"ความเชื่อ"

[SARUN]

(((มีคนมาตอบครบ 10 กะทู้เมื่อไหร่ แล้วจะมาสรุปความเชื่อ ของผมให้ฟัง)))

ครบละ 10 กะทู้ ไม่ต้องรอ ถึง 2-3 วัน
ความเชื่อ ของผม ตอนนี้ที่ศรัทธาและพยายามยึดถือปฏิบัติเรื่อง "อย่าเชื่อ" (อย่าเพิ่งทึกทักว่า"ไม่เชื่อ" นะครับ)
กาลามะสูตร 10 ประการ
1. อย่าเชื่อโดยการฟังตามๆ กันมา
2. อย่าเชื่อโดยการเชื่อสืบๆ กันมา
3. อย่าเชื่อโดยเขาเล่าว่า
4. อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา
5. อย่าเชื่อโดยนึกเอาเอง
6. อย่าเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7. อย่าเชื่อโดยนึกตามเอาอาการของเรื่องนั้นๆ
8. อย่าเชื่อโดยเห็นว่าตรงกับความเห็นของตน
9. อย่าเชื่อโดยเห็นว่าควรเชื่อได้
10. อย่าเชื่อโดยเห็นว่าผู้พูดเป็นสมณะ หรือเป็นครูของตน

อธิบายเพิ่มเติมว่า....
พระพุทธเจ้าท่านสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ เพียงเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งใน 10 ประการดังกล่าวข้างต้น แต่ให้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ

ปฐมเหตุแห่งการที่ท่านเทศนาหลักกาลามะสูตรดังกล่าว ก็เนื่องจากความแตกต่างในหลักธรรมที่มีผู้สอนผิดแผกกันไป ท่านจึงให้ไตร่ตรองว่า หลักธรรมใดที่เป็นอกุศล มีโทษ ผู้คนติเตียน กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือสร้างความทุกข์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น ให้ปล่อยทิ้งไปไม่ควรเก็บมาเป็นอารมณ์

แต่ถ้าหลักธรรมใดเป็นกุศล ไม่มีโทษ ผู้คนสรรเสริญ กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์ และนำความสุขมาให้แก่ตน ก็ให้พึงรับมาปฏิบัติได้

ส่วนที่มา ของชื่อ กาลามะสูตร ก็เนื่องมาจาก ชาวกาลามะ ได้พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วแจ้งว่า ว่า ได้มีพราหมณ์พวกหนึ่ง ได้สำแดง เชิดชู วาทะของตนฝ่ายเดียว แต่กระทบกระทั่งดูหมิ่นเหยียดหยามวาทะของฝ่ายอื่นให้เห็นว่าเป็นฝ่ายต้อยต่ำ ....

ชาวกาลามะ จึงสงสัยว่าทำอย่างไรจึงจะรู้ได้ว่าพวกตนสมควรเชื่อใคร

พระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อชาวกาลามะทั้งหลาย ให้ใช้หลักวินิจฉัยด้วยตนเองโดยมิให้ปลงใจเชื่อถือ ด้วยเหตุ ๑๐ ประการ ดังกล่าวไว้ใน กาลามะสูตร 10 ประการ

สนใจรายละเอียด ลองตามไปอ่านดูกันนะครับ
http://teetwo.blogspot.com/2006/08/blog-...61789.html

คงเป็นประโยชน์ กับน้องๆหนูๆ ไม่มากก็น้อย
ส่วนผู้ที่โตๆ กันแล้ว คงจะ เข้าใจและปฏิบัติ ดี อยู่แล้ว