แรกๆ ผมมองว่าคนเราก็ต่างมีความคิดที่หลากหลายครับ...เพราะ
ดนตรีคืองานศิลปะ เหมือนกับภาพยนตร์ ที่ต้องโยงเพราะถนัดกว่า
มีทั้งหนังดี คนไม่ดู หนังโลกลืม
หนังโป๊อาร์ทจ๋า ไม่ประนีประนอม
หนังการเมือง คมลึก ดูยาก ทฤษฎหนักอึ้ง มึนกระบาล
หนังจิตวิเคราะห์ เปิดโปงความคิดที่ตกต่ำสุดขีดของผู้ชม!?
หนังบทเด่น แสดงดี หนังโดดเด้ง...
หนังบทด้อย แสดงห่วย หนังง่อย...ฯลฯ......
--------------------------
มีคู่ต่อสู้อยู่คู่เดียวครับ ก่อนที่หนังเกิดขึ้นมาบนโลกในฐานะที่เป็นศิลปะแขนงที่ 7 ที่รวมเอาศิลปะทุกแขนงไว้ด้วยกันเสียอีก แล้วงานศิลปะทุกประเภทรวมถึงดนตรีก็มักจะถกเถียงกันมิรู้จบ เพราะจุดมุ่งหมายมันคนละอย่าง
"ศิลปะเพื่อศิลปะ VS. พาณิชย์ศิลป์"
การสื่อสารที่น้าหนึ่งพูดถึง ก็จัดอยู่ใน ศิลปะเพื่อศิลปะ (art for art's sake) ประโยชน์ของมันคือดำรงไว้เพื่อความสุนทรียะและแนวความคิดอันเข้มข้นที่จะสานต่อความเป็นศิลปะอย่างแน่วแน่แท้จริง (ในสาขาดนตรี)
ส่วนอีกด้านหนึ่ง จุดมุ่งหมายสูงสุดคือผลกำไรเพื่อดำรงไว้ซึ่งนายทุนครับ
และการเล่นเพื่อเป็น Hero ก็คือความต้องการที่จะโฆษณาตนเองและสร้างภาพพจน์ให้ผู้คนจดจำและดูโดดเด่น หรือแม้แต่เข่นฆ่ากันให้แดดิ้นก็ยอม
ขนาดละครทีวี...ก็มักจะมี นักแสดงสมทบชอบขโมยซีน พระเอก-นางเอก บ่อยๆจนต้อง take ใหม่...แล้วจะเหลืออะไรกับดนตรี ที่ขโมยซีนง่ายดายกว่ามากละครับ
นอกจากกาละเทศะแล้วต้องเพิ่มสามัญสำนึกเข้าไปอีกนิดด้วยนะครับ
ส่วนผมชอบเป็นพวกสมทบมากกว่าครับ เพราะยังอ่อนหัดอยู่มากมาย แล้วรู้สึกว่าการสมทบให้ได้ดีนั้น ยากยิ่งกว่าทำให้เด่นอีก...