Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
หายหน้าหายตา เพราะแบมแบมป่วย
Author Message
yodchula Offline
-1833 Custom Shop-
******

Posts: 1,676
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 26
#1
Sad  หายหน้าหายตา เพราะแบมแบมป่วย
ผมกลับมาแล้วครับ

ที่ผมหายไปเนื่องมาจาก ลูกสาวผมป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล
ไม่รู้ว่าโชคร้ายอะไร ป่วยติดๆกันสาม-สี่โรค ทำให้ต้องไปหยอดน้ำเกลือที่โรงพยาบาลนานเกือบอาทิตย์

เริ่มจากอาการแรกเมื่อคืนวันพฤหัสที่ 31 ม.ค. น้องแบมแบม(ลูกสาวผม) อาเจียนตลอดทั้งคืนตั้งแต่สามทุ่ม
จนถึงบ่ายสามโมงของวันศุกร์์ 1 ก.พ. รวม 12 ครั้ง แต่ผมพาไปโรงพยาบาลตั้งแต่อาเจียนครั้งที่สาม
ไปถึง คุณหมอก็ตรวจ และบอกว่าอาหารเป็นพิษ ก็ให้ยาต่างๆนาๆไปทาน และคืนนั้นผมก็ให้ลูก admit
อยู่ตั้งแต่คืนวันพฤหัสถึงเที่ยงวันเสารที่ 3 ก.พ. ลูกสาวผมก็กลับมาร่าเริงเป็นปกติ แต่ยังมีอาการท้องเสียอยู่
ซึ่งคุณหมอให้กลับไปทานยารักษาที่บ้านได้

เช้าวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. ผมสังเกตุเห็นปัสสาวะของลูกในแพมเพิสมีสีเข้มกว่าปกติ คือออกเป็นสีส้มอมน้ำตาล
แต่ลูกผมก็ยังร่าเริ่งอยู่เหมือนเดิม และยังท้องเสียอยู่แต่ผมไม่นิ่งนอนใจ พาไปโรงพยาบาล เอาแพมเพิสใหคุณหมอดู
คุณหมอเลยให้ตรวจปัสสาวะและอุจจาระ ผลออกมาลูกผมเป็นโรคกระเพาะปัสสวะอักเสบก็เอาผากลับมาทานที่บ้านหมอบอกว่า
ทานยาสาม-สี่วันก็จะหาย ส่วนอาการท้องเสียก็ยังมีอยู่แต่น้อยลงมากแต่จะรู้ว่าเชื่อโรคอะไรต้องรอผลเพาะเชื้อวันพุธ
หมอก็จ่ายยาฆ่าเชื้อให้กลับไปทาน

วันจันทร์ที่ 4 ก.พ. ลูกผมก็ทานยาที่หมอสั่ง ฉี่ก็สีจางลงไปมาก ผมก็สบายใจ อาการท้องเสียก็มีนิดหน่อยแต่ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ

คืนวันอังคารที่ 5 ก.พ. ลูกผมก็ท้องเสียมากขึ้น และมีอาการปวดท้องให้เห็น
คือลูกผมอายุ 1 ปี 4 เดือน แกพูดได้แค่บางคำ ยังบอกอาการเราไม่ได้
แต่พอจะบอกได้ว่าปวดท้องเพาะลูกผมเอาขาปิดกันตีไปมา และร้องไห้ไม่หยุดจนถ่ายเสร็จถึงหยุดร้อง
และดูแล้วก็ท้องเสียมากขึ้น และเริ่มมีไข้ แกถ่ายไปสองครั้งผมก็พาไปโรงพยาบาลเลย
คราวนี้ลูกผมซึมเลยครับ ไม่ยิ้มไม่เล่นไม่หัวเราะ หมอเลยให้น้ำเกลือ
ตอนเจาะแขนให้น้ำเหลือนี่ผมสงสารลูกมากๆ น้ำตาจะไหล เพราะพยาบาลมารุมจับแขนขาไว้แน่
กลัวว่าดิ้นแล้วจะทำให้ต้องเจาะแขนหลายครั้ง ลูกผมทั้งร้องไห้ ส่งเสียงร้องเรียกแม่ไม่หยุด
แววตาแกหวาดกลัวมากๆ ผมก็ได้แต่ลูบหัวแล้วบอกแกว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เดี๋ยวแบมแบมก็หายนะ
ป๊าอยู่นี่ แม่อยู่นี่..... ไม่รู้จะพูดยังไง มันเหมือนโลกจะพัง จริงๆก็แค่เจาะแขนให้น้ำเกลือ
สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องจิ๊บจ๋อยไม่น่ากลัวเลย แต่เห็นลูกโดนเจาะแล้วมันเจ็บยิ่งกว่าตัวเองโดนไม่รู้กี่ร้อยเท่า.....

หลังจากให้น้ำเกลือแล้ว หมอก็เริ่มจ่ายยา และเก็บปัสสาวะและอุจาระไปตรวจซ้ำ
ซึ่งหมอแกบอกว่า จริงๆอาการปวดท้องควรจะหายได้แล้ว แตกลับเป็นหนักขึ้น เลยต้องตรวจซ้ำอีกครั้งนึง
ตลอดคืนลูกผมถ่ายไม่ต่ำกว่าเจ็ดครั้ง และทุกครั้งก็ร้องทรมาณมากๆ ผมและแฟนไม่ได้นอนเลยทั้งคืน

เช้าวันพุธที่ 6 ลูกผมก็ยังคงถ่ายเหลวอยู่ แต่ระยะห่างของการถ่ายห่างกันมากขึ้น
คงเพราะยาที่ให้ออกฤทธิแล้ว แต่อุจาระดูแย่ลง เพราะมีมูกปนออกมาด้วย ผมก็ได้แต่ภาวณาให้ลูกหายไวๆ
ผลการเพาะเชื่อของอุจาระเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผลออกมาว่า ลูกผมติดเชื้อ"บิด" ทำให้ท้องเสีย
แต่ที่ลูกผมกลับท้องเสียอีกครั้งและเป็นหนักกว่าเดิม หมอคาดว่าลูกผมจะติดเชื้อตัวใหม่นอกจากเชื่้อบิดแน่นอน
เพราะยาที่ให้ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์น่าจะได้ผล แต่นี่กลับเป็นมากขึ้น
ผมก็ต้องรอผลเพาะเชื้ออีกคั้งซึ่งจะได้วันเสาร์ที่ 9

วันพฤหัสที่ 7 และวันศุกร์ 8 ลูกผมอาการเหมือนเดิม คือถ่ายเหลวแต่คราวนี้มีเลือดออกมามากขึ้นด้วย
และมีไข้ตลอดเวลา ขึ้นๆลงๆตั้งแต่ 38-40.5 องศาc พยาบาลต้องเช็ดตัวให้ลูกผมเป็นระยะทุกๆ 2-3 ชม.
เพื่อระบายความร้อน จะทำอะไรก็ลำบาก เพราะต้องระวังสายน้ำเกลือไม่ให้หลุด จะล้างก้น
เช็ดตัวทานข้าว ป้อนนม หรืออะไรก็แล้วแต่ มันติดขัดไปหมด แม้แต่ตอนนอน แฟนผมต้องนอนกอดลูกไว้
สายน้ำเกลือก็ต้องระวัง เพราะลูกผมนอกพลิกตัวไปมาตลอดคืนเพราะอาการปวดท้อง
ผมกังวลมากๆ ได้แต่สวดขอพระขอสิ่งศักดิ์สิทธิให้คุ้มครองลูกให้ปลอดภัย

ตลอดสาม-สี่วันที่ผ่านมา......
ผมไม่เห็นลูกยิ้มแม้นแต่นิดเดียว แกอ่อนแรง ไม่พูดไม่จา จะได้ยินเสียงก็คือร้องไห้ ไม่ยอมทานอาหาร
และเกาะแฟนผมไว้ตลอดเวลา ผมสงสารทั้งลูกและแฟนมากๆ เพราะแฟนผมขยับไปไหนไม่ได้เลย
ลูกผมจะร้องไห้ถ้าแฟนผมปล่อยมือออกห่างตัว....... ใครไปจับตัวแกก็ไม่ยอมร้องและดิ้นหนี
แม้แต่ผม แกก็ยังไม่เอาเลย คงเพราะความกลัวและความเจ็บปวด
ไหนแกจะร้องเพราะรำคาณแขนที่ถูกพันไว้อย่างหนาแน่นเพราะกลัวว่าแกจะดึงออก
ไหนจะเจ็บแผลที่เข็มเจาะให้น้ำเกลือเป็นระยะ ไหนจะก่อนถ่ายแต่ละครั้ง
ลูกผมจะปวดท้องมากจนขาบิดพันกันไปมา แกดิ้น ร้องไห้และบ่นตลอดว่าเจ็บๆ แม่เจ็บๆๆๆๆ
แกพูดซ้ำๆๆๆ จนผมน้ำตาไหล หลังจากถ่ายเสร็จก็ต้องพาไปล้างก้น แต่เพราะล้างก้นบ่อยจนแดงเหมือนผิวถลอก
ตอนล้างก้นก็ร้องเจ็บ ตอนปัสสาวะออกก็ร้องเจ็บ ผมไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมาณ
และเวลาช่างผ่านไปอย่างช้าๆจริงๆ ผมได้แต่ขอพระ ของสิ่งศักดิ์สิทธิให้ลูกหาย
ผมขอ.....และขอตลอดเวลาที่หัวหยุดคิดเรื่องอื่น......

เช้าวันเสาร์ที่ 9 ผลการตรวจอุจจาระออกมาแล้ว ลูกผมติดเชื้อไทฟรอย หมอบอกว่าเป็นเชื้อในกลุ่มโรคไทฟรอย
แต่ผมจำชื่อเชื้อไม่ได้ อาการก็อย่างที่ลูกผมเป็น คือมีไข้สูงมาก ถ่ายเหลวและมีมูกเลือดปน ปวดท้องมาก
......ถึงตอนนี้ผมงงไปหมดว่าลูกผมทำไมถึงได้เจอโรครุมทำร้ายติดๆกันมากขนาดนี้
ทั้งที่ลูกผม ไม่เคยป่วยเลย อย่างมากก็แค่ไข้ขึ้นเล็กน้อย เป็นหวัดนิดหน่อยก็เท่านั้น
แล้วนี่โรคมันมารุมเป็นในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกันได้อย่างไร 4 โรค
ทั้งอาหารเป็นพิษ, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, บิด และไทฟรอย ผมได้แต่สงสัย และสงสารลูกเป็นที่สุด

เย็นวันเสาร์ ลูกผมอาการดีขึ้น ถ่ายห่างมากขึ้น ทุกๆ 3 ชม. จะถ่ายครั้งนึงแต่ก็ยีงมีเลือดปนออกมาอยู่
แกเริ่มทานอาหาร และทวงกินขนมและน้ำหวานแล้ว ผมดีใจมากๆ แกเริ่มหายซึมและพูดบ้าง
ยิ้มและหัวเราะบ้าง จนแกเดิมมานั่งตักผมและเงิยหน้ามองแล้วเรียกว่าปะป๊า....... น้ำตาผมไหลมาจากไหนไม่รู้
มันปลื้มปิติที่เห็นลูกดีขึ้นมากๆ หลังจากที่แกไม่ให้ผมจับตัวหรือกอดเลยซักนิด

เย็นวันนั้น หมอบอกว่าต้องเปลี่ยนแขนที่ให้น้ำเกลือเพราะถ้าเสียบไว้นานจะทำให้อักเสบและไข้ขึ้นได้อีก
ผมเป็นห่วงและสงสารลูกมากๆ เพราะยังจำภาพลูกถูกเจาะน้ำเกลือได้ เลยเจรจาขอให้เปลี่ยนเป็นยาป้อนทางปากแทน
เพราะเห็นลูกผมเริ่มทานได้ หมอเลยให้เอาน้ำเกลือออก และดูผลตรวจอุจาระและปัสสาวะเพิ่มว่าภูมิคุ้มกันยังมากอยู่รึเปล่า
(ถ้ามากแสดงว่า เชื้อโีรคยังมีอยู่มาก) ถ้าเชื้อยังมีอยู่มาก ก็จำเป็นจะต้องเจาะแขนอีกข้างเพื่อให้ยาต่อ
ยาที่ให้ทางสายน้ำเกลือได้ผลดีมากกว่าการทานทางปาก

เช้าวันอาทิตย์ที่ 10 พยาบาลมาเก็บตัวอย่างอุจาระ และปัสสาวะอีกครั้ง
ประมาณสิบโมงกว่า ผลการตรวจออกมาว่าเชื้อโรคน้อยลงมากแล้ว ผมดีใจเพราะมีลุ้นว่าจะได้กลับบ้าน
ลูกผมคงจะหายเร็วขึ้นแน่ๆถ้าอยู่บ้านเพราะแกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้่อม
มันน่าเบื่อมากที่ต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม 4*6 เมตร และมีพยาบาลเดินเข้่าๆออกๆทุกชั่วโมง
มาป้อนยา มาเช็ดตัว มาวัดไข้ มันเหมือนฝันร้ายของเด็กเลย ลูกผมกลายเป็นเด็กกลัวหมอและพยาบาลไปแล้ว
พอเห็นพยาบาลปุ๊บ ลูกผมจะพูดกอดแม่แน่น และพูดทันทีว่า ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา....

ถึงตอนบ่ายโมงคุณหมอมาตรวจ และพิจารณาจากผลการตรวจอุจจาระ หมออนุญาตให้กลับบ้านได้
และให้ทานยาอย่างเคร่งครัด ผมดีใจสุดๆเลยครับ ที่ลูกไม่ต้องถูกเจาะแขนให้น้ำเกลืออีก ที่ผ่านมา
ใช้น้ำเกลิือไป 4 ขวด มันนานและทรมาณสำหรับเด็กอายุ 1 ขวบกว่า

ตอนนี้ผมอยู่บ้านแล้ว ลูกผมดูสดใสกว่าเดิมมากๆ ตอนเลี้ยวรถถึงหน้าหมู่บ้าน
แกหัวเราะขึ้นมาเลย แกคงจะดีใจและคิดถึงบ้านมากๆ แกนั่งเล่นของเล่นและทานอาหารได้อย่างเดิม
แม้นจะยังถ่ายเหลวและมีอาการปวดท้องอยู่นิดหน่อย แต่ความสุขใด จะมีมากไปกว่า
การได้เห็นลูก มีสุขภาพแข็งแรง หัวเราะ ร่าเริง ยิ้มแย้ม และทานได้เหมือนเก่า

ที่เค๊าบอกว่า "ลูกเจ็บ พ่อแม่เจ็บกว่าล้านเท่า" จะรู้เข้าจริงๆก็ตอนเมื่อยามลูกป่วยนี่ล่ะครับ......

ผมขออวยพรให้ลูกหลานของทุกท่าน มีสุขภาพดี อย่าได้เจ็บป่วยตลอดปีหนูนี้ครับ สาธุ............
[Image: myworkspace.jpg]
10-02-2008, 23:47
Find Like Post Reply


Messages In This Thread
หายหน้าหายตา เพราะแบมแบมป่วย - by yodchula - 10-02-2008, 23:47

Forum Jump:


Users browsing this thread: 7 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication