Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
สวัสดีสงกรานต์ย้อนหลังคร้าบ….
Author Message
Non Wacharakiat Offline
Elvis Presley
***

Posts: 164
Likes Given: 0
Likes Received: 2 in 2 posts
Joined: 15 Jul 2010
Reputation: 3
#1
สวัสดีสงกรานต์ย้อนหลังคร้าบ….
สวัสดีสงกรานต์ย้อนหลังคร้าบ….

ผมไปแอ่วเมืองภารตะช่วงสงกรานต์ (6-16 เมษายน 2555) เลยเก็บเรื่องสนุกๆ มาฝากครับ...

- วันแรก มาถึงสนามบินช่วงบ่ายๆ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าเราชั่วโมงครึ่ง) ไกด์ชื่อสุเรน (เลยจำเป็นพระยาสุเรนทร์) มารับขึ้นรถไปเที่ยวพระราชวังของพระนางวิกตอเรียแห่งอังกฤษ จากนั้นไปหาร้านอาหารทานที่พลาซ่าแห่งหนึ่ง อาหารอร่อยดี เสร็จแล้วนั่งรถไปต่อรถทัวร์เพื่อเดินทางไปอีกเมือง ค้างคืนบนรถ หลับๆ ตื่นๆ เพราะรถขับเหวี่ยงไปมา ผู้โดยสารก็ขึ้นๆ ลงๆ มาเอากระเป๋าขึ้นไปไว้ช่องเก็บโดนไหล่ผม คุยกันเสียงดัง ไม่มีมารยาทเหมือนบ้านเรา
- วันที่สอง ถึงช้าไปหน่อย ประมาณเกือบเที่ยง หิวมากเลยสั่งข้าวหมกแพะคนละที่ มีผมทานหมดคนเดียวเพราะที่ใหญ่มาก จากนั้นนั่งรถ 2 คันไปเมือง Darjeeling ที่เป็นแหล่งปลูกชาส่งขายทั่วโลก และยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เป็นที่นัดพบของพระราชาและพระราชินีองค์สุดท้าย (เป็นชาวแคลิฟอร์เนีย อายุคราวลูก) แห่งสิกขิมเมื่อหลายสิบปีก่อน มื้อเย็นไปทานร้นอาหารไทย มีน้ำพริกกะปิและผักให้เหมือนร้านปักษ์ใต้บ้านเราเลยครับ อาหารอร่อยดี จากนั้นไปเดินตลาดนัดในเมือง แล้วกลับมานอนครับ
- วันที่สาม เดินทางไปเมือง Pelling ค้างหนึ่งคืน ฝนตกเกือบตลอดทาง มื้อเย็นเดินจากโรงแรมไปทานอาหาร อร่อยทุกอย่าง พ่อครัวและเด็กเสิร์ฟบริการดี และอารมณ์ดี คืนนี้ก่อนนอนยังคิดถึงเมย์ว่าจะทำอะไรอยู่ แต่ไม่ได้ฝันถึงเมย์ครับ
- วันที่สี่ ทานอาหารเช้าที่ร้านเดิม เปิดประตูร้านไปพ่อครัวกำลังเก็บที่นอนที่ปูนอนในร้าน แล้วก็ออกมาต้อนรับแบบตลกๆ ว่าร้านเปิด พร้อมให้บริการแล้ว จากนั้นก็พาเดินไปอีกฟากของร้าน จากนั้นออกเดินทางไปวัดเก่าแก่อันดับสองของสิกขิม จากนั้นไปเที่ยวพระราชวังเก่าของพระราชาและพระราชินีองค์สุดท้ายแห่งสิกขิม ทางเดินสวยมาก หินที่ใช้ปูมีแร่เงางามมาก เข้าพักที่เมืองหลวงเก่าของสิกขิมแห่งนี้ ทานอาหารเย็นแบบสิกขิม (แบบว่าครั้งเดียวเลิก เพราะไม่ได้ความเลยครับ... ถ้าให้กินทุกมื้อ สัปดาห์นึงผมคงผอมไปเยอะอะนะ)
- วันที่ห้า ทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นออกมาฝนตกมาทั้งคืน รถที่จอดไว้ติดหล่ม สุเรนต้องช่วยเข็นขึ้นมา พอขึ้นมาในรถระหว่างทาง เจอทากเกาะที่ขากางเกงยีนส์ เลยจอดเพื่อดึงออก จากนั้นคิดว่าหมดแล้วจึงออกรถ สักครู่ผมก็หลับ ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนรถเบรกกะทันหัน เท้าที่ยันกับพื้นรู้สึกว่าเหมือเหยียบผลไม้เย็นๆ นิ่มๆ พอยกขึ้นมาพบว่าเลือดเต็มเท้าเลย แล้วตัวทากนอนอ้วนอยู่ข้างๆ เลยเอาทิชชู่จับทิ้งไปนอกรถ พอถึงที่ท่องเที่ยวผมก็ล้างน้ำ กลิ่นเลือดคลุ้งเลย แต่ไม่เจ็บและไม่มีแผลแม้แต่น้อย ไปเที่ยวโรงเรียนลามะทิเบตที่มีชื่อเสียงของสิกขิม จากนั้นเข้าโรงแรมที่เมือง Gangtok ทานอาหารใกล้ๆ โรงแรม คืนนี้ผมเหนื่อยมาก เลยหลับไปไม่รู้เรื่องเลย
- วันที่หก ตื่นเช้าทานไวไวที่เตรียมไปเพราะทุกคนเริ่มเบื่ออาหารแขกแล้ว จากนั้นนั่งรถไปต่อรถจี๊ปขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อไปสิกขิมเหนือ (คันแรกที่พ่อแม่และเพื่อนพ่อนั่งยี่ห้อ TATA คันที่ผมกับพี่สาวและเพื่อนพี่สาวนั่งยี่ห้อ MAHINDRA) ระหว่างทางแวะพัก ผมทานอาหารท้องถิ่น ใส่จานใบไม้มาให้ เก๋ดี จากนั้นไปเมือง Lachung มื้อค่ำวันแรกผมเข้าครัวเองใต้แสงเทียน (เพราะไฟดับ) ที่นี่ใช้เตาแก๊สและเตาน้ำมันก๊าด (ที่ผมเพิ่งเคยเห็น) ทำกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา ซุปโครงไก่ (ที่พ่อครัวเอาเนื้อไปทำแกงกะหรี่) ใส่ขิงและกระเทียม สักครู่ไฟมา จากนั้นก็แยกย้ายกันอาบน้ำนอน พื้นห้องน้ำเย็นมาก
- วันที่เจ็ด ตื่นเช้าเพื่อทานอาหารและรีบไปเมือง Yungtang แต่โชคไม่ดีทางที่ไปโดนหิมะถล่มกั้นช่วงอีกประมาณ 16 กม. จะถึง เลยแวะตรงจุดนั้น ปีนขึ้นเขาไปเพื่อดูหิมะและถ่ายภาพทิวทัศน์ อากาศเย็นสบายดี (ประมาณ 5 องศา) ลงมาก็เข้าครัวทำอาหารกลางวัน คือ ไวไวผัดต้มยำแห้ง แล้วตอนบ่าย (ไฟดับอีกแล้ว) หลังอาหารกลางวัน พวกพ่อแม่ พี่สาวและคนอื่นๆ แยกย้ายไปซ่อนตาดำ ผมก็เตรียมทำลาบไก่ กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ซุปโครงไก่ใส่ขิง (แต่วันนี้ไม่ใส่กระเทียมเพราะรู้สึกว่ากลื่นมันตีกัน) ระหว่างนั้นสุเรนก็พาคนญี่ปุ่นสองคนมา เขาไหว้และพูดสวัสดีกับผม พอผมทำเสร็จออกมาคุย เขาบอกว่าเขาเคยทำงานบริษัทท่องเที่ยว แต่ตอนนี้ออกมาตั้งบริษัทเองสองคน คนนึงชื่อ Hirofumi พ่อเขาอยู่ที่คอนโดแถวนนทบุรี ชอบอาหารไทยมาก ตำส้มตำเป็น อีกคนชื่อ Takeshi พูดภาษาเนปาลได้คล่องมาก เลยแลกนามบัตรกัน หลังอาหารค่ำมีรีเควสต์ของหวานขอมันต้มขิง (ผมไม่เคยทำเลย) แต่ดูในครัวแล้วมีแต่มันฝรั่ง เลยดัดแปลงเอาฟักทองแทน สุเรนที่ไปด้วยชิมแล้วขอเบิ้ลเลยครับ ส่วนแฟนของเพื่อนพ่อขอให้ทำไข่หวาน ผมเลยเอาน้ำขิงมาส่วนนึง เพิ่มน้ำตาลและเกลืออีกหน่อย พออิ่มก็อาบน้ำไก่ (ซักแห้ง) เพราะไฟดับ น้ำเย็นมาก วันนี้ไม่ได้พักเหมือนคนอื่น เลยหลับสนิทเลยครับ
- วันที่แปด ตื่นมาทานอาหารเช้า สุเรนรีบมาบอกว่าเส้นทางที่จะไปเมือง Lachen โดนหินถล่มปิดกั้นทาง เพราะฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่บ่ายของเมื่อวาน เลยไปเที่ยวชมเมือง Lachung ทิวทัศน์ริมแม่น้ำสวยดี ลำธารผ่านเมืองสวยดี แต่คนไม่มีระเบียบจึงมีถุงพลาสติกเต็มไปหมด เดินมาสักครู่เห็นผู้หญิงคนนึงเดินจูงเด็กมาสองคน พอแฟนเพื่อนพ่อถาม (ภาษาอังกฤษ) ก็ทราบว่าเป็นคุณครูกับนักเรียน คนนึงสองขวบครึ่ง อีกคนสามขวบครึ่ง น่ารักมากๆ เดินเตาะแตะๆ แบบสดชื่น จากนั้นก็มานั่งที่โรงเรียน (ที่ดูไม่ค่อยเหมือน) นั่งเรียนกันกลางแจ้งสามคน เด็กสองคนถือ Tablet สิกขิม (กระดานชนวน) เรียนหนังสือ พี่สาวเก็บรูปมาเต็มเลย จากนั้นเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำกลับมา เห็นแม่เดินจูงลูกในชุดนักเรียนมาสองคู่ เด็กรีบวิ่งเพราะใกล้จะเข้าเรียน (สิบโมง) แล้ว กลัวมาสาย สุเรนก็บอกว่าที่นี่เลิกเรรียนแค่บ่ายโมงเอง จากนั้นก็กลับมาเก็บของที่รีสอร์ท ออกเดินทางซึ่งระหว่างทางยังเคลียร์ไม่เสร็จ รอรถตักมาเคลียร์ทางเกือบสี่ชั่วโมง ทานข้าวกลางวันบ่ายสอง จากนั้นออกเดินทางต่อ ระหว่างทางประมาณสี่โมงเย็น ฝนตกหนัก หินถล่มมาปิดทางอีกแล้ว ข้างหน้าเห็นน้ำป่า (สีโอวัลติน) ไหลบ่าลงมาสองสาย ผ่านถนนลงหุบเหว ปรึกษากับสุเรนว่าเราจะถอยดีมั้ย?? เพราะดูมันเสี่ยง ไปได้พรุ่งนี้อาจจะกลับไม่ได้ แต่ไม่มีทางเลือกเพราะทางข้างหลังที่ผ่านมาก็โดนถล่มเหมือนกัน (ถอยก็ไม่ได้) ระหว่างที่รอรถตักมาเคลียร์ คนขับทุกคัน และผู้โดยสารบางคนไปช่วยกันขนหินออก ผมก็ไปด้วย หินหลายๆ ก้อนใหญ่และหนักมาก จะเข็นหรือยันยังไงก็ไม่สะท้าน เคลี้ยร์ไปได้สักพัก รถคันที่พ่อแม่ผมนั่งได้ลองขับข้ามไป ก็ข้ามไม่ได้ ถอยกลับมายังลำบากเพราะติดหล่ม ประมาณสองทุ่มรถตักมาถึง ไปถึงที่พักสามทุ่มครึ่ง ผมหิวมาก (แต่ไปอาบน้ำก่อน เพราะกลัวไฟดับ) เลยซัดไปสองจาน กับชานมอีกกา คืนนี้ใช้แรงมาก เลยเหนื่อยและหลับยาวครับ
- วันที่เก้า ตื่นแต่เช้า ออกเดินทางไปชมทิวทัศน์ภูเขาหิมะ ทานอาหารระหว่างทาง เป็นร้านเล็กๆ ที่ดูไม่เหมือนร้านอาหาร เข้าไปเพิ่งติดเตาน้ำมันก๊าด กลิ่นคลุ้งแสบตา เลยออกมาถ่ายรูปก่อน จากนั้นก็ไปทาน เสร็จแล้วลูกสาวเจ้าของร้านก็เข้ามาล้างจาน แล้วก็เดินทางต่อไปยังจุดหมาย (ซึ่งผมได้ทำสัญลักษณ์ว่าไปถึงแล้ว คือ ไปถ่ายเบาไว้ที่หลักกิโลที่ 1405) จากนั้นกลับมาทานอาหารกลางวันที่ที่พัก ผมก็ทำลาบไก่ โดยเอากะหล่ำปลีใส่ลงไปเคล้าให้กึ่งสุกเลยครับ จากนั้นเดินทางมายังเมือง Gangtok เพื่อค้างที่โรงแรมเดิม แต่ตอนเย็นเดินที่ถนนคนเดินที่เมืองนั้น (มองหาร้านเน็ตไม่มีสักร้าน ถามอาๆ ที่ไปด้วยยังบอกว่าแปลก เพราะเขาเคยไปเมืองราชสถานยังมีเลย แต่ที่นี่เมืองใหญ่กลับหาไม่เจอ)
- วันที่สิบ ออกจากเมือง Gangtok แวะขึ้นกระเช้าชมเมือง จากนั้นก็เดินทางต่อเพื่อมาขึ้นรถไฟต่อ แต่กลางทางเกิดยางแตก สุดท้ายไปทันรถไฟ ซึ่งมาช้าไปเกือบสองชั่วโมง ทุกคนได้เตียงบนหมดเลย แต่ทำให้ได้รู้จักคุณปู่กับหลานชายที่มาดูแล (น่ารักมาก เหมือนคนไทยที่ดูแลญาติผู้ใหญ่) คุยกันเยอะเลยแลกเปลี่ยนอีเมล์กัน เผื่อทำธุรกิจกัน ส่วนเจ้านายของสุเรนที่มารับช่วงต่อก็คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ จากนั้นก็เข้านอนแบบไม่ค่อยหลับ เพราะต้องนอนกับเป้ใบใหญ่ของผมที่ไม่มีที่วางข้างล่าง (กระเป๋าพี่สาวใบเดียวก็เต็มแล้ว)
- วันที่สิบเอ็ด (วันสุดท้าย) ตื่นเช้ามาคุยกันต่อ ประมาณเก้าโมงถึงสถานี ร่ำลากับสองปู่หลาน เดินทางไปสนามบิน หวาดเสียวมากเพราะรถติด กลัวไปถึงไม่ทัน พอไปถึงหัวหน้าสุเรนก็ร่ำลาทุกคน แล้วทิ้งท้ายกับผมว่า "ครั้งหน้าหวังว่าคุณคงแต่งงานแล้วนะ" ผมก็ยิ้มๆ เดินมาหาอะไรทาน ได้หนังสือตำราอาหารอินเดียขนานแท้ และอาหารเลบานอนก่อนขึ้นเครื่อง จากนั้นขึ้นเครื่องผมก็หลับมาตลอดจนถึงสุวรรณภูมิ แล้วก็ไปทานอาหารทะเลล้างท้องที่ปากน้ำ... แซ่บสะเด็ด!!

เหตุการณ์คร่าวๆ ก็เป็นประการฉะนี้ล่ะคร้าบ... พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ ไปไหนกันมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ ^^
RoCk YoUr HeArT wItH Non W. Presley
[Image: 41814_351555910336_5279_n.jpg]
081-306-8585
nonwpresley@yahoo.com
Youtube: Non W. Presley
(This post was last modified: 21-04-2012, 11:28 by Non Wacharakiat.)
20-04-2012, 15:05
Find Like Post Reply


Messages In This Thread
สวัสดีสงกรานต์ย้อนหลังคร้าบ…. - by Non Wacharakiat - 20-04-2012, 15:05

Forum Jump:


Users browsing this thread: 2 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication