เอามาเเก้ขัดกันก่อน สำหรับผู้ที่ชอบอ่านเรื่องสั้นมั่งไม่สั้นมั่ง ที่ผมเขียนเเบบสมัครเล่นเอาไว้
มีอะไรอยากเล่าเยอะมาก เเต่ก็มีอะไรในชีวิตต้องจัดการมากเช่นกัน
เคยคุยกับเพื่อนคนที่เขียน เเล้วชอบคำนี้มากๆ ที่สงบสุข ที่พักพิง ที่ๆอยากใช้ฝังร่างชั่วนิรันด์
ผมบอกเขาว่าอยากนำมาเเต่งเพลง เเกเขียนสิเรื่องนี้ น่าสนใจ เเล้ววันนึงเขาก็เขียนมันขึ้นมาสั้นๆ
ลองอ่านดูครับ
เลือกมาโดย หัทยา
หลุมศพข้างลำธาร
5:15 PM เอนก จงทวีธรรม
1) ผมกลับมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง จำได้ดีว่า 365 วันที่แล้ว ก็เคยมายืนอยู่ตรงนี้ครั้งหนึ่ง การเดินทางมาที่นี่นั้นไม่ง่ายเลย ผมต้องนั่งทบทวน-ตอบคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับตัวเอง ต่อสู้กับความเหงา ยอมรับกับความเศร้า และก้มหน้า-ก้มตาเดินไปอย่างโดดเดี่ยวกับหนทางที่แสนยากลำบาก..
2) เพื่อนมัธยมคนหนึ่งชื่อว่า 'กัง' เขาทำงานเป็นข้าราชการปศุสัตว์อยู่ที่เขาใหญ่ เขามีบ้านพักเล็กๆ 2 ชั้นอยู่ข้างริมน้ำ กังชอบใช้ชีวิตที่นั่น รู้สึกว่าชีวิตมีความพอดีและได้พบกับความสุข เพื่อนๆ ก็ชอบแวะเวียนไปเยี่ยมเยือน เพื่อหาโอกาสไปสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่เสมอ
ติดอยู่อย่างเดียวที่ดูคล้ายทำให้ชีวิตของกังแลดูไม่มีความสุขคือ ภรรยาของเขาไม่ชอบชีวิตที่นั่นเอาเสียเลย เธอชอบชีวิตการเป็นสาวออฟฟิศอยู่ในกรุงเทพมหานครเสียมากกว่า ทุกวันนี้กังกับภรรยาของเขาแยกกันอยู่ ไม่ได้หย่าร้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว...
3) ลาร์สเป็นหนุ่มที่ดูเหมือนสติจะไม่ค่อยสมประกอบ แต่ผู้คนในหมู่บ้านและที่ทำงานก็ล้วนรักเขา แต่ความรักนั้นล้วนเกิดจากความสงสาร ความสงสารอาจจะเป็นเศษเสี้ยวของความรัก แต่ก็ยังมิพอเพียงที่จะเรียกได้ว่าเป็นความรักอยู่ดี..
แบบฝึกหัดรักของลาร์สเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาได้สั่งซื้อตุ๊กตายาง(sex doll) มาจากทางอินเทอร์เน็ต ลาร์สไม่เคยมีเซ็กส์กับตุ๊กตาเลยสักครั้ง เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เค้าปรารถนา สิ่งที่หัวใจของเขาร้องเรียกให้ได้ยิน คือ ความต้องการใครสักคนที่จะมาเป็นเพื่อนรับฟัง และให้ความเข้าอกเข้าใจเขาอย่างถ่องแท้ และรักในสิ่งที่เขาเป็น มากกว่ารักเพราะสงสาร
เพราะนั่นจะทำให้ลาร์สยังคงวนเวียนและหนีไม่พ้นไปจากความเหงา...
4) ครั้งหนึ่งไม่นานนี้ ผมแวะไปเยี่ยมกังที่บ้านปากช่องกับเพื่อนนักดนตรีคนหนึ่ง เราแวะไปซื้อเหล้า-โซดา และอาหารอร่อยหลายชนิดกันที่ตลาด กังแวะมาเจอและเอากุญแจบ้านมาให้ เขาสัญญาว่าจะกลับมาร่วมสนุกสนานด้วยในตอนเลิกงาน ตกดึกมากแล้วกังก็ไม่ได้กลับมา
เรานั่งกันอยู่ริมน้ำ เพื่อนนักดนตรีคนนั้น หยิบกีตาร์มาบรรเลงเพลง 'wonderful tonight' ของเอริค แคลปตันให้ผมฟัง ผมร่วมร้องเพลงไป พลางนั่งมองภาพแต่งงานขนาดใหญ่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่หลังโซฟา
เพลงจบลง..เพื่อนนักดนตรีอธิบายให้ฟังสั้นๆ ว่า 'กังไม่ได้ปลดภาพลงอย่างถาวรหรอก เขาเอาลงมาซ่อนเวลาที่มีผู้หญิงมานอนด้วย ถ้าผู้หญิงไปแล้ว ก็เอากลับขึ้นไปแขวนใหม่'
5) ผมพาตัวเองมานั่งดื่มกาแฟอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมลำธาร หลังจากสูดกลิ่นกาแฟและกลิ่นอายจากอากาศอันแสนบริสุทธิ์แล้ว ผมเอนหลังล้มตัวลงพิงกับโคนต้นไม้ใหญ่ เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ และเสียงใบไม้ที่พัดกระทบกันอย่างแผ่วเบา คล้ายท่วงทำนองของดนตรีคลาสสิกที่เริ่มบรรเลงอย่างไร้จุดจบ อีกทั้งแสงแดดบางๆ ที่แทรกตัวลงมาจากกลุ่มก้อนใบด้านบน สอดส่องลงมาวิบวับ-โลมเลียเบาๆ บนใบหน้าของผม ทำเอาเคลิบเคลิ้มอย่างเป็นสุขจนเกือบจะคล้อยหลับไป
หากเป็นไปได้ ผมปรารถนาจะตื่นมานั่งอยู่ที่นี่-ตรงนี้ทุกวัน หรือหากต้องฝังกายตัวเองลงอยู่ที่ใต้ไม้ใหญ่ริมลำธารแห่งนี้ ผมก็ยินดี แต่เกรงไปว่า ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น อาจเป็นเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น...
6) เพลงของเอริค แคลปตันบอกกับผมว่า เขาไม่ได้สนใจว่าภรรยาของเขาจะสวมชุดอะไร แต่งหน้า-ทำผมอย่างไร มากไปกว่าว่า เขาสามารถเห็นแสงแห่งรักที่เปล่งประกายมาจากดวงตาของเธอรึเปล่า และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขามีค่ำคืนที่แสนพิเศษ และปรารถนาอยากแต่งเพลงนี้ให้กับเธอ../
กังโทรศัพท์เข้ามาหาพวกเรา น้ำเสียงของเขาดูเหมือนเมาไร้สติอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งที่อึกทึก เราจับใจความได้เพียงว่า 'ล็อคบ้านกันดีๆ นะ โทษที..คืนนี้ไม่กลับแล้ว' หลังจากนั้นเพื่อนนักดนตรีของผมก็ฟุบหลับไป โดยทิ้งให้ผมนั่งดื่มเดียวดายอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่า การเดินทางไกลอันแสนโดดเดี่ยวได้เริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...
7) ลาร์สพาตุ๊กตายางไปทำผม-แต่งตัว ไปซูเปอร์มาร์เก็ต พาไปกินอาหาร และพาไปสวนสาธารณะ ฯ คล้ายกับว่าตุ๊กตานั้นเป็นคนรักตัวจริงของเขา แรกเริ่ม..ผู้คนอาจจะมองลาร์สด้วยความขบขัน แต่ทำไปทำมา เจ้าตุ๊กตานั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ลาร์สได้เดินทางไปใช้กาย-ใจสัมผัสกับผู้คนอื่นๆ มากมาย ในขณะเดียวกัน ผู้คนที่รายล้อมก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจจากการได้สัมผัสใจของเขา มากกว่าจะรู้สึกสงสาร-สมเพชเขาจากรูปลักษณ์หรือการแสดงออกจากภายนอก...
8) ชีวิตของลาร์สค่อนข้างคลายตัวออกจากความเหงาไปทีละเล็กทีละน้อย กังอยู่กับธรรมชาติและงานที่รัก แต่ก็ยังแอบเหงาอยู่ไม่สร่าง เพื่อนนักดนตรีของผมมีเพื่อนหญิงที่สนิทสนม แต่ก็ยังบ่นเหงาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ผมเพิ่งบอกเลิกรากับแฟน เพราะคบกันดูแล้ว ความเหงาก็ยังคงแวะเวียนมาทักทายอยู่เสมอๆ จนรู้สึกละอายใจหากจะฉุดรั้งให้เธอต้องอยู่../
หลายวันก่อน เพื่อนนักดนตรีโทรศัพท์มาแลกเปลี่ยนสารทุกข์ต่อกัน เขาตั้งคำถามหนึ่งที่น่าสนใจว่า มองความรักและคู่รักเป็นอย่างไร?
ผมไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้เขาได้ฟัง พร้อมแถมบทสรุปให้เขาฟังว่า
'รักกันจนตายนั้นอาจจะไม่มี..แต่ถ้าได้สัมผัสความรักที่แท้แล้ว ก็น่าจะล้มตัวลงตายได้อย่างมีความสุข'...
.....................................................
ลืมๆ....มีคนๆนึงตอบเขาไปดังนี้
hattaya says: 5:45 PM
1.สวัสดีเเวะมาอ่านเเล้วนะ
2.เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเหงาเเล้วนะ เข้าใจกันมากขึ้นตามลำดับ ขุ่นข้อง ไม่เข้าใจ ก็ปรับไป พัฒนาเรียนรู้
รักเติบโตต้องใช้เวลา...ทุกข์สุขเกิดดับ...คือธรรมดา
3.รัก รอ พอ อภัย เข้าใจ ให้เกียรติ์ เท่าเทียมเสมอภาค.... ยังคงเป็นหลักการของสัมพันธภาพ
4.ชั้นว่าชั้นได้รู้สึกถึงสัมผัสต่างๆ เข้ามาเรื่อยๆ ชีวิตบางทีไม่ได้ง่ายอย่าใครเขา เเต่เราก็เข้าใจในสีสันที่มีในตัวตนเเห่งเราที่มีที่เป็น
5.ดีใจที่เพื่อนเขียนออกมา คำถาม เเละ คำตอบ ยังคงเวียนว่ายต่อไปในห้วงของจักรวาฬ
6.ขอบคุณที่เขียนออกมา ขอจงค้นพบเเมกไม้ลำธารที่จะพักพิงกายหลับตาลงอย่างสุขใจ ฉันเองหวังไว้เช่นกัน
............. ;?? ?..............
*.:??*Parradee ...A Journey of Us - ?.:* *.:??*?;??
อย่าไปเอาอะไรกับนักเขียนนิยาย