(08-12-2009, 00:55) .................... Wrote: เเกสั่งให้มาลงก่อน บอกว่าจะไปเก็บภาพ ให้มาลงที่นี่ทำไมไม่รู้ ดูไปหน่อยนึกว่าหนังสั้น ลองชมกันไปก่อนนะครับ
เเล้วเเกจะมาเขียนอะไรยาวๆต่อ เเกบอกอย่างนั้น ป่านนี้คงหิ้วกล้องลั้นลาเเถวราชดำเนิน
จากผู้เเทนพี่หนึ่ง
....
The Lost Soul & Air on G String ... by Hattaya
เราต่างหาอะไรมากมายมาถมเติมชีวิต เเล้วคิดว่านั่นคือสิ่งที่ตัวเองมี.....
มนุษย์เราล้วนเเต่หาวิธีจัดการกับความว่างเปล่าต่างกัน บ้างสร้างสรรค์ บ้างฆ่าทิ้งทำลายเวลา
เเต่คนเราทุกคนไม่มีอะไรเลย เเท้จริงคือว่างเปล่า... เกิดเเละดับในเวลา
งาน vdo edit ภาพดูซ้อนๆยุ่งๆ ผมคิดว่ามิตติที่เราสื่อสารด้วยจิตใจ ไม่ใช่ไอ้กว้าง ยาว ลึก พันมันด้วยเวลา มันอาจจะเป็นอะไรคล้ายๆนี้ อาจจะเป็นภาพในความนึกคิด หรือความฝัน มุมมองของใครบางคน
สำหรับเสียง มีโน๊ตหลักทำนองจริงไม่กี่ตัว เลื่อนเปลี่ยนที่ จัดการกับความว่างที่มันมีให้ในเวลา
เเล้วมาที่ Air on G string ในเเบบที่ออกมาเป็นห้วง เลื่อนเปลี่ยนเหมือนเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่เดินผ่านเข้ามาในเเสงที่เป็นในเนื้อที่หนึ่ง เเล้วสะท้อนสิ่งที่มันเกิดขึ้นเข้ามาที่สายตา
ปลาทอง วิธีการมอง อาการกิริยา สีหน้าคนต่างๆ ตุ๊กตาที่ล้มลง มือที่จับดึงขึ้น รูปนักการเมือง มุมมองรถที่วิ่งไปในเเสงไฟ
ทุกสิ่งคือองค์ประกอบของสิ่งที่มากกว่าเวลา กว้างยาวสูงคือสมมุติ เเม้ภาพจะไม่ชัดเลื่อนไหล ทุกสิ่งดูซ้ำเเละยืดเยื้อ โน๊ตที่ใช้เหมือนวิถีชีวิตที่มีห้วงวงจรเหมือนซ้ำเเต่อาจจะเหมือนเคลื่อนไป
เเต่จริงๆมันก็คือวิถีที่มีที่เป็น.... การอยู่กับวิญญาณตัวรู้ภายในที่เราไม่ค่อยเข้าใจ ปล่อยให้เลื่อนไหลไปกับสัญชาตญาณ
คำถามที่พยายามหาคำตอบของผู้คนต่างๆที่ใช้ชีวิตเติมเเต่งประกอบกันในความว่างเปล่า ผูกกันในเวลา
ในงานนี้จะเห็นชัดๆกับการมองของวัยของบุคคลที่ต่างกัน เพลงที่สื่อออกมาจะอยู่ร่วมกับ บางคนขับรถอยู่ในถนนมืดๆคนเดียว บางคนเป็นพนักงานในสถานที่นั้นต้องทนฟัง บางคนคืออาชีพที่ต้องทำมันไป บางคนนั่งมองทุกสิ่งเคลื่อนไหวกล้องถ่ายจับสิ่งต่างๆมาเล่าเรื่องราว
มีสิ่งที่สามารถอธิบายได้ เเละไม่ได้อีกมาก อยากให้คนดูคิดเองมากกว่าชี้นำ
ใครคิดเห็นยังไง สื่อสารกันตามสบายนะครับ เพิ่งหัดทำ อยากพัฒนาต่อไปครับ
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาครับ
หากรู้สึกเสียเวลา สื่อสารไม่รู้เรื่อง ไม่มีคุณค่าความงามในศิลปะต่อผู้ใด กราบขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วยครับ
.......................................
วันที่14ธันวาคม 2009 ขอเพิ่มเติมข้อมูลอีกหน่อยนะครับ
อธิบายเรื่องของดนตรีที่ใช้ในงานนี้
เมโลดี้หลักเกิดจากประโยคถามเเละตอบไปมา เเต่โน๊ตหลักจริงๆมี4ตัว ผมอยากนำความคิดไปยังสิ่งเรียบง่ายที่เป็นตัวการของวังวน คือ เกิด เเก่ เจ้บ ตาย นี่คือที่มาของโน๊ตทั้ง4
คิดว่าจำนำหลักนี้ทำไปหลายๆตอนในช่วงนี้นะครับ
มาว่ากันต่อที่โน๊ต
ในจังหวะที่มีโน๊ตหลัก จะพยายามเปลี่ยนเลื่อนค่าจังหวะของมันเกือบตลอด
โจทย์คือคิดว่าจะทำยังไงให้ความจำกัดของความจำเจนี้เดินทางไปได้เป็นในเวลาที่คิดไว้
ถ้าสังเกตุมันจะมีปฎิกิริยาตอบสนองต่อตัวของมันเองในการถามตอบไม่คงที่เลย
การมาการไปมีการเเตกตัว ลดจำนวน ผกผันคลี่คลายในความเเตกต่างกัน เเต่ทั้งหมดอยู่ในพื้นฐานที่มีจังหวะเเบบเดิม คอร์ดเดิมๆ
นี่คือการเเทนค่าที่เราล้วนเเต่ใช้ชีวิตกันในวังวนของความซ้ำซาก พยายามหาอะไรต่างๆเข้ามาถมเติมกันมากมาย ทั้งๆที่จริงเเล้วทุกคนล้วนว่างเปล่า
เดินทาง รอนเเรม ดิ้นรนเเสวงหาอะไรกันมากมายเเต่ภายนอก เเต่ไม่ได้เดินทางค้นหาอะไรในจิตใจกันเลย
เเล้วทำไมต้องมี air on g string มา varition
จริงๆผมคิดว่าผู้เเต่งเพลงนี้มีความชื่นชมต่อโลก ต่อสรรพสิ่งที่เกิด ผมชื่นชมงานต่างๆของบ้าคมากๆตั้งเเต่นานมาเเล้วก่อนเริ่มเรียนดนตรีด้วยซ้ำ
งานยุคclassic Baroque Renaissance มีคุณค่าสง่างามมากความรู้สึกผม เพลงเเห่ศพที่ผมเเต่ให้ตัวเองยังมีกลิ่นไอจากดนตรีเหล่านี้เยอะมาก
ผมคิดว่าถ้าให้ตัวบ้าคเองเลือกเพลงเเห่ศพตัวเอง เเกอาจจะนำเพลงนี้มาก็เป็นได้ ผมไม่เเน่ใจจะอธิบายยังไงว่าทำไมต้องเอาเพลงนี้มาvarition
อีกนิดนะครับ คือในความสากลของช่วงเสียงของเพลง รวมถึงเเนวความคิดในการประพันธ์ เดิมมีก็เเนวโน้มสอดคล้องกับสิ่งที่ผมคิดจะเล่าเรื่อง
ผมใช้การตีความโดยรวมจากสังคม เเละทัศนะที่มีกับเพลงนี้ตีความเพิ่มในขณะบรรเลงจึงออกมาอย่างที่ได้ยินเเหละครับ