### รับเข้าบ้านอีกตัวกับ ALVARES MFA-70 (All solid) ###

[bujarati]

ช่วงนี้งานประจำผมเริ่มซาๆลง เลยได้ฤกษ์งามยามดี เอาเด็กใหม่เข้ามาบ้านแบบ งงๆ
ตัวนี้ผมเพิ่งถอยมาจากร้าน Cin guitar ที่เพิ่งมาเปิดสาขาใหม่ที่ The Promenade ติดแฟชั่นไอร์แลนด์ กทม. ได้มาระยะนึงแล้ว
แต่ช่วงที่ผ่านมา ติดธุระหลายๆอย่าง เลยไม่มีเวลาถ่ายเอามาลงสักที

ตัวนี้ยี่ห้อ Alvarez รุ่น MFA70 (ถอดรหัสแบบเดาๆ นะครับ M=Master Works Series / F=Folk / A=All solid มั้งครับ 555 ไม่แน่ใจ)
ตัวนี้เป็นรุ่น All solid ซึ่งอยู่ในซีรีย์ Master Works A70 Series Folk ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นสูงสุดที่อยู่ที่ร้าน ณ ตอนนี้ (ถ้าไม่รวมรุ่น Cutaway + ภาคไฟฟ้า)



เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะไปซื้อหรอกครับ แต่พี่ชายผมที่ ตจว. ชอบยืมกีตาร์ผมไปเล่นบ่อยๆ ยังไม่มีกีตาร์ของตัวเองสักที
สุดท้ายหลังๆคงเกรงใจ พี่ผมก็เลยเกริ่นๆว่า งั้นช่วยเลือกมาให้หน่อยล่ะกันจะได้ไม่ต้องมายืมอีก เค้าอยากได้ทรงเล็กๆ แต่อยากได้เสียงดังพอๆกับทรง D
ก็เลยสรุปไปที่ทรง OM ล่ะกัน

ประจวบเหมาะกับ Cin guitar มาเปิดสาขาที่ กทม. พอดี เลยได้โอกาสลงตัว
แรกๆผมแค่ตั้งใจว่าอยากจะไปลองเสียงทรง OM ว่าเสียงเป็นยังไง คุ้มกับราคาไหม เพราะพี่ผมมันตั้งราคาไม่เกิน 3หมื่น (แต่นี่เกินไปนิด)

พอดีที่ร้าน มีรุ่นนี้เหลืออยู่แค่ 2 ตัว จริงๆมาเยอะกว่านี้ แต่โดนร้านตัวแทน ตจว เหมาไปหมด (เศร้า)
ผมก็เลยนั่งลองได้แค่ 2ตัว สลับไปมาได้เกือบ 1 ชม. สรุปก็เลยตกลงเอาตัวนี้มาแบบ งงๆ

มาลองดูสเปคกันครับ





มาดูด้านหน้ากัน ทรง OM ไม่ Deep body
เฟรตบอร์ด ไม่มี Dot (ผมชอบนะ เหมือนงานกีตาร์ custom shop ดีเลย) มีแต่ Inlay มุกเท่ๆ โดดเด่นเฉพาะเฟรตที่ 12
แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือกีตาร์น้ำหนักเบามาก (นึกถึงยี่ห้อ Santa cruz เลย) ยืนเล่นนานๆไม่เมื่อยแน่นอน




ซูมมาดูใกล้ๆ อีกนิด จะเห็นมุกประดับที่ Rosette และ Purfling รอบตัว (หรูหราแบบเรียบง่าย ไม่ลิเก) Binding ใช้ Flame Maple ลายจัดจ้าน สีตัดกับไม้ข้าง
Indian Rosewood ลงตัว โดยรวมถือว่า Alvares ตกแต่งมาลงตัวดีครับ



มาดูเกรนไม้หน้ากันครับ จากสเปคที่เค้าระบุไว้ Sitka เกรด AA ผมพยายามถ่ายรูปไม่ใช้แสงมาก เพราะเดี๋ยวไม่เห็นเกรนที่ชัดเจน
ไม้หน้าที่ Alvares เลือกมาทำ ค่อนข้างคัดเกรดได้สวยทีเดียว



รุ่นนี้ มีแถม Hardcase ให้มาด้วย (แต่ถ้ารุ่น all laminate กับ top solid จะไม่มีให้นะครับ) ภายในบุมาอย่างดี



Hardware ตัวล็อค หรูหรา สไตล์ Chic ค่อนข้างแนวมากครับ งานปราณีตมาก




ภายในเก็บงานเรียบร้อยมาก Bracing ส่องไป เทียบไม่เจอเสี้ยนโผล่ให้เห็น ถือว่า QC เค้าได้มาตราฐานมากครับ



ขอข้ามมาดู ที่ไม้หลัง Solid East Indian Rosewood เกรนเรียงตรงสวยงาม



ขนาดตูดกีตาร์ยังใส่ใจ ใส่หมุดสะพาย Hardware สีทองมาให้ด้วย (ไม่ใช่พลาสติกขาวๆทั่วไป) สังเกตุที่ Binding ลายเฟรมจัดมากครับ



คอกีตาร์ใช้เคลือบแบบกึ่งด้าน ผม ok เลยครับ เวลาเล่นถ้ามีเหงื่อก็ไม่ค่อยฝืดมือดีครับ แถมมีหมุดสะพายสีทอง ใส่ติดมาให้อีกตัว
Alvares ไม่กั้กของเลย ใส่มาครบ จัดเต็ม



หัวกีตาร์แปะด้วยไม้ Rosewood ส่วน Inlay logo ใช้ Abalone มุกเช่นกัน ไม่ใช่พลาสติกสีขาว



ส่วนด้านหลัง Alvares เพิ่มความหรูหราโดยจัดลูกบิดสีทองมาให้พร้อมใบลูกบิดทำจากไม้ Ebony (ไม่ใช่พลาสติกสีดำ)
เพิ่มเติมอีกนิดครับ ลูกบิดผมไม่รู้ว่า Alvares ใช้ยี่ห้ออะไร แต่ดูจากรูปทรงแล้ว คล้ายๆกับ Grover แต่หมุนดีมากๆครับ
จากความรู้สึกผมเป็นลูกบิดที่ผมพอใจมากรองจาก Gotoh510 เลยทีเดียว

ปกติเวลาเปลี่ยนสาย หมุนขึ้นสายตั้งคีย์ ถ้าเป็นลูกบิดเกรดทั่วๆไป ที่ใช้ในกีตาร์ราคาไม่เกิน 3-4 หมื่น เวลาผมหมุนตั้งคีย์จนใกล้จะถึงคีย์มัน มักจะเริ่มฝืด แน่น หมุนยาก จนทำให้เราระแวงไปเลยว่า กลัวสายมันจะขาดจัง
แต่สำหรับลูกบิดชุดนี้ ผมให้ 10 เต็มเลย บิดหมุนลื่นตลอดสบายมากจนถึงคีย์มัน แถมเพี้ยนน้อยมาก ตั้งคีย์ 2-3 รอบก็จบ
ทำให้ผมลดความกังวลเรื่องกลัวสายจะขาดไปได้มากเลย (ชอบมากๆ)



ต่อไปเฟรตบอรด์ จุดนี้ผมชอบตั้งแต่เห็นครั้งแรกที่ร้านแล้ว ปกติเวลาผมดูกีตาร์ ผมชอบสังเกตุว่ากีตาร์แต่ละยี่ห้อ มีอะไรที่พิเศษ แปลกตาไปกว่ากีตาร์ทั่วๆไปไหม

ปกติสายกีตาร์ ถ้าเราตั้ง action ไว้ต่ำ เสียงที่ได้จะค่อนข้างบาง แต่เล่นง่าย (ระยะห่างระหว่างสายกับ sound hole น้อย)
แต่ถ้าเราตั้ง action ให้สูงขึ้น เสียงที่ได้จะดังและมีพลังมากขึ้น (ระยะห่างระหว่างสายกับ sound hole มากขึ้น)

จากสิ่งที่ผมกล่าวมา ผมคิดว่า Alvares น่าจะคิดถึงจุดตรงนี้ ว่าทำยังไงจะให้คนเล่นๆ ได้สบายนิ้ว แต่ให้มีเสียงที่ดังและพลังมาก
ผมเลยคิดว่า เค้าก็เลยทำ Fretboard ให้หนากว่ากีตาร์ปกติที่ใช้กัน (ไม่รู้กี่ มม. นะครับ แต่ถ้ามองด้วยตาจะรู้เลยว่าหนากว่าปกติ)
เพื่อให้ระยะห่างระหว่างสายกับ Sound hole มากขึ้น




ส่วนอีกจุดที่ Alvares ใส่ใจ คือ บริดท์ มีการขุดเป็นพื้นให้ต่ำอีกระดับเพื่อให้แรงกดสายทำมุมมากขึ้น ทำให้เสียงที่ดีด ออกมาได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น



หมดแล้วครับ อย่างที่บอกครับ จากตั้งใจจะไปลองๆเล่นๆ ดันได้กลับมาบ้านเฉย ถือว่าเป็นกีตาร์อีกยี่ห้อที่ทำออกมาได้เนี๊ยบ เก็บงานดีได้มาตราฐาน
รวมทั้งโครงสร้างของตัวกีตาร์เองด้วยที่ทำตามหลัก ไม่ว่าจะตัวเฟรตบอร์ดที่ยกสูงขึ้นก็ดี หรือบริดท์ที่ขุดให้ต่ำลงอีกระดับ
เพื่อที่จะให้เสียงที่เล่นออกมา ออกมาได้เต็มศักยภาพ



คาแล็คเกอร์ของเสียง
เนื่องจากสายที่ติดมากับตัวกีตาร์ ยังเป็น Dad เบอร์12 รุ่นกลางๆอยู่ เสียงผมว่า มันยังเค้นออกมาได้ไม่เต็มที่ เลยจัดการเปลี่ยนใส่ Elixir 12-53 PB Nano แทน (โอ้วว..) เหมือนกีตาร์คนละตัวเลยครับ รวมทั้งผมจัดการเปลี่ยน Saddle จาก Bone เป็น Tusq เบสตอนนี้ค่อนข้างเด้ง เสียงหล่อเลย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เป็นลูกใหญ่ๆ โทนอุ่นๆ เหมือน Bone แต่ Tusq สำหรับผม ตอนนี้ออกมาพอใจมากๆครับ
ส่วนแหลมสด พุ่ง ดีมาก สดกว่ากีตาร์ทุกตัวในกรุผม เรื่องเสียงดังไม่ต้องพูดถึง ดังลั่นทุ่งมากครับ