ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทางการสั่งปิดสถานเริงรมณ์ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้นักดนตรีส่วนใหญ่เดินทางมาหากินในChicago และ New York
*Chicago*
*ดูจะเป็นเมืองที่มีความก้าวหน้าทางดนตรีแจ็สมาก เป็นเมืองที่ทำให้ Louis Armstrong เป็นที่รู้จัก ChicagoมีดนตรีJazzที่สืบสายมาจากนิวออร์ลีนส์แต่จัดวงในแบบของตัวเอง เริ่มเอาเครื่องดนตรีใหม่ๆ เช่น
แซ็กโซโฟนมาใช้รวมกับ วงแบบดั้งเดิม ที่มีคลาริเน็ต และ ทรัมเป็ต
การเล่นเปียโนแบบStride piano (สำเนียงแบบดังโฉ่งฉ่าง) ของเจมส์ จอห์นสัน (James P. Johnson)
การทดลองลากโน้ตให้ยาวจนผู้ฟังคาดเดาได้ยากของอาร์มสตรอง
การปรับแพทเทิร์นของจังหวะกันใหม่เป็น Chicago Shuffle (อันนี้กระผมก็ไม่รู้จักเช่นกัน ใครรู้ช่วยอธิบายต่อด้วย)
*New York*
*สุ้มเสียงของดนตรีJazzใน New York พัฒนาเพื่อเป็นดนตรีเต้นรำให้ความสนุกสนานบันเทิง และเป็นบ่อเกิดของ สวิง (Swing) และ บิ๊กแบนด์ (Big Band) ในเวลาต่อมา
*"สวิง"(Swing) หมายถึงอิสระในการแสดงความคิดทางดนตรี ชื่อสวิงนี้มีที่มาจากจังหวะที่ฟังแล้วเหมือนไม่ลงตัว หรือเหมือนกับจังหวะมัน 'แกว่ง' นั่นเอง
*สวิงเป็นดนตรีที่ก่อให้เกิดการจัดวงแบบใหม่ที่เรียกว่า " Big Band " ซึ่งมีการแบ่งโครงสร้างเครื่องดนตรีเป็นสามส่วนคือ เครื่องทองเหลือง เครื่องลมไม้ และเครื่องให้จังหวะ
*จุดเด่นมากๆของนักร้องJazzคือการ "สแกต" (Scat) หรือเปล่งเสียง ฮัมเพลง แทนเครื่องดนตรี ซึ่งนับเป็นการแสดงคีตปฏิภาณของนักร้อง
*ราชาแห่งสวิง "เบนนี กู๊ดแมน" (Benny Goodman) เป็นนักคลาริเน็ต ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้ร่วมเล่นดนตรีกับพระบาทสมเด็จพร ะเจ้าอยู่หัว ..
*วงบิ๊กแบนด์ของกู๊ดแมน มีลักษณะต่างจากวงอื่นๆ ในยุคนั้นตรงที่ เปิดโอกาสให้นักดนตรีคนอื่นในวงได้เล่นโซโล แสดงความสามารถเต็มที่ กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟัง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น
*พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรด Jazz ประเภท Swing มากที่สุด และ1ในหลายเพลง Swing ที่จะทรงโปรดบรรเลงมากที่สุดคือเพลง When และมักเป็นเพลงสุดท้ายในการทรงดนตรีร่วมกับ คณะ อ.ศ.