yodchula Wrote:น้าเฒ่าทารก แง้มประสบการณ์โกยแน่บให้ฟังมั่งซิครับ
....เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนอายุประมาณ 20 กว่าๆ ผมเริ่มหัดเล่นพระเครื่องใหม่ๆกับสมาคมพระเครื่องค่ายจิรประวัติ นครสวรรค์เนี่ยแหละ วันนั้นเป็นวันเสาร์ หมดเวลาจากการวางแผงพระก็ไปนั่งดื่มเหล้ากับพวกๆพี่ๆอาๆสมาชิกที่บ้านพักทหารในค่าย จนร่ำสุรากันพอได้ที่จนแม่บ้านทหารท่านหนึ่งที่ร่วมวงอยู่ด้วยได้เข้ามาหาพร้อมกับเล่าเรื่องที่ทางมณฑลได้รื้อบ้านพักทหารที่อยู่ด้านฝั่งเขาเขียว ซึ่งเป็นบ้านพักเก่าร้างมานานแล้ว ไม่มีใครพักอาศัย เพื่อที่จะเอาไม้นั้นมาเก็บไว้ทำประโยชน์ แต่สิ่งที่ทำผมหูผึ่งก้อคือ ห้องแถวนั้นมีอยู่ห้องหนึ่งมีเสาตกน้ำมันแล้วมีคนไปขอหวยถูก พลทหารที่นอนเฝ้าก็อยู่กันไม่ได้เพราะดุเหลือเกิน เธอจะมาปรากฏให้เห็นจนอยู่เฝ้ากันไม่ได้ ด้วยความเมาหน่อยๆ ผมจึงพูดว่า อยากเห็นจังว่านางไม้ที่เสาตกน้ำมันจะมีจริงๆเหรอ ด้วยความสงสัยกับความเห็นไม่ลงรอยกันจึงเกิดการพนันขันต่อท้าทายกันขึ้น ไอ้ผมก็เล่นพระนี่หว่าคล้องพระไปจะมาทำไรเราได้ จึงรับพนันกับพี่ๆว่าถ้าอยู่ถึงเที่ยงคืนจะเสียเหล้า V.O. ให้ผม 2 ขวด เป็นอันว่าตกลง ผมก็ไปกับพี่อีกคนที่รับปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนด้วย ( รายนี้ก็ไม่เชื่อเรื่องผีจึงอยากลองด้วย ) ทั้งคณะเลยขี่มอไซค์ตามไปส่งถึงที่ พอไปถึง มันมืดจริงๆครับ เห็นบ้านพักที่ถูกรื้อจากแสงไฟหน้ารถมอไซค์ผมก็ชักหวั่นๆนิดๆแต่ก็ทำใจกล้าเพราะพระเครื่องในคอ เป็นอันว่าถึงที่แล้วพวกพี่ๆที่มาส่งผมกับพี่ที่รับคำท้าแกก็นัดหมายเวลาว่าเที่ยงคืนแกจะมาพร้อมกับกุญแจมอไซค์ที่ทิ้งไว้ให้ผมกับพี่เค๊าไว้คันหนึ่งแล้วก็กลับไป พอผมเดินขึ้นไปกับพี่เค๊าก็ทำการไหว้ขอขมาก่อนว่าไม่ได้มาลบหลู่แต่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆว่ามีจริงไหม ( ลืมบอกไปครับว่าที่ผมอยู่กันได้มีออฟชั่นพิเศษคือไฟฉาย 1 อัน ) แล้วผมก็หยิบไฟฉายส่องดูตามเสาจนพบเสาต้นเหตุ เห็นมีผ้าผูกพร้อมกับธูปเทียนที่พื้นเต็มเลยครับ ผมก็เลยไปกับพี่เค๊าจุดธูปขอขมาเสร็จแล้วก็มานั่ง สูบบุหรี่ฆ่าเวลา แล้วก็คุยเรื่องพระกันไปพลางๆ ระหว่างคุยควันธูปมันมาทางผมกับพี่ที่นั่งอยู่ทั้งๆที่ไม่มีลมพัดเลยผมก็สงสัยแต่เงียบๆไว้ในใจ เพราะที่ผมนั่งมันอยู่ห่างกับธูปที่ผมจุดอยู่พอสมควร สักพัก ก็มีเสียงคนจุดไม้ขีดไฟดังแชกๆ ผมกับพี่เค๊าก็หันไปมอง ไม่มีอะไร อีทีนี้ชักมองหน้ากันแล้วสิ ผมก็ใจเต้นตึกๆๆๆ ชักไม่ดีแล้ววุ้ย!! มองนาฬิกาที่ข้อมือมันผ่านไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อีกตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าๆจะเที่ยงคืนจะอยู่รอดไหมว๊ะเนี่ย ยังคิดไม่ทันเสร็จ ไอ้แผ่นกระดานที่ผมนั่งกับพี่เค๊ามันยวบๆเหมือนมีคนเดิน พี่เค๊าก้อส่องไฟไปดูก็ไม่มีอะไร ทีนี้ผมเห็นพี่เค๊าหน้าชักเสียๆ แก ก็พูดกับผมว่า ปิ๋วเอ็งต่อสายตรงรถเป็นไหมว๊ะ ผมก็บอกว่าได้พี่ พี่เค๊าก็บอกว่างั้นลงไปต่อสายตรงเตรียมไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน ก็เลยจะลงไปที่รถกัน พอลุกยืนเท่านั้นแหล่ะครับ ธูปที่ผมจุดไว้มันดับไปแล้วจู่ๆมันมีไฟติดขึ้นมาวาบ ผมกับพี่เค๊าเหมือนนัดกันไปมอง สิ่งที่ผมเห็นเหมือนกับพี่เค๊าคือเห็นท่อนช่วงล่างของผู้หญิงที่ใส่ผ้าถุงแบบปักเลื่อมๆสีออกเขียวๆเท้าออกซีดๆขาว แต่ไม่เห็นท่อนบนเพราะแสงมันไปไม่ถึง เธอคนนั้นยืนอยู่ที่ตรงเสาต้นตกน้ำมันแหล่ะครับ ถึงตอนนั้นที่ผมจำได้คือเสียงพี่เค๊าร้องมาว่า โว้ยยย!!!.....กูไม่อยู่แล้วโว้ยย ไม่รู้ว่าผมกับพี่เค๊ากระโดดลงมาจากบ้านได้ยังไง แล้ววิ่งตามกันมาจนถึงป้อมยามรักษาการด้านรั้วค่ายด้านข้างเขาเขียวกันแบบไหนเพราะไอ้ที่ผมกับพี่เค๊าวิ่งกันมามันป่าไมยราพย์ทั้งนั้น ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ทุกวันนี้เวลาที่พี่ๆเค๊ามาประชุมรวมกันในวงเหล้า กลายเป็นเรื่องตลกในวงไปเลย ทั้งๆที่หลังเกิดเรื่องจากเรื่องนี้เป็นที่ร่ำลือถึงการลองของ ของผมกับพี่เค๊าระยะหนึ่งในหมู่บ้านพักทหารเลยล่ะครับ