โดยส่วนมากกีตาร์โปร่ง flattop (รวมถึง Martin และ Lowden) นั้นไม้หน้านั้นไม่ได้เรียบแบบแบนราบครับ แต่เค้าทำให้มันโค้งเป็น dome เล็กน้อย
ถ้าเอาไม้บรรทัดทาบขวางตัวกีตาร์ที่ lower bout ในลักษณะขนานกับบริดจ์ จะเห็นว่าตรงกลางของไม้หน้าจะสูงกว่าด้านข้างเล็กน้อย
แม้แต่ตอนที่ยังไม่ขึ้นสายก็ตาม เหตุผลที่ทำแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง และให้ไม้หน้าสามารถปรับตัวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปโดยไม่เป็นปัญหาครับ คือหากความชื้นสัมพัทธ์ลดลง ไม้หน้าที่โค้งก็จะปรับตัวแบนลงได้เล็กน้อยโดยที่โอกาสที่ไม้จะแตกนั้นน้อยกว่าไม้หน้าที่เป็น true flattop หรือแบบแบนราบครับ
เมื่อขึ้นสายแล้วไม้หน้าก็จะโก่งขึ้นอีกเล็กน้อยเป็นปกติตามแรงตึงสาย ดังนั้นที่พบว่าไม้หน้าไม่เรียบเสมอกันนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องปกติครับ
แต่อาการท้องป่องที่เป็นปัญหา ผมเข้าใจว่าอาจจะเกิดจาก 2 สาเหตุครับ คือ โครงสร้างกีตาร์นั้นออกแบบมาไม่ดี เช่นไม้หน้าอาจจะทำมาบางเกินไปจนรับแรงตึงสาย
ได้ไม่ดีพอ ไม้หน้าเลยโก่งทำให้แอ็คชั่นสูงขึ้นมากจนเล่นลำบาก เป็นต้น ส่วนอีกสาเหตุก็เป็นเรื่องความชื้นครับ อากาศในบ้านเราโดยปกติจะมีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่าในระดับที่ผู้ผลิตเค้าทำกีตาร์ครับ ดังนั้นโอกาสที่ไม้หน้าจะโก่งตัวขึ้นจากความชื้นที่เพิ่มขึ้นก็มีมากขึ้น เมื่อไม้หน้าโก่งตัวขึ้น บริดจ์และสายก็ก็สูงตาม ถ้าเป็นมากฟิงเกอร์บอร์ดส่วนที่ปะกับไม้หน้าอยู่ก็อาจจะยกตัวตามไปด้วย ผลก็คือแอ็คชั่นโดยรวมจะสูง เล่นยากขึ้น แต่พอเล่นไปเฟร็ตในๆอาจจะ buzz ได้ เนื่องจากฟิงเกอร์บอร์ดส่วนที่ปะกับไม้หน้านั้นสูงขึ้น ผมเข้าใจว่าอาการนี้โดยมากเรียกว่าคอยก คือคอจะดูเหมือนโก่งมาด้านหน้ามากขึ้น ทั้งๆที่จริงๆแล้วคออาจจะไม่ได้ยกหรือเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้
ทีนี้การดูว่ากีตาร์เราปกติหรือไม่ ก็ลองเอาสันไม้บรรทัดยาววางบนกลางฟิงเกอร์บอร์ดดู ถ้าระดับไม้บรรทัดอยู่ในระดับเดียวกับผิวบริดจ์ก็ปกติครับ
แต่ถ้าอยู่ต่ำกว่ามากจนไม้บรรทัดชนเนื้อบริดจ์เยอะ ประกอบกับถ้าแอ็คชั่นสูงด้วยแล้ว ก็เป็นไปได้มากครับว่าอาจจะมีปัญหาตามที่พูดถึงข้างต้นได้ครับ
แต่ใส่สายเบอร์ 11 ซึ่งเข้าใจว่าเล็กกว่าสเป็คปกติที่เบอร์ 12 ก็อาจจะช่วยให้บรรเทาอาการได้บ้างครับ
ลองเช็คดูนะครับ กีตาร์เราอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้ครับ