่าง Double Clicks กับงานเพลงสไตล์ Soul Pop ที่พูดถึงเรื่องราวชีวิตของคนในเมืองใหญ่ ที่ทุกคนสามารถเข้ามารับรู้และแชร์ความรู้สึกร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็น เพลงเหตุเกิดจากความเหงา มุมมองความเหงาที่ไม่เศร้าแต่สวยงาม, เพลงอยากมีความรัก เพลงรักๆ สนุกๆ ของคนที่กำลังค้นหาความรัก หรือเพลงไม่กล้า เพลงในอารมณ์กล้าๆ กลัวๆ กับจังหวะโฟล์คร็อกฟังสบายๆ
และก่อนที่ 2 หนุ่ม จะต้องขึ้นโชว์ในคืนวันนั้น เราก็ได้โอกาสดีคว้าตัวทั้งหนุ่มแอ๊นท์และหนุ่มวิน มานั่งเปิดใจและตัวตนที่แท้จริงกับผลงานชิ้นแรกในชีวิตที่ทั้ง 2 ทุ่มกันสุดตัว
Molekul : แนะนำตัวหน่อยนิดนึง
Emotion Town : สวัสดีครับผมแอนท์ครับ, วินครับผม, พวกเรา Emotion Town ครับ
Molekul : หน้าที่ในวง
แอ๊น : ผมจะเขียนเนื้อร้อง เรียบเรียงดนตรี เล่นกีต้าร์ และก็ร้องด้วยครับ
วิน : ผมก็เขียนเนื้อร้อง และก็ร้องนำครับ
Molekul : ผลตอบรับของอัลบั้ม Emotion Town เป็นยังไงบ้าง
Emotion Town : ค่อนข้างดีมาก เกินคาดทีเดียว สำหรับในวงกว้างนะครับ อย่างเพลงเหตุเกิดจากความเหงา มีคนรู้จักมากกว่าที่เราคิดไว้ทีแรกเยอะมากๆ
Molekul : MV ของ Emotion Town มีคนพูดถึงเยอะเหมือนกันนะ
Emotion Town : ด้วยเพราะเราเป็นค่ายใหม่ด้วยมั้ง แล้วมันก็เป็นเรื่องของการคุยกันของค่ายด้วย ว่าเราจะทำอย่างไงที่จะให้คนมองแล้วติด รู้จัก โอเคเรื่องเพลงมันอาจจะใช้เวลา ฉะนั้นเราก็เลยเอาเรื่องภาพมาช่วย ทางบริษัทเขาก็ไปหาทีมผู้กำกับ ซึ่งเขาก็แนะนำว่าเราควรจะใช้ดาราให้ภาพมันชัดไปเลย ทำให้เพลงเหตุเกิดจากความเหงา เรา ได้ชมพู่ อารยา และ ออย ธนา มาร่วมงานด้วย หรือ เพลงอยากมีความรัก ก็ได้ 3 สาวน่ารัก อย่างแป้ง อรจิรา, วีเจวุ้นเส้น และเมย์ พิชนาฏ มาเล่นให้ครับ
Molekul : สิ่งที่อยากนำเสนอในอัลบั้มชุดนี้คืออะไร แล้วทำได้อย่างใจไหม
Emotion Town : อัลบั้มชุดนี้เป็นงานที่เราต้องการสื่อสารอารมณ์ของเราออกมาให้คนทั่วไปได้ฟัง เท่าที่คิดไว้ก็หวังว่าจะมีคนประมาณหนึ่งนะที่รู้สึกเหมือนกับเรา นั่นคือความตั้งใจ แต่พอเพลงออกมาแล้ว มีคนมากกว่าที่เราคิดที่เขาเข้าใจงานของเรา ก็โอเค แฮปปี้ เพราะ ณ วันแรกที่อัลบั้มออก พวกเราก็ดีใจแล้วครับ แต่พอถึงตอนนี้เพลงมันติดหูหลายๆ คน ทำให้เรายิ่งปลื้มใจมากขึ้น
Molekul : Molekul : ก่อนมาเป็น Emotion Town มาเจอกันได้อย่างไร
วิน : เริ่มต้นประมาณ 4 ?5 ปีที่แล้ว ผมไปเรียนร้องเพลงที่โรงเรียนสอนดนตรีแห่งหนึ่ง แล้วแอ๊นเขาเป็นครูสอนกีต้าร์คลาสสิกอยู่ที่นั่น ครูสอนร้องเพลงของผมเลยแนะนำให้รู้จักแอ๊น ซึ่งก็พอดีกับที่ผมมีเพลงอยู่ แต่ไม่ได้ทำดนตรี แอ๊นเขาก็เลยมาทำดนตรีให้เราคลุกคลีทำงานอยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ 2-3 ปีผ่านไป เราก็เริ่มรู้สึกว่าไอเดียหรือว่าความคิดหลายสิ่งหลายอย่างของเรา มันเริ่มจูนกันได้นะ เราน่าจะมารวมกันแล้วก็มาออกอัลบั้มสักอัลบั้มหนึ่ง ก็เลยกลายมาเป็น Emotion Town อย่างที่เห็นนี่แหละ
Molekul : ไปไงมาไงถึงได้มาทำงานกับทาง Double Clicks
แอ๊น : Double Clicks เป็นค่ายของเพื่อนๆ กัน คือ พอดีวินเขามี Connection กับเพื่อนๆ ที่สนใจในงานคอนเซ็ปต์และโครงการของเรา ก็เลยมาช่วยกันทำ ก็ยังเป็นค่ายเล็กอยู่นะครับ แต่ว่าอบอุ่น เหมือนครอบครัว
Molekul : คอนเซ็ปต์ของค่ายนี้เป็นยังไง
แอ๊น : คอนเซ็ปต์เปิดกว้าง ขึ้นอยู่ที่ตัวศิลปิน ว่าเขาเป็นแนวไหน คือทางค่ายจะไม่ไปสวมชุดให้เขา ว่าเขาต้องแต่งตัวเป็นอะไร คือถ้าตัวตนของเขาชัดเจน มีจุดขายก็ขายได้เลย
Molekul : รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าอยากเป็นนักดนตรี อยากทำดนตรีกัน
แอ๊น : ของผมตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ไม่ได้อยากออกเทปนะ แค่อยากเป็นนักร้อง ร้องเพลง จนสอบเอ็นทรานซ์ก็เลือกเรียนดนตรีที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เอกกีตาร์คลาสสิก จบออกมาก็สอนดนตรี อยู่กับดนตรีตลอด ซึ่งมันชัดเจนมาตั้งแต่ต้น คือเริ่มจากความรักในดนตรีที่มาจากข้างในของเรา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็พยายามหาประสบการณ์ให้ตัวเอง แต่พอร้องเพลงคนอื่นบ่อยๆ มันก็ไม่ตอบโจทย์ ไม่เหมือนร้องเพลงตัวเอง สุดท้ายเลยคิดว่าน่าจะมีงานเป็นของตัวเองสักที ซึ่งวันนี้ก็มีแล้ว ก็ถือว่าได้ตอบโจทย์ของตัวเองไปในระดับหนึ่ง
วิน : ของผมเกิดจากที่เป็นคนชอบเขียน ชอบอ่าน ชอบดู ผมเริ่มเขียนเพลงครั้งแรกตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้จริงจังอะไร จนมาถึงช่วงหนึ่งมันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่เรารู้สึกว่าสิ่งนี้นี่แหละที่เป็นความฝันของเรา เราอยากจะเดินในเส้นทางนี้นะ แล้วทำไมเราไม่ทำให้ความฝันของเรามันเป็นจริงสักทีล่ะ ก็เลยเริ่มต้นจากไปเรียนร้องเพลง ทำให้ได้เจอกับแอ๊น แล้วก็ได้เริ่มต้นพัฒนาการเขียนเพลงมาเรื่อยๆ โดยมีแอ๊นช่วยแนะนำจนกระทั่งถึงตอนนี้นะครับ
Molekul : เสน่ห์ในการทำงานตรงนี้มันอยู่ตรงไหน
วิน : Emotion Town มันมีเสน่ห์ มีสิ่งพิเศษ ตรงที่ว่ามันเป็นงานของพวกเราจริงๆ ทั้ง 10 เพลงในอัลบั้ม ทั้งเรื่องภาคดนตรี คำร้อง ทำนอง มันมาจากตัวเรา เป็นการสื่อความรู้สึกของเรา ข้อสรุปมันอยู่ที่เราได้แสดงความรู้สึกของเราออกไป จนวันนี้เพลงของเราเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นๆ มันก็เท่ากับเขาเหล่านั้นได้ตอบความรู้สึกของเรา ทำให้เราปลื้มใจครับ นี่คือเสน่ห์ของมัน
แอ๊น : ส่วนผมรู้สึกว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้มันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เช่น ถ้าเราจะบอกคนอื่นว่าเราเหงา แต่ถ้าบอกไปตรงๆ มันก็ไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ ซึ่งพอทำออกมาเป็นงานเพลง สื่อสารด้วยอะไรที่เราเป็นอยู่เนี่ย มันมีเสน่ห์นะ ทั้งกับตัวงานและกับตัวเรา มันเป็นวิธีสื่อสารวิธีหนึ่งที่ดีมากๆ
Molekul : วิธีการทำเพลง แต่งเพลง ตามสไตล์ Emotion Town
Emotion Town : ได้มาจากหลายอย่างนะ ทั้งความรู้สึกของเรา ความรู้สึกคนอื่น ชีวิตจริง ประสบการณ์จริง ดูหนัง อ่านหนังสือ หลายสิ่งหลายอย่างมาก แล้วแต่สถานการณ์ บางทีนั่งร้านกาแฟเห็นใครทะเลาะกัน เห็นใครรักกัน ก็เอามาเขียนเป็นเพลงได้ ดูหนังก็เขียนเป็นเพลงได้ อยู่คนเดียวก็เขียนเป็นเพลงได้ มันทุกสถานการณ์ครับ ทุกอย่างที่พูดมาหมดมันเกี่ยวกันหมด
Molekul : ทำงานด้วยกันเป็นอย่างไร
แอ๊น : อย่างวิน ถ้าเป็นเรื่องเขียนเนื้อนี่เขาจะชัดเจนมาก ส่วนผมเรื่องดนตรีจะเยอะกว่า ช่วงแรกๆ ก็จะมีการปรับเข้าหากัน พอมาในช่วงหลังๆ การทำงานก็ง่ายขึ้น ตอนที่มาทำเป็นอัลบั้มทุกอย่างเริ่มลงตัว ไม่ค่อยมีปัญหา แฮปปี้ดี (ยิ้ม)
Molekul : แล้วแต่ละคนเป็นคนอย่างไงกัน
แอ๊น : วิน เขาจะเซ็นซิทีฟ ขี้อาย และก็เป็นคนขี้เกรงใจคนอื่น เป็นคนดีคนหนึ่งของสังคมเลยจริงๆนะ (หัวเราะ)(((( เฮ้ย พูดถึงดีขนาดนี้ถ้าโยนมาไม่ดีนี่นะ )))))
วิน : (((( 55 เดี๋ยวจัดให้ ))))) แอ๊น เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก ขยัน มีความสามารถจริง ตั้งใจทำงาน เขาเป็นเพื่อนที่ดีนะ แต่เวลาทำงานเค้าจะดุนิดนึง เพราะเขาเป็นคนที่มีมาตรฐานในตัวเอง แล้วก็อยากให้คนรอบข้างมีมาตราฐานที่ดีด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับผมตอนแรกเนี่ย ผมไม่ได้คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้เลย มาตรฐานจะต่ำมาก มาได้ขนาดนี้ ก็เพราะแอ๊นเขามีส่วนช่วยด้วย
Molekul : เวลาว่างชอบทำอะไรกัน
Emotion Town : เราชอบไปนั่งตามร้านกาแฟ ไปดูคนเดินไป เดินมา (หัวเราะ) แล้วก็คุยกัน หรือถ้ามีเวลาเราจะขับรถไปต่างจังหวัดกัน คือเราจะชอบคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันละกัน แต่คุยกันเฮฮา ปาร์ตี้ แบบไม่ซีเรียสนะ
Molekul : คติประจำใจในการทำงานของ Emotion Town
แอ๊น : การทำงานแต่ละอย่าง เราต้องจริงจังก่อน เพราะแน่นอนว่าเราต้องเจอกับอุปสรรค ถ้าเรายอมมันตั้งแต่ตอนแรก เราก็จะไม่มีทางรู้ผลเลย ฉะนั้นผมก็คิดว่าอะไรก็แล้วแต่ต้องทำให้ดีที่สุดและให้ถึงที่สุด
วิน :ของผมก็คล้ายกัน คือจะไม่พยายามปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ จะพยายามทำให้มันมีค่าที่สุด มีความหมายที่สุดทั้งกับตัวเองและกับคนอื่น
Molekul : กับน้องๆ ที่อยากจะเจริญรอยตามเรา หรือเห็นเราเป็นต้นแบบมีคำแนะนำอะไรบ้าง
แอ๊น : อย่างเดียวคือต้องชัดเจนก่อนว่าเราอยากได้อะไร พอเรามีเป้าหมายชัดเจนแล้วเราก็จะไม่ออกนอกลู่นอกทาง อุปสรรคอะไรก็ขวางเราไม่ได้ อย่างผมเรียนมาใช้เวลาเป็น 10 ปี กว่าจะมาถึงตรงนี้ ซึ่งบางคนเขาอาจจะไม่ต้องเรียนก็ได้ แต่ต้องรู้ให้ชัดว่าที่เราจะทำนั้นคืออะไร แล้วไปให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็อย่าพึ่งหยุด เพราะถ้าหยุดมันก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นต้องทำให้ได้ อย่างเดียวเท่านั้นเอง
วิน : ผมก็เหมือนกันครับ แต่ฝากนิดนึง คือ ต้องมีความพยายาม ต้องตั้งเป้าหมายสำหรับชีวิต เพราะถ้าทำอะไรไปวันๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตเนี่ยะ จะทำอะไรมันก็จะไปไม่ถึงสักที ต้องตั้งเป้าหมายก่อน ขีดตัวเอง กำหนดตัวเองไว้ ว่าเราวันนี้ทำได้เท่านี้ พรุ่งนี้เราต้องทำได้ดีกว่าวันนี้ วันต่อไปเราก็ต้องทำให้ดีๆ กว่าทุกวันที่ผ่านมา เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ครับผม
Molekul : สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรเกี่ยวกับอัลบั้ม Emotion Town นี้บ้าง
Emotion Town : อัลบั้มนี้เป็นเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึกจริงๆ ที่เกิดขึ้น มี 3 เรื่องหลักๆ ด้วยกัน คือ ความรัก ความฝัน ความเข้าใจ ที่อยู่ในอัลบั้มนี้นะครับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของทุกคน ซึ่งถ้าใครมีอัลบั้มนี้อยู่ในมือแล้วเนี่ยะ อย่างน้อยต้องมีเพลงหนึ่งที่ต้องโดนแน่ๆ ลองหาฟัง ลองตั้งใจฟังดูจริงๆ เพราะจะมีทั้งเพลงที่แบบว่าฟังหลายรอบหน่อยถึงจะเพราะ กับเพลงที่ฟังไม่ต้องเยอะแต่เพราะ อย่างเพลงคืนนี้ เป็นเรื่องราวของคนที่รอโทรศัพท์แฟน ช่วงเวลาสั้นๆ ของคนๆ หนึ่งที่รอโทรศัพท์ แต่เขายังไม่โทรมา มันทรมานเหลือเกิน และก็เพลงไม่กล้า 2 เพลง ที่อยากแนะนำตอนนี้ ต่อจากเหตุเกิดจากความเหงานะครับ
................................................................................................