hattaya111 Wrote:ครั้งนึง เคยเล่าให้ น้าpood ฟังว่า เคยไปปรึกษากับเพื่อนที่เป็นนักเขียนท่านหนึ่ง
เรื่องงานที่จะทำ หากทำเเล้ว เราจิตใจหดหู่ เหนื่อยล้าความรู้สึก เราควรทำต่อไป หรือ เลิกดี
ได้คำอธิบายที่ยกตัวอย่าง การมีชีวิตอยู่ กับศิลปะของศิลปินวาดภาพคนนึง ที่กดดัน เศร้าหดหู่ ล้มเหลว ตลอดอายุขัยเขา
งานไม่ได้รับการยอมรับเท่าใดนัก ต่อสู้กับ การพัฒนาสิ่งใหม่ในยุคนั้น คือ การถ่ายภาพที่มาพลิกมิติ ความนิยมในการวาดภาพสมัยนั้น
จบชีวิตด้วยปืน ยิงสังหารตัวเอง ที่ทุ่งดอกทานตะวัน วาดภาพชิ้นนึง เป็นรูปนกบินเเตกฝูงขึ้น ก่อนลั่นกระสุนใส่ตัวเอง
Vincent van Gogh หรือป่าว????
ศิลปินที่โด่งดังไม่แพ้กัน แต่แตกต่างกันชัดเจนในรูปแบบชีวิต ตรงข้ามกับศิลปินยากจนเช่นแวนโก๊ะ
พาโบล ปิคาสโซ (Pablo Picasso)
ปิคาสโซ เป็นจิตรกรชาวฝรั่งเศส เชื้อสายสเปน ที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ โดยไม่ต้องรอให้ตายไปก่อน เขาทำงานเพียงวันละ 8 ช.ม. และมีอิทธิพลต่อวงการศิลปะในศตวรรษทื่ ๒๐
ปิกัสโซคือตัวอย่างของความสำเร็จที่มีแบบแผนแน่ชัด จุดเด่นของปิคาสโซ คือ งานของเขาที่มีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ ตามวัยและประสบการณ์ของเขาเอง จนถึงผลงานในยุคหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
ปิคาสโซนิยมระบายสีด้วยสีน้ำเงิน สีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกเศร้า เงียบขรึม สงบ สมาธิ
เปิดโอกาสให้ตีความตามที่ผู้ชมเข้าใจ
ชื่อภาพ ? ชีวิต ?
เป็นภาพชีวิตที่เกี่ยวกับความรัก
ด้านซ้ายเป็นภาพความรักระหว่างหญิงและชาย
ด้านขวาเป็นภาพความรักระหว่างแม่และลูก
บริเวณตรงกลางด้านบนเป็นความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์
และบริเวณตรงกลางด้านล่าง เป็นคนที่แสดงการครุ่นคิดหมกมุ่นอยู่กับตนเอง เป็นความรักตัวเอง
? ถ้าเรารักตนเองไม่เป็น เราก็รักคนอื่นไม่เป็น ?
(((จาก สุนทรียศาสตร์เพื่อชีวิต โดย ศาสตราจารย์ ดร . วิรุณ ตั้งเจริญ)))
สาเหตุอีกข้อทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก คงเพราะปิคาสโซไม่เดินตามรอยชีวิตแบบแวนโก๊ะ มั้ง???
อรุณสวัสดิ์ นะ.................เที่ยงนี้ กินอะไรกันดี