ดอกไม้ ท่ามกลางหุ่นยนต์
เช้ารุ่งสาง ท้องฟ้าเป็นน้ำเงินเข้ม ไล่ระดับจากมืด สว่างขึ้นเรื่อยๆ จนมาเป็นฟ้าใสขุ่นๆ ตามฤดูที่ใกล้ฝนนี้......
กองถ่ายแยกย้ายกัน ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน แสงก็เริ่มไม่ได้เป็นในแบบที่ต้องการ จึ งรีบแยกย้ายเพราะ กลัวรถติด
ฉันแว๊บมาลงใต้ดิน แดนเมืองบาดาล กำลังรอรถไฟ
ฉันชอบความรู้สึกของ เครื่องโดยสารสาธารณะนี้มาก ที่เราจะสามารถ อยู่ท่ามกลางผู้คน เฝ้ามองดูการเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิด
มันทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
การขับรถคนเดียวของฉัน มันสร้างความทรมานใจ แก่ฉันมาก เคยมีครั้งหนึ่งที่ฝนตก แถวๆเส้น ราชดำริ...อีกฝั่งของถนนหน้า a u a
ก่อนฝนมา มีintro เป็นลมแรงๆ พัดใบไม้ เศษละอองต่างๆ ปลิวว่อน ก่อน
ท้องฟ้าดูทมึน มืดเย็น ....ชวนใจสะท้าน ลมที่ก่อตัว สาดพัด ทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกหนาว และ ชื้นเย็น ก็มากขึ้นตามลำดับ
ภาพของธรรมชาติที่เกิด กำลังก่อ ความรู้สึกบางสิ่ง อาจเป็น ความเปลี่ยวเหงา ว่างเปล่าว หรือ อะไรก็สุดจะรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกนี้ กำลังเริ่มเข้ากัดกินหัวใจของฉัน
ทีละน้อยที่รู้สึก เหมือนวิณญาณ ถูกกัดกินไป เหมือนเลือด ค่อยๆไหลออกจากร่าง จน ค่อยๆ หวิว ชา ขึ้นเรื่อยๆ
ฉันมองไปรอบข้าง มีแต่คน อยู่กับใครๆต่างๆ ข้างๆเขา อาจเป็น แฟน เป็นเพื่อน เป็นคนที่เค้ารัก
** มีเราคนเดียวจริงๆ ที่โดดเดี่ยว .**
............ฉันเปิดหน้าต่างรถ เพื่อจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เพื่อหวัง จะทำลายความว่างเปล่าว ทำ ให้เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของโลก
กระจกที่พันธาการ จองจำฉันไว้ในคุกที่มองไม่เห็น ถูกเลื่อนลง .....
ฉันจุดบุหรี่ขึ้นสูบ อย่างรู้สึกดีขึ้น เหมือนมีใครสักคนที่เคลื่อนไหว แม้จะเป็นแค่เปลวไฟเล็กๆไหม้กระดาษ ที่เคลื่อนที่ทำลายตัวเอง
ส่วนหนึ่ง มันทำลายตัวของมันเอง อีกส่วนหนึ่ง ก็ฆ่าเวลา และสุขภาพที่เหลือของฉันไปด้วย
** ก็นี่คือสิ่งเดียว เพื่อนฉันคนเดียว ที่ฉันควบคุมได้นี่หน่า **
ความเหงา ชวนฉันบ่น คุยกับตัวเองอย่างเรื่อยเปื่อย
คิดไม่ทันจบ สายฝนก็ พลันตกขึ้นมาในทันใด ....
** ความหวัง ในแสงไฟเปลววาบน้อยๆ ของบุหรี่มวนนึง ก็ได้ดับลง **
** แค่ความสุขใจเล็กน้อย พระเจ้ายังไม่อยากให้ฉันมีเลย ** ???.. ฉันคิด
นาทีนี้เองในรถ ที่กระจกถูกปิดสนิท ขังใครสักคนนึงเอาไว้ อย่างโดดเดี่ยว
** ใครคนนั้น สะอึกสะอื้น อยู่ในนั้นลำพัง **
ฉันก้าวเคลื่อนตัวเข้ามา ในรถไฟฟ้าใต้ดินในตู้รถตอนหนึ่งของขบวญ อาจเนื่องจากยังเช้าตรู่ ผู้โดยสารจึงยังไม่มากนัก
ฉันเลื่อนตัวมาพิง ขอหลบอยู่อย่างสงบ ในซอกมุมฉาก ของระหว่างประตูกับ ที่นั่งผู้โดยสาร
คนหลายคน สวมใส่หูฟัง ปิดกั้นตัวเองให้อยู่ในดินแดนๆหนึ่ง นั่งหลับบ้างเกินครึ่ง เกือบทั้งหมด แลดูไม่มีความสุขกันเสียเลย
ทุกคนมีโลกของตัวเอง ที่จะไม่สนใจใคร เนื่องจาก อาจมีความเชื่อว่า ผู้คนรอบข้างล้วนอันตราย ทุกคนน่าจะคิดคล้ายกัน ตามที่ถูกโปรแกรมเอาไว้
แต่จริงๆสิ่งที่คิดอยู่ในหัวของหุนยนต์เหล่านี้ ต่างหากน่ากลัว
** นั่งไม้ค่ะ...**
เสียงหญิงสาวดังขึ้น ทำลายความเงียบในหมู่เครื่องจักร เพื่อเชื้อเชิญใครคนนึง
คนที่ฉันดูอยู่นานว่า เค้าพิการหรือเปล่าว เพราะดูผิวเผิน เครื่องแต่งกายผมเผ้า วิธีมองผู้อื่นคล้ายๆเด็กแนว หรือ หุ่นยนต์แปลกๆ ถือไม้เท้างง ๆ ที่อาจหายากน่าสะสม
หุ่นยนต์ เด็กแนว ถือไม้เท้า ยกมือไม้ ปฏิเสธ แสดงเจตจำนงค์ จะยืนต่อไป
แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ ฉันได้ยินเสียงคนพูด สื่อสารออกมา นอกเหนือจาก เสียงที่คอยบอกเตือนการขึ้นลงระหว่างสถานี
ในการพิจารณา แลดู มองการเคลื่อนไหวต่างๆ จนมาหยุดมองสิ่งที่ใกล้มาก ใกล้จริงๆ คือเสียงสตรีที่ว่าดังกล่าว
ข้างๆผมทางด้านขวามือ ในทิศทางที่ผมหันหลังให้กับตัวรถ คล้ายพิงประตูของรถไฟฟ้า ผู้หญิงคนนั้น เอนตัวมาชิดๆแนบกระจก เอาศีรษะ ซบอิงชิดกระจก พริ้มตาหลับ
ซึ่ง หลังกระจกซึ่งจริงๆ คือ แผ่นผลาสติกใสกั้นที่นั่งนั้น ผมเอาแขนแนบพิงไว้อยู่ เพื่อช่วยการทรงตัว ในการยืนโดยสารรถไฟนี้ อย่างไม่แน่ใจ
แผ่นกั้นพลาสติกที่ว่า จากเย็นสงบในตอนแรก ตอนนี้ดูอุ่นขึ้นเหมือนมีชีวิต ช่วงศรีษะด้านบนของเธอ อยู่ในที่ๆ ความอุ่นจากเธอจะแผ่มาถึงยังฉันนั่นเอง ถ้าไม่มีกระจกกั้นดังกล่าว ก็คือเธอกำลังซบพิงแขนเรานั่งหลับอยู่
เสี้ยวสัมผัสของเธอ มอบความรู้สึกชุ่มชื้นให้แก่ วิณญาณผุๆ ที่รอนแรมข้ามทะเลทราย
ฉันไม่แม้จะพยายามสบตา มองอะไรให้ชัด จะจดจำแค่ความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ แอบนำเป็นความสุขใจเล็กๆ เพื่อ ก่อประกายความหวังของชีวิตต่อไป
กระจกบางๆ ที่กั้นระหว่าง คนหลับตาฝัน กะ คนลืมตาฝัน อุ่นขึ้นอีกทีละน้อยแทบไม่มีวินาทีไหนเลยที่แขนของฉันจะผละละออกมาจากกระจกบางๆแผ่นนั้น
ตอนนี้มันไม่ใช่แค่กระจกกั้นอีกต่อไป แต่มันคือ สะพานทอดความรู้สึก
ช่างมีค่าเหลือเกิน ความรู้สึกอบอุ่นเพียงเล็กน้อย ที่ฉันแอบลักขโมยมาจากคนที่ไม่รู้จักคนหนึ่งได้
ผม น้ำตาคลอริ้นๆ เอ่อเบ้า เกือบล้นออกมา ต้องคอยเตือนสติตัวเองว่า
** อย่านะมรึง มันน่าอาย น่าทุเรศ ที่ต้องมาทำอย่างนี้ให้ใครเห็น ในที่สาธารณะ **
นีคือดอกไม้ที่ชั้นค้นพบ ท่ามกล่างหุ่นศึกทั้งหลาย
เมื่อต้องก้มหลบตาลงต่ำ ดันมองเห็นกิ๊บติดผม ที่คล้ายของคนรักเก่า ที่แยกจากไป ยิ่งทำให้น้ำตา ยากสุดจะทนกลั้นเอาไว้ได้อีก
กระจกที่เริ่มเป็นฝ้า เนื่องจากไอร้อนจากตัวฉัน จับกับละอองน้ำในอากาศ ช่วยปิดบังเร้นซ่อนเอาไว้ได้อย่างดี
ความรักที่มีต่อคนๆหนึ่ง แม้จะใช้เวลาร่วมชีวิต ร่วมล่วงผ่านเวลามาด้วยกันไม่นานนัก แต่ กลับต้องอดทนใช้เวลา ไม่รู้ว่าจะนานสักเท่าไหร่จึงจะ ละลืมเธอได้
ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน
กระจกสะท้อนเงาของเค้า เพื่อนร่วมทางยามเช้า คนที่ผมเพิ่งแอบขโมยความอบอุ่นนั้นไป
** เธอกำลังจากไปแล้ว **
ผมไม่บังอาจจดจำใบหน้า สายตาใดๆ แม้จะรู้ว่า ผ่านไป อาจไม่มีวันเจออีกเลยชั่วชีวิต หรือ จะอีกนานเท่าใดไม่รู้
ผมรู้สึกว่า ชีวิตคนอย่างผม ไม่สมควรที่จะ มีความรู้สึกรักใคร่ ผูกพันธ์ใดๆ กับใครอีก
ทุกสิ่งทุกอย่าง มีวันสูญสลายหมด ไม่มีความรู้สึกใดๆ เที่ยงแท้
การที่จะระลึกถึงเธอเพียงผู้เดียว คนที่จากลา และ จะจดจำความรักที่เคยมีต่อกัน อันแสนลึกซึ้งตลอดไป
คงจะเพียงพอแล้ว กับคนแย่ๆอย่างฉัน
การเริ่มต้นใดๆ ก็ล้วนนำไปสู่ปลายทางคือ การจากลา ความว่างเปล่าว
ไม่รู้วันหนึ่งจะเปลี่ยนกลบ ลบเลือนความรู้สึกที่มีนี้ หายไปได้บ้างหรือเปล่าวนะ
ด้วยผลลัพธ์ ของปลายทางที่ฉันรู้สึก ฉันขลาดกลัวเกินกว่าจะเริ่มต้น หรือ มอบความรักต่อผู้ใดได้อีก
ฉันเดินลงจากขบวญรถ เคลื่อนตัวต่อไปอย่างล้าๆ
แม้มันจะเป็นการสิ้นสุดการเดินทางของเช้านี้แล้ว
แต่มันเหมือนจะเป็นการเริ่มต้น ของอะไรบางอย่าง?
ดอกไม้ ท่ามกลางหุ่นยนต์
............. ;?? ?..............
*.:??*Parradee ...A Journey of Us - ?.:* *.:??*?;??
อย่าไปเอาอะไรกับนักเขียนนิยาย