(12-03-2009, 23:35).::.pOoH.::. Wrote: ผมว่าวิธีนี้มันมีมานานแล้วมั้งครับ...
ถ้าเป็นบ้านเราก็ระบบศักดินา แล้วก็กลายเป็น "ดารา Reward System" ครับ
นายทุนไม่สนใจหรอกว่าเธอจะติสต์แตกแค่ไหน แต่ถ้าเขาดันติสต์แตกด้วย
คุณเฮง!!!
ถ้าไม่...ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป....มีวิธีการเดียวคือ เด็ดหัวมัจจุราช ครับ
...เห็นด้วยกับน้าpOoH อย่างยิ่ง ในประเด็น "ดารา Reward System"
ผมว่าในบรรดาสัมมาชีพทั้งหลายทั้งปวง ดูเหมือน
นักแสดง และ
นักร้องนักดนตรี มักมองตัวเองว่าเป็นอาชีพแห่งการถ่ายทอดศิลป์
...ทว่า เอาเข้าจริง... ใช่หรือไม่ว่า หากใครก็ตามที่คิดจะประสบความสำเร็จกับอาชีพนี้ มันมักกลับเป็นอาชีพที่
ต้องอยู่ภายกรอบเงื้อมเงาและขบวนทัศน์ด้านการตลาดอย่างสุดขั้ว!!!
...จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีคำศัพท์หลากหลายอาทิให้ใช้เรียกเลี่ยงบาลีกัน...
อนุสนธิจากประเด็นนี้...ทำให้ผมนึกถึงดนตรีตะวันตกสมัยปลายยุค '60 ที่มีการแยกแบ่งอย่างดูแคลนดนตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า Bubblegum Music
...ครับ... แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า วิธีการแบบ Bubblegum Music มันเจาะตลาดได้ดีกว่าการทำงานศิลป์...
อ้อ... ที่สำคัญคือ
หากจะพูดถึงงานศิลป์ โลกของผู้สร้างงานต้องเป็นปัจเจก
แต่หากจะพูดถึงการเข้าถึงมวลชน นั่นเป็นโลกที่ต้องพูดถึงแต่การตลาดครับ!...
บังเอิญผมไม่ได้ประกอบสัมมาชีพด้านดนตรี...
เลยค่อนข้างมีโอกาสที่จะเลือกเสพศิลป์ในมิติที่ผมชอบ -เท่านั้น...
(13-03-2009, 09:54)SARUN Wrote: อื ม ม ม ..อย่างที่น้าอ้วนตั้งข้อสังเกตุ
คงมีเหตุผลอะไรอีกมากมาย สำหรับผู้ชายที่มากมายที่สุดในชีวิตโลก คนนี้....
น้าหนึ่งคง??
1.เพื่อจะ สร้างงาน ตอบสนองรสนิยมคนฟัง
2.ลองสร้างงานแบบ ?มีกรอบ? หรือ ?ตอบโจทย์?
3.กำลังจะมี Tribute Album หรือ Cover Song เพื่ออุทิศให้อะไรซักอย่าง
4. ฝึกสอน แนะนำ หรือบอกกล่าว ในแนวทางการฝึกฝนแก่ผู้ทีกำลังศึกษาดนตรี
5.ส่งเสริมให้เกิดทัศนคติใฝ่หาความรู้จากการฟังเพลงมากมายหลากหลายให้มากขึ้น
6.เป็นแค่บท ทดสอบ อย่างหนึ่ง ที่กำลังจะลองทำดู
7.กำลังสำรวจตลาดคนฟังในเวปฯ เพื่อเตรียมโปรเจคใหญ่
8.กำลังจะมีเพลงใหม่ มาให้ฟังฟรีๆแล้ว
9??( ยังนึกไม่ออก?.)
????????
????????
108. ?.เดี๋ยวอยากรัก เดี๋ยวอยากลืม โอ๊ยยยย *+*
...น่าจะมีสัก 500 ข้อสมุติฐาน...
จะได้ครบห้าร้อยจำพวก...ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า