ตย.เพลง
http://www.youtube.com/watch?v=Mb3iPP-tH...re=related
http://www.youtube.com/watch?v=p8jJ1ORIOes
เนื้อเพลง
http://www.chordie.com/chord.pere/getsom...ale.chopro
บทเพลง A Whiter Shade of Pale บ้างคงชม ถึงความเป็นบทกวีในคำร้อง บ้างก็ คงกล่าวถึง ความยิ่งใหญ่ของบทเพลง อันดับที่ 57 จากการจัดอันดับ 500 Greatest Songs of All Time บ้างก็อาจจะนึกถึง บรรยากาศย้อนยุคในฉากหนังบางเรื่อง
แต่ที่แน่ๆ ทุกคนพูดตรงกันแน่ๆ คือ เพลงนี้ พูดถึงอะไร ก็ไม่รู้ 555555
โดยส่วนตัว จัดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ฟังได้หลายๆรอบโดยไม่น่าเบื่อ คงเพราะท่วงทำนองชวนให้เกิดจินตนการไปได้เรื่อยๆ เป็นมโนภาพ ภูเขาบ้าง ลำธารบ้าง ขนนกปลิวไสวอยู่กลางอากาศบ้าง แล้วแต่กรรม แล้วแต่วาระไป
เพลงนี้ เขียนเนื้อโดย Keith Reid สมาชิกของวงProcol Harum ที่หน้าที่เขียนคำร้องอย่างเดียว (ไม่ต้องเล่นดนตรีในวงเลย) โดย Keith Reid บังเอิญไปได้ยิน ประโยค ?Whiter Shade of Pale? จากศัพท์แสลงของวัยรุ่นยุคนั้น ที่หมายถึงการสูญเสีย ที่เกิดจากสาวที่ทอดทิ้ง (ไม่รู้ว่าจะเหมือนกับคำว่า แห้ว ในบ้านเรารึเปล่า) แล้วรู้สึกว่าเป็นประโยคที่ น่าสนใจและคล่องปากดี เลยเอามาขยายความแต่งเพลงต่อ โดยเอามาให้ Gary Brooker (ร้องนำ-เปียโน) ใส่ทำนองให้ โดย Gary Brooker ก็มีการแก้ไขเนื้อเพลงอีกเล็กน้อย แต่วิธีเขียนเนื้อของทั้งคู่ในเพลงนี้ คือ คิดวลีที่มีความเป็นนามธรรม หลายๆ วลี แล้วนำวลีเหล่านั้นมาต่อๆกัน (จนเป็นเนื้อเรื่อง ของการพบกันของหนุ่มสาวในสถานที่ที่รื่นเริงแห่งหนึ่ง แล้วยังไงต่อ จะบอกอะไร ก็ยัง งงๆ อยู่เหมือนกัน บางคนเองก็ แปล ประโยค ?Whiter Shade of Pale?หมายถึง ยาเสพติด หรือคนติดยา )
พอถึงเวลาจะอัดเสียง Gary Brooker & Keith Reid จึงมอบหน้าที่ให้ Matthew Fisher มือคีย์บอด เป็นผู้สร้างทำนอง Intro และแน่นอน เสียงอันจัดจ้านของ Hammond M-102 ออแกนสุดฮิตในยุคนั้น เล่นโดย Matthew Fisher ก็ทำให้
"A Whiter Shade of Pale" เป็นเพลงที่โดดเด่นขึ้นมาโดยทันที เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงของอังกฤษ เมื่อ 8 มิถุนายน 1967 และ ยังเป็นที่รู้จัก รวมทั้งยังมีการเอามา Cover อีกหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ Gary Brooker & Keith Reid ได้รับประโยชน์ จากค่าลิขสิทธิ์ มากมาย จนเมื่อไม่กี่ปี่มานี้ Matthew Fisher ซึ่งร่วมงานกับ วง Procol Harum เพียง 1 อัลบั้ม ปัจจุบัน ก็ทำงานด้านคอมพิวเตอร์ ก็มาฟ้องต่อศาล ว่าเขาเองควรมีสิทธิในเพลงนี้ โดยอ้างว่าเขาก็มีส่วนร่วมในการคิดค้นเพลงนี้ และสุดท้ายถูกศาลสั่งให้ใช้เครดิตร่วมกัน และมีส่วนแบ่งจากเพลงนี้ ถึง 40% ((สงสัย Gary Brooker & Keith Reid คงต้องระแวงแน่ๆ ว่า Ray Royer (กีตาร์ ) David Knights(เบส) และ Bill Eyden (กลอง ) จะฟ้องร้องด้วยอีกไม๊ )))
หลายๆคนคงสงสัยว่า Intro เพลงนี้ ช่างละม้าย เพลง Air on the G String ของ ของ Johann Sebastian Bach Fisher ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า เขาได้รับอิทธิพลมาจากเพลงคลาสสิค Bach's B Minor Mass ของ Johann Sebastian Bach ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไปคล้ายกับงานของ Bach ในเพลง Air on a G-string แต่อย่างไรก็ตามซาวด์ดนตรีของเขาได้กลายเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว