ผมว่าชุดตามความต้องการของคุณ Tee นี่อาจถูกกว่าที่คิดและเสียงดีกว่าระบบ PA ด้วยนะครับ เรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดเยอะมากแต่จะจะเขียนอธิบายอย่างละเอียดคงต้องเขียนกันหลายวัน ผมขอตอบแบบรวบรัดแล้วกันครับ ถ้าไม่กระจ่างก็หาข้อมูลต่อในเว้บใด้ครับ
ระบบ PA นั้นชื่อเต็มๆคือ Public Address System ซึ่งเป็นระบบเฉพาะกิจสำหรับการขยายเสียงเมื่อมีผู้ฟังเป็นร้อยๆพันๆหรือหมื่นๆคนครับ เป้าหมายหลักของระบบคือ
VOLUME เสียงต้องดังพอสำหรับผู้ชมแถวหลังสุด
....การทำให้เสียงดังสุดนั้นต้องใช้ลำโพงที่มี efficiency สูงมาก อย่างน้อยก็ประมาณ 94 dB/1W/1M ลำโพงประเภทนี้สร้างไม่ยากแต่ต้องแลกมาด้วยการตอบสนองที่ไม่ราบเรียบและย่านการตอบสนองความถี่ที่ค่อนข้างจะจำกัดเมือเปรียบเทียบกับลำโพง hifi ดีๆในชุดเครื่องเสียงบ้าน ลำโพงบ้านบางรุ่นนั้นมีความไวแค่ 86 dB/w/M ซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้แอมป์กำลังขับมากกว่าลำโพง PA เกือบสิบเท่าถ้าจะให้ดังเท่ากัน (ความดังเพิ่มขึ้น 10 dB ต้องใช้กำลังขับของแอมป์เพิ่มขึ้น 10 เท่าครับ)
ความดังของดนตรี jazz หรือ acoustic ถ้าเรากำหนดตำแหน่งไกลสุดว่าต้องดังไม่ต่ำกว่า 94 dB ถ้าเป็นพื้นที่กลางแจ้งยาว 16 เมตร ความดีงของลำโพงที่ระยะ 1 เมตรจะต้องดังอย่างน้อย 118 dB (Sine square law ความดังของเสียงจะลดลงหนึ่งเท่าทุกๆ 3 dB เหมือนกับปริมาณของแสงที่ผ่านเลนส์ทุก square root 2 ของระยะทาง) แต่ถ้าเล่นอยู่ในห้องนั้นความดังจะเพิ่มขึ้นประมาณ 6 dB เพราะมีผนังและเพดารมาช่วยสะท้อนเสียง
ถ้าลำโพง PA มีความไว 94 dB/W/M เราจะต้องใช้แอมป์กำลังลังขับ 256 watts ถึงจะใด้ความดังตามตัวอย่างที่ยกมาครับ
ถ้าเราฟังเพลงอยู่ในห้องห่างลำโพงแค่ 4 เมตรที่ความดังสูงสุด 94 dB เราต้องการกำลังขับป้อนลำโพง PA แค่ 2 watts เท่านั้น ถ้าไปซื้อชุด PA มาใช้ก็เสียเงินฟรีๆครับ
FLETCHER-MUNSON CURVES...หูพาจน
ลำโพง PA นั้นมักมีย่านความถี่จำกัดกว่าลำโพงบ้านเยอะมากเพราะความถี่ยิ่งต่ำมันยิ่งกิน watt ครับ เหตุเกิดเพราะหูคนเราใด้ยินเสีบงกลางและเสียงแหลมใด้ดีกว่าเสียงต่ำ เรื่องนี้ถูกค้นพบโดยตา Fletcher และ Munson ตั้งแต่ปี 1932
จากรูปข้างบนจะเห็นใด้ว่าความถี่ยิ่งต่ำก็ต้องใช้กำลังขับมากขึ้นเพื่อให้เราใด้ยินว่าเสียงมันดังเท่ากัน ดังนั้นชุด hifi บ้านก็เลยสามารถตอบสนองความถี่ใด้ต่ำกว่าชุด PA เพราะเราไม่ต้องการความดังมากมายแต่ต้องการเสียงดนที่ครบทุกย่านความถี่ซึ่งชุด PA ไม่มีทางทำใด้นอกจากจะใช้ subwoofer ขนาดยักษ์มาช่วย
ดังนั้นถ้าไม่ใด้ต้องการยกชุด PA ออกไปเล่นกลางแจ้งนอกบ้านก็ซื้อ mixer ตัวเล็กมาต่อกับชุดเครื่องเสียง hifi บ้านจะใด้เสียงที่ธรรมชาติที่สุดครับ
วันนี้ผมใด้ฟังชุด PA ราคาเกินครึ่งล้านในงาน meeting ที่จัดใน ball room เสียงน่าประทับใจมากแต่ผมกลับมานั่งฟังเพลงที่บ้านในห้องขนาด 4x4 นี่เครื่องเสียงบ้านเพราะกว่าเยอะครับ
เรื่องเครื่องเสียงบ้านประเภทไหนเหมาะกับการใช้เป็นชุดแสดงสดขอติดไว้ก่อนครับเพราะง่วงนอนแล้ว