เนื่องจากคำภาษาไทยจะมีความหมายเปลี่ยนไปตามวรรณยุกต์ เช่น วาย ว่าย ว้าย แต่คำภาษาอังกฤษ Why
ไม่ว่าจะออกเสียงอย่างไร ยังคงมีความหมายเดิม แต่เสียงสูงต่ำจะสื่อถึงอารมณ์และลักษณะของประโยค บอกเล่า คำถาม
ดังนั้นการเขียนคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศ จะไม่มีวรรณยุกต์ โดยสะกดตามรากศัพท์เดิม
โดยมีเครื่องหมายทัณฑฆาต มาฆ่าเสียงที่ไม่ต้องการออกเสียง New York นิวยอร์ค นิวยอค ตัว r ถูกแทนที่ด้วย ร
แต่ไม่ออกเสียงจึงใช้เครื่องหมายทัณฑฆาต มาฆ่าเสียง ร
(ทัณฑฆาต ต่างจาก ตัวการันต์ อย่างไร)
(ยกเว้นคำที่มีเสียงซ้ำกับคำไทย จนทำให้เกิดความสับสน อาจใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ได้ เช่น โค้ก แก๊ส)
Chrome Chromatic Chord ในที่นี้แทนเสียง CH ด้วยตัว ค จึงเขียนว่า คอร์ด
( แต่ฝรั่งไม่ได้ออกเสียง CH ด้วยเสียง ค เสมอไป Chair Choice Chocolate ในที่นี้แทนเสียง CH ด้วยตัว ช )
ภาษาย่อมมีวิวัฒนาการของมัน(ยกเว้นภาษาละติน)หนังสือราชการสมัยเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว เหนเปนอันมาก = เห็นเป็นอันมาก
สมัยนั้นยังไม่ใช้ ไม้ไต่คู้ เพื่อกระชับให้ออกเสียงสั้น อย่างคำว่า
ทุเรศ ว่ากันว่ามีที่มาจากคำว่า
too late
คำอังกฤษ พูดไปพูดมาจนเป็นที่นิยมเลยเป็นคำไทย แต่คำไทยแท้มันไม่ขลัง เลยสะกดด้วย ศ ให้คล้ายคำจากภาษาอินเดีย
ตอนเด็กๆผมเคยถามครูภาษาไทยว่า 11 ทำไมต้องอ่านว่า สิบเอ็ด ปรากฏว่าไม่เคยได้รับคำตอบ
จนเมื่อได้พูดคุยกับคนไต ที่เชียงตุง คนลื้อ ที่สิบสองปันนา ต่างก็พูดว่า สิบเอ็ด เหมือนกัน
สรุปว่าเป็นคำโบราณใช้กันมาตั้งแต่คนเผ่าไทยังไม่แบ่งแยกเป็น ไทย ลาว ไต ลื้อ ฯลฯ
แม้แต่เลข ๑๒๓๔๕๖๗๘๙๐ นี่ก็ยืมเขมรมาใช้เหมือนกัน
http://thephnompenhcambodia.com/cambodia...-language/
เดิมเราใช้ตัวอักษรสำหรับจดบันทึก ต่อมาใช้ส่งจดหมายสื่อสารกัน การโต้ตอบมันใช้เวลานาน แต่ตอนนี้เราใช้สื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค
การโต้ตอบมันรวดเร็ว และบางครั้งยังต้องการสื่อถึงอารมณ์ในขณะนั้นอีก
ในอนาคตภาษาอินเตอร์เน็ตก็จะมีวิวัฒนาการของมันไปเรื่อยๆ ซึ่งผมไม่เห็นว่าแปลกอะไร เพราะมนุษย์คิดภาษาเพื่อมารับใช้เรา
สำหรับเรื่องแก้หรือไม่แก้ถ้าใช้หลักว่า คำที่ใช้กันจนเป็นที่นิยมจนเป็นคำไทยแล้ว ไม่ควรแก้ครับ และดีใจที่สรุปว่าตอนนี้เค้าไม่แก้แล้ว
http://www.royin.go.th/th/profile/index....uleKey=127