โปรดอ่านตรงนี้ก่อนนะครับ!
เรื่องราวข้างล่างนี้ไม่ค่อยจะมีสาระ กับเรื่องดนตรีหรือกีต้าร์เท่าไหร่หรอก ก็แค่มาพูดคุยกันสนุกๆกับเรื่องอะไรต่ออะไร ล่องกันอย่างไม่มีจุดหมาย..สบายๆ ชนิดถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ไม่ต้องซีเรียสกันน๊ะ.แล้วจะได้มีอายุยืนกัน.
ในอเมริกา ปี๑๙๘๒-๑๙๘๓ ไปเดินดูของที่ Musician Swap-Meet ที่เขาจัดไว้ปีละครั้ง เพื่อให้ใครต่อใครได้เข้ามา ซื้อ-ขายหรือแลกเปลี่ยนเครื่องดนตรีและเครื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับเรื่องดนตรีที่เป็นของ มือ๒, มือ๓, มือหลุด, หรือ มือขะโมย ได้โดยเสรี สนุกมาก..ก็เป็นวันเดียวที่ คนภายนอกจะได้เห็นหน้านักดนตรีใครต่อใครทั้งหมดมาชุมนุมกัน สำหรับพวกเรานักดนตรี ก็มันส์มากและเรายังได้มีโอกาศทักทายเพื่อนๆที่ไม่ใด้เห็นหน้ามานาน สำหรับคนธรรมดาทั่วไปบอกจริงๆว่ามันเป็นภาพที่ไม่ค่อยจะน่าดูเท่าไหร่ ตามธรรมดาผู้คนทั่วไปเห็นนักร้อง-นักดนตรีเป็นแบบ celebrity (ดารา) เพราะได้เห็นเขาแสดงใน จอหนัง, จอโทรทัศน์, ไนท์คลับหรือคอนเสิร์ต ภายใต้แสงไฟ ดูเท่ห์, สวย, หล่อ, น่ารัก, น่ากอด, น่า ???, เซ็กซี่, ร้อนแรง อะไรยังงั้น...แต่อย่าลืมว่า พวกดารา หรือนักดนตรีพอเสร็จงาน (gig) จะต้องรีบไป annual swap-meet ก็อดนอน หน้าตาซีดโทรม ไม่ได้แต่งตัวเต็มยศ...ไม่ได้หวีผม..ไม่ได้แต่งหน้า..ไม่ได้ทาลิปสติ๊ก..ไม่ได้มี suntan (ผม ตอนนั้นมี suntan ตลอดคร้บ!!!)
... แฟนผมเขาไปได้เห็น ก็ประสาทหลอน (freaked out) เลย อย่าง... "ต๊าย ตาย...ถ้าคุณไม่บอกชื่อ..ดิฉันจะจำไม่ได้เชียวล่ะค่ะ..คุณพระช่วย!"
พูดถึงตอนนี้แล้วก็นึกถึงตอนสม้ยอยู่ TU ก็มีเด็กนิติศาสตร์คนนึง เราเรียกเขาว่า อี๊ด มีชื่อจริงว่า "ช่วงเวช" (เป็นนามสมมุติ)
.....ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเลขที่..(อะ อะ อะ อะ อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายวัน มากไปหน่อย!)
เขาชอบร้องเพลงสากลและเขารู้จักใครต่อใครในวงการดนตรีอาชีพหมด เพราะเขาเป็นคนประเภทสังคมดี (sociable ออกเสียงว่า "โซ้ฉะเบิ่ล") เรารู้จักกันที่ห้องดนตรี TU (ท่าพระจันทร์) สมัยครูสังข์เป็นอาจารย์ควบคุม TU band..ผมขึ้นไปฟาดกับ Gibson L๔๘ (L๕๐?) และ Gibson amp บ่อยๆ อี๊ดเขาก็ "ซู" (slang ของอี๊ดเขา) ผมมาก เพราะผมดีดลูกโซโล่เพลง "Carol" และ "Time Is On My Side" ของ The Rolling Stones และเพลง Gandy Dancer, Driving Guitar, Mr. Moto ของ The Ventures ได้อย่างเหมือนแผ่น (note for note). ผมก็ชอบเขาที่ว่า เขาร้องเพลงได้หมดทุกอย่างจาก Elvis, Cliff Richards, Johnny Horton, Hank Williams, Beatles, Rolling stones, Kyu Sakamoto ทุกอย่างจริงๆ แบบ variety (ออกเสียงว่า > หวะไร้เอ็ดถิ่). ผมหงี่เล่น เขาหงี่ร้อง ในที่สุดเราก็มาหงี่เล่นหงี่ร้องอยู่ในวงเดียวกันทั้งสองคน
จำได้ว่าเขาเป็นคนมีจินตนาการณ์และซีเรียสกับเรื่องเซ็กมาก..(sexual person) วันนึงเราได้งานประจำที่ถนนเกษร, ราชประสงค์ เจ้าของบาร์เกิดต้องการนักร้องสตรีเพิ่มคนนึงเพื่อจะได้ เป็นขวัญหู ขวัญตา และขวัญใจ แก่ลูกค้าประเภทเสือเปล่าเปลี่ยว ท่องราตรี แถมยังกำชัด spec.ไว้โดยเฉพาะด้วย อี๊ดบอกเจ้าของบาร์ว่าไม่มีปัญหา เขามีเส้นสายที่จะหานักร้องสาวเซ็กซี่ อวบอัดประเภทเนื้อนมไข่ ตาม spec.ได้ัอย่างสมประสงค์ แล้วเขาก็กระซิบบอกผมว่า เขาเคยประทับใจกับนักร้องสาวคนนึงที่บาร์ Thai Heaven (ถนนเพ็ชรบุรีตัดใหม่) ร้องเพลงประเภทผิวดำอย่างใช้ได้, หน้้าตาคมคาย, ตาโต และมีรูปทรงเร้าอารมย์ ตัวสูง ขายาวแบบฝรั่ง ก้นก็งอนอย่าง Brigitte Bardot ด้วย และเขาเองก็เคยฝันหวานกับเธอหลายครั้ง (!!!!) อย่างลืมไม่ลง ผมเองก็ตื่นเต้นด้วยเหมือนกันตามประสาเด็กหนุ่ม..จำได้ดีว่าทุกครั้งที่ผมเล่นกีต้าร์เล่นกับ TU วงใหญ่ และยืนเล่นกีต้าร์อยู่ข้างหลังพวกนักร้องหญิง ก็มีความสุขใจและสบายตากว่า ยืนเล่นกีต้าร์อยู่ข้างหลังพวกนักร้องชาย...ขอโทษทีฮะ แต่ผมชอบผู้หญิงครับ!
ได้เบอร์บ้านมาจากพี่ชาญ (วงหลุยส์ ธุระวนิช?) เราสองคนก็ไปตามล่าตัวหล่อน เดินลุยน้ำลุยท่าเข้าตรอกเข้าซอยเกือบทั้งวัน ในที่สุดก็เจอบ้าน ผมก็บอกว่าผมจะยืนรออยู่อยู่ตรงปากตรอกจะได้สูบบุหรี่หน่อย ให้เขาไปเจรจากับหล่อนคนเดียวจะดูดีกว่า ...สักสิบนาทีเขาเดินกลับมา ส่ายหน้า..เราก็เดาได้ว่าแผนการล้มเหลว แต่สีหน้าเขามันดูเหมือนว่า น่าจะมีอะไรมากกว่าความผิดหวัง..หน้าซีดเหมือนกับเพิ่งได้ถูกผีตายท้องกลมหลอกมา ผมก็พูดแบบตบหลังกับเขาว่า...อย่าไปผิดหวังอะไรให้มันเกินไปเลย เรายังมี list ของนักร้องคนอื่น. เขาพูดว่า "ผิดหวังน่ะมันก็นิดหน่อย แต่นี่มัน"เซ็งฉิ**ายเลย"......."เซ็งฉิ**ายเลย" หว่ะ!
เล่าให้ผมฟังว่า พอไปถึงชานบ้านก็เห็นผู้หญิงคนนึงนั่งทำอาหารอยู่ในใต้ถุนบ้าน. ก็ถามว่า เจ้าของบ้านที่เป็นนักร้องอยู่บ้านหรือเปล่า เธอบอกว่าเธอเองคือนักร้องคนนั้นแต่เธอจะรับงานไม่ได้ เพราะเธอเพิ่งจะได้รับงานใหม่ที่อุบลฯ ผมก็สงสัย ก็เลยถามว่า ไปเซ็งอะไรกันนักหนาละ เขาบอกว่า..."เซ็งซิวะ ทำไมจะไม่เซ็ง ก็เคยไปดูเธอร้องบ่อยๆที่บาร์ Thai Heaven บนเวทีท่ามกลางแสงสีเธอก็ดูสวยหยาดเยิ้มเหมือน"นางพญา" หลงรักเธอมาตั้งนาน พอมาเห็นเธอตอนกลางวัน กระโจมอกนั่งขอดเกล็ดปลาอยู่ในใต้ถุนบ้าน..ก็จำไม่ได้เลย...ความฝันพังทลาย..เซ็งฉิ**ายเลย"
ผมหัวเราะเกือบตาย..มานึกเอาว่า พวกเรา(ผู้ชาย) บางทีก็ทำตัวเมือนเด็กๆ ชอบฝันหวานสร้างวิมานไว้ในจินตนาการณ์...แต่นั่นมันเป็นธรรมชาติของเด็กหนุ่ม ....เจ้าเพื่อนคนนี้ของผมมันพิเรนจริงๆ..น้า Napman อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงส่ายหน้า.. ไม่รู้ว่า Napman ยังจำได้หรือป่าวว่า ตอนที่พวกเราเล่นอยู่ที่ถนนเพ็ชรบุรีตัดใหม่ให้พวกฝรั่ง G.I. ช่วงเวช (ชื่อสมมุติ)
มันชอบ "ฟ๊าบ" (slang ของอี๊ดเขา) กับพวกแหม่มในบาร์..โอ้ย..เขาร้องเพลง Bob Dylan อย่างเสียงหวานและตาเยิ้มด้วยเลย.....(คงจะเป็นคนไทยเป็นคนประเภท "I prefer white meat") ดีแล้วนะที่มันอยู่เมืองไทย ไม่ยังงั้น ก็คงจะโอเวอร์โดส กับ Viagra รากเลือดตายไปนานแล้ว ถ้ามันมาอยู่เมืองนอกอย่างเราสองคน....ฮี่..ฮี่..ฮี่..ฮี่.. ได้เจอและคุยกันกับอี๊ดมันเมื่อปี ๑๙๙๘ ตอนนั้นเขาสร้างหนังส่งเมืองนอกเองแล้ว........ฮี่..ฮี่..ฮี่..ฮี่.
ผมจะไม่ลืมคำพวกนี้ไปชั่วชีวิต ...........
"สวยหยาดเยิ้มเหมือนนางพญา"................."กระโจมอกนั่งขอดเกล็ดปลาอยู่ในใต้ถุนบ้าน"............."เซ็งฉิ**ายเลย"..........."เซ็งฉิ**ายเลย" ฮี่..ฮี่..ฮี่..ฮี่..
เพื่อนเก่าผมแต่ละคนมันมีบุคคลิกแปลกๆไม่เหมือนกัน...ผมก็รักและภูมิใจกับเพื่อนผม(เกือบ)ทุกคน เพราะว่าแต่ละคนมันก็ดีไปคนละอย่าง แต่ว่าแต่ละคนมันก็มันส์ "อย่างเอาไหน" จริงๆ
ฮี่..ฮี่..ฮี่..ฮี่.
ต้องเลี้ยวกลับไปปี ๑๙๘๒ ในอเมริกาอีกครั้ง....ที่ Musician Swap-Meet .... แต่.....เอาไว้คราวหน้าเถอะน๊ะ!