Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
บทสรุป ความสมเหตุสมผล.. ตะปูตอกใจ..ก้อนหินก้อนนั้น.. คำขอโทษ..
Author Message
โฟล์คน้อย Offline
เจ้าสำนักเสี้ยม! อิอิ..
******

Posts: 1,220
Likes Given: 0
Likes Received: 19 in 9 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 21
#1
บทสรุป ความสมเหตุสมผล.. ตะปูตอกใจ..ก้อนหินก้อนนั้น.. คำขอโทษ..
บทสรุป ความสมเหตุสมผล.. ตะปูตอกใจ กับ ก้อนหินก้อนนั้น..

ผมนั่งอ่านสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกระทู้กีต้าร์ราคาสมเหตุสมผล..
ทบทวนเรื่องราวตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมเริ่มตั้งกระทู้

ผมคิดถึงเรื่องราวสองเรื่อง..
เรื่องแรก คือ นิทานเรื่อง ตะปูตอกใจ..ที่พี่โจ๊ก (Folkenman)เคยนำมาเล่าให้ฟังในบ้านหลังนี้เมื่อนานมาแล้ว
เรื่องที่สอง คือ บทเพลง.. ก้อนหินก้อนนั้น ของคุณโรส ศิรินทิพย์..

นิทานเรื่อง "ตะปูตอกใจ.."ได้เผยแพร่ในอินเตอร์เนตมานาน..
รวมถึงบทเพลง "ก้อนหินก้อนนั้น.." ก็เคยให้แง่คิดกับใครหลายๆ คน..

หากใครเคยอ่านนิทานตะปูตอกใจมาบ้างแล้ว
ก็ขอให้เปิดบทเพลง ก้อนหินก้อนนั้น.. ฟังไปพลาง..
ก่อนที่จะอ่านตอนท้ายของกระทู้นี้..

หรือหากใครยังไม่เคยผ่านตา ก็ขอให้แข็งใจลองอ่าน "ตะปูตอกใจ.." สักครั้ง ผมว่าเป็นเรื่องราวที่ให้แง่คิดที่ดีมาก..


..............................................


มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุง และบอกกับเขาว่า..
“ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู 1ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน”

วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว
และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป ก็ลดจำนวนลง
น้อยลง.. น้อยลง..

เพราะเขารู้สึกว่า การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ
ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ..

และแล้ว หลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น..
เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อ

และบอกกับพ่อของเขาว่า.. เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว
ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็นมา
พ่อยิ้ม..
และบอกกับลูกชายของเขาว่า

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้
โดยทุกๆ ครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองได้
ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว ทุกครั้ง”

วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออก.. ทีละตัว จาก 1 เป็น 2
…. จาก 2 เป็น 3 ..
จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก.. จนหมด
เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า..

“ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!”
พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน และบอกกับลูกว่า..

“ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ เจ้าเห็นหรือไม่ว่า..
รั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น

จำไว้นะลูก..

เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล..
เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน
ต่อให้ใช้คำพูด.. ว่า.. “ขอโทษ” สักกี่หน
ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้..

ฉันใดก็ฉันนั้น “กับเพื่อน” ..
เพื่อนเปรียบเสมือน อัญมณีอันมีค่าที่หายาก
เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม.. เป็นคนที่คอยให้กำลังใจ.. และยินดีเมื่อเราพบกับความสำเร็จ
เป็นคนที่คอยปลอบใจเราเมื่อยามเศร้า.. ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา และจริงใจกับเราเสมอ …

แสดงให้เขาเห็น..
ว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน.. และระวังสิ่งที่เราทำไป
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจดจำไว้เสมอว่า ” คำขอโทษ ”
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น
คือ รอยร้าวที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้ …… ตลอดไป”


....................................

"ก้อนหินก้อนนั้น.."


ผมพบว่าความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตคนเราที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

คือ "ความคิด.." ไม่ว่าจะของตัวเราเอง หรือของใคร..

เมื่อวันใดที่เราบังเอิญเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางความคิดนั้น ไม่ว่าเราจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ผลกระทบมันจะเปรียบเหมือนกับคลื่นที่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
และความคิดนั้นมันก็เปรียบเหมือนกับก้อนหินที่ดำดิ่งลึกลงไปในใจเรา

คลื่นของความคิดนั้นจะมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด.. ก็อยู่ที่ขนาดของก้อนหินก้อนนั้น
หรือความคิดนั้นที่หล่นกระแทกลงไปบนผืนน้ำ..
แต่สักวันหนึ่ง คลื่นที่กระจายออกไปเป็นวงๆ นั้นจะค่อยๆ บางเบา และก็สงบลงตามธรรมชาติของมัน..

แต่ถ้าเรากระโดดตามลงไปในผืนน้ำ.. กระโดดตามก้อนหินก้อนนั้นลงไป..
เราจะเหนื่อยกับการแหวกว่ายในผืนน้ำ..
เหนื่อยกับคลื่นที่จะกระทบเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า..ไม่มีสิ้นสุด..
จนกว่าที่เราจะสามารถว่ายกลับถึงฝั่งด้วยตัวของเราเอง

อาจมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาฉุดดึงตัวเราขึ้นมา..
หรือเราอาจจะหมดแรงจมลงไปในผืนน้ำนั้นเสียก่อนที่จะมีคนเข้าไปถึงตัวเรา..

.....................................

"ตะปูตอกใจ.."


ความคิดหนึ่งที่ยากที่สุดในการกระทำ.. คือ "การให้อภัย.."
ให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะด้วยเหตุแห่งการตั้งใจให้เกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม..
ให้อภัยกับตัวเอง และผู้อื่น..

หลายครั้งความหวังดีก็อาจเป็นการทำร้าย..
สิ่งที่เราทำลงไปไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีเพียงใดก็ตาม
มันอาจส่งผลกระทบสู่คนอื่นด้วยการกระทำนั้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ..

อาจมีหลายคนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเรา
อาจมาก.. หรืออาจน้อย..
อาจดี.. หรืออาจเลวร้าย..
แต่เราก็เป็นผู้ทำให้มันเกิดขึ้น..

หากเรายอมให้อภัยตัวเอง.. ให้อภัยผู้อื่น..
ให้อภัยกับทุกสิ่งที่เป็นผลกระทบจากการกระทำของเรา
และ/หรืออาจพัดหวนกลับคืนมาสู่เรา.. ในวันข้างหน้า..

สักวันหนึ่ง.. ผู้อื่นก็อาจให้อภัยเรา..

กับเพื่อนทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากกระทู้ที่ผมได้แสดงความคิดเห็นนั้น..
ผมขอใช้พื้นที่นี้กล่าวคำ "ขอโทษ.."

และหากมีก้อนหินก้อนนั้นในมือของใคร..
ผมหวังเพียงว่าเราจะยอมปล่อยมัน..
คลายมือ.. และโยนออกไป..


....................................




เนื้อเพลงพร้อมคอร์ดกีต้าร์ / guitarandchord.com
https://www.facebook.com/guitarandchord.in.th
...............................................................
04-05-2013, 20:39
Find Like Post Reply


Messages In This Thread
บทสรุป ความสมเหตุสมผล.. ตะปูตอกใจ..ก้อนหินก้อนนั้น.. คำขอโทษ.. - by โฟล์คน้อย - 04-05-2013, 20:39

Forum Jump:


Users browsing this thread: 1 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication