เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมครับแต่อย่าลืมว่ามีไอเดียที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อีกมากมายที่ทำไปแล้วขาดทุนเพราะไม่ใด้อยู่ที่ right place ในเวลา right time
เรื่องนี้จะน่าสนใจมากขึ้นถ้าเป็นเรื่องของไอเดียคนไทยครับ อย่างบ้านสีฟ้านี่ตอนนี้ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกวันเป็นต้น
Sanook.com = $3,361,960 USD
Pantip.com = $3,354,533 USD
Ohozaa.com = $619,191 USD
Thaisecondhand.com = $144,112 USD
Guitarthai.com = $51,588 USD
Nimitguitar.com = $4,497 USD
การรวยด้วยไอเดียนั้นคนไทยส่วนมากไม่ชอบหรอกครับเพราะพวกเราอยากรวยแบบไม่ต้องออกแรง ส่วนคนจีนนั้นเขารวยด้วยการก้อปไอเดียของชาวบ้าน
การรวยโดยไม่ต้องออกแรงนั้นมีหลายวิธีอย่างการเล่นทองและเล่นหุ้นเป็นต้น
ตัวอย่างเช่น....ถ้าคุณซื้อทอง 100 บาทในเดือนสิงหาคมปี 2550 และขายไปในเดือนสิงหาคมปีนี้ คุณจะใด้กำไร = 1,700,000 บาท
ถ้าคุณซื้อหุ้นมูลค่า 1,000,000 บาทในเดือนตุลาคมปี 2551 แล้วขายไปในเดือนกรกฎาคมปีนี้ คุณจะใด้กำไร = 1,800,000 บาท
สำหรับนักสะสมกีต้าร์นั้นจะขาดทุนหรือกำไรต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยสองอย่างคือ ความต้องการของตลาดและอัตราแลกเปลี่ยน
ถ้าดูจากความต้องการของตลาดก็คงต้องเก็บไว้ไม่ต่ำกว่าห้าสิบปีถึงจะมีกำไรครับ ตารางด้านล่างเป็นคือราคามือสองในตลาดเมื่อเทียบกับราคาซื้อมือหนึ่ง = 1.0 โดยบวกอัตราเงินเฟ้อแล้ว
จากตารางจะเห็นใด้ว่าถ้าคุณซื้อกีต้าร์โปร่งมือหนึ่งต่อให้คุณเก็บไว้สามสิบปีก็ยังขายขาดทุนครับ ถ้าหวังจะใด้กำไรบ้างก็ต้องซื้อมือสองเท่านั้น
เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนก็มีผลเยอะเหมือนกันนะครับ ผมรู้จักนักสะสมกีต้าร์ไฮเอ็นด็ท่านหนึ่งที่กว้านซื้อกีต้าร์อเมริกันมาเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนสมัยที่ 1 USD = 40+ บาท พอตอนหลังเริ่มเบื่อเลยปล่อยขายแบบขาดทุนยับเยินครับ
ส่วนผมนั้นเร่มมาสนใจกีต้าร์โปร่งญี่ปุ่นเมือสามสี่ปีมานี่เอง ตอนที่ซื้อปีแรกนั้นอัตราแลกเปลี่ยน 100 yen ไม่ถึงสามสิบบาท พอมาขายตอนร้อยเยนแตะสี่สิบบาทกีต้ารล้อตนั้นก็เลยไม่ขาดทุนครับ
ขณะนี้สถานการณ์กลับกันเพราะดอลล่าร์อ่อนและเยนแข็ง ถ้าใครคิดจะซื้อกีต้าร์มาขายก็ควรมองทางอเมริกาครับ