มันคงยากครับน้าหนึ่งที่จะให้นักดนตรีทุกคนเข้าใจ ด้วยเบ้าหลอมของแต่ละคนมันต่างกันอย่างที่น้าว่า แต่การที่น้าหนึ่งเขียนไว้ในนี้ ก็ถือเป็นการเผยแพร่ความคิดที่ดี เมื่อมีคนอ่านและบอกต่อ ตลอดจนใน Hi5 ของน้าหนึ่งเองด้วย
เออแฮะ...ผมอาจจะออกนอกประเด็นไปเยอะ
แต่ผมว่าก็ไม่ถึงกับไหลออกไปมากนัก เพราะความสมดุลย์แบบง่ายๆ มันคงทำไม่ได้ถ้าไม่เรียนรู้หลักการให้ลึกซึ้งซะก่อน
มีหลายครั้งที่ผมได้แจมได้คนอื่นๆที่ไม่ได้เป็นสมาชิกบ้านฟ้า ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่ได้โกรธว่าโดนขโมยซีน แต่หมดอารมณ์เล่นต่อ เพราะดนตรีมันขาดความงามไปซะแล้ว และแต่ละคนก็รังแต่จะเล่นกลบกันให้ดังและดึงใบเรือให้เสีย เอามันส์เข้าว่า
ก็เลยไม่ต้องแจมกันอีกไงครับ
----------------------------------
ในเมื่อเราพูดถึง sender แล้ว....
จริงๆเราน่าจะกล่าวถึงสถานการณ์ด้วยนะครับ (Channel) เพราะการเล่นในสถานการณ์ต่างๆก็แตกต่างกันไป เช่น การแจมในวงเหล้า การแจมในร้านเหล้า (ร้านเหล้าแบบไหนก็แยกย่อยไปได้อีก) การแจมบนเวทีแสดงสด การแจมในห้องอัด ฯลฯ
S - Sender (ศิลปิน, นักดนตรี)
M - Message (ตอนนี้เราคงกำลังพูดถึงการส่งข้อมูล ส่งสารให้ผู้ฟัง)
C - Channel (ช่องทาง)
R - Receiver (ตัวผู้ฟังเอง)
นอกจากนั้นยังมี Noise (ตัวรบกวนทั้งทางกายภาพและภายในจิตใจ) เช่น เสียงดัง ไม่ได้ยินชัด ไม่ค่อยได้แคะหู อกหัก หูอื้อ
แล้วก็ feedback (ปฏิกริยาตอบกลับของผู้ฟัง) บางที่ผมเคยพยายามจะเล่นให้มันสมดุลย์ แต่คนฟังเค้าบอกไม่ entertain ก็เลยต้องเล่นกันดังสนั่น กรอกหู เพื่อความเมามันส์ของผู้ฟัง ก็เลยไม่รู้ว่าสมดุลย์แล้วเกิดประโยชน์ไหม sender เซ็ง เพราะ receiver ไม่สนใจ message แถมผิด channel และ noise บานตะไท
------------------------
ด้วยความเคารพรัก