BATTLES OF THE YAMAHAS

[pood]

ตอนแรกผมคิดว่าเราจัดประลองกันเล่นเพื่อความสนุกและค้นหาประสพการณ์นะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็สนุกถึงแม้กีต้าร์ตัวโปรดของผมจะแพ้ตั้งแต่รอบแรกและยังใด้ความรู้ใหม่ๆมาเยอะแยะตัวอย่างเช่น

1. ผมเคยคิดว่า Yamaha ราคาไม่แพงเขาทำมาให้คนหัดเล่นและคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องกีต้าร์ใช้ ใครมาถามผมก็ไม่เคยแนะนำยี่ห้อนี้เลยเพราะไม่เคยใด้ลองด้วยตนเองเคยแต่เดินผ่านตามร้านข้างถนนที่มีนักดนตรีเล่น Yamaha อยู่เสียงมันไม่เห็นจะดีเลย (คงเพราะใช้ pickup และ PA ราคาถูก) ในวันงานทุกตัวที่เอามาประชันกันเสียงดีจนน่าขนลุกครับ จากวันนี้จนถึงสิ้นปีผมจะพยายามเสาะหา Yamaha รุ่นเก่าๆมาเก็บซักสี่ห้าตัว

2. ผมเคยเชื่อตามตำราว่ากีต้าร์ไม้อัดจะไม่มีการพัฒนาของเสียงตามอายุ

ผมเองก็ช้อคสุดๆที่กีต้าร์ไม้อัดตัวละพันกว่าบาทเอาชนะกีต้าร์ที่ราคา list price แพงกว่าเกินหนึ่งร้อยเท่าใด้ คราวนี้เลยเกิดการวิจารณ์กันในด้านวิชาการว่าผลที่ออกมาจากการทดสอบนี้เป็นเรื่องตลก เรื่องมหัศจรรย์หรือเรื่องจริงกันแน่

ถ้าว่ากันตามหลักการทางสถิติ ผลการทดสอบนี้ไม่อยู่ในข่ายที่ยอมรับใด้ครับเพราะ population นั้นจำกัดเพียงแค่สมาชิกของบ้านนี้ไม่ใช่บุคคลทั่วไปและไม่ใด้มีการคัดตัวอย่างแบบ random แต่ใครสะดวกมาก็มาครับ

ถ้าถามว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบดีพอหรือไม่ ผมตอบว่าดีพอครับเพราะตัวแปร (variables) ไม่ใด้มีมากกว่าการทดสอบแบบฟังเสียงเปล่าๆเลย

ลองเปรียบเทียบกันทีละข้อนะครับ

1. Standing waves and corner reflection:
การทดสอบเสียงเปล่าจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของห้องและตำแหน่งของผู้เล่น กีต้าร์ตัวเดียวกันและคนเล่นคนเดียวกันเสียงจะไม่เหมือนกันถ้าเอาไปเล่นในห้องสองห้อง ถ้านั่งเล่นอยู่ตรงมุมห้องเสียงย่านเบสจะเยอะกว่าตอนนั่งเล่นอยู่กลางห้อง การใช้ไมโครโฟนจับในระยะเพียงหนึ่งฟุตสามารถกำจัดตัวแปรเหล่านี้ใด้ครับ

2. Room reflection and absorption:
เสียงที่เราใด้ยินประกอบด้วย direct และ reflected sound นอกจากเราจะไปทดสอบกันใน anechoic chamber หรือห้องปลอดเสียงสะท้อน จำนวนคนที่อยู่ในห้องและตำแหน่งที่นั่งหรือยืนก็เป็นตัวแปรที่สำคัญในการซึมซับเสียงสะท้อน
การใช้ไมค์ถ่ายทอดเสียงออกมานอกห้องจะไม่มีตัวแปรเหล่านี้ครับ

3. Distortion and frequency response:
การใช้อุปกรณ์ขยายเสียงย่อมมี distortion และการตอบสนองความถี่ที่ไม่ตรงกับเสียงจริงก่อนขยายแน่นอน เรื่องนี้เป็นข้อเสียเปรียบของการใช้ไมค์แต่สาระสำคัญมันอยู่ที่ว่าคุณฟังออกออกหรือเปล่าว่าเสียงที่ออกลำโพงมันไม่เหมือนเสียงกีต้าร์เปล่า ในการทดสอบวันนั้นก่อนงานไม่มีใครฟังออกครับ (ไมค์ตัวอื่นฟังออกครับแต่ SM86 เสียงเหมือนเสียงเปล่าเลย)

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดทางเทคนิคที่กล่าวมามีผลน้อยมากเมื่อเทียบกับ human factor คือคนเล่นและคนฟังครับ

1.คนเล่น:
คนสองคนเล่นกีต้าร์ตัวเดียวกันเสียงก็ไม่เหมือนกันครับ การเลือกเพลงทดสอบก็มีผลในการโชว์จุดเด่นและจุดด้อยของกีต้าร์แต่ละตัวด้วย ผมขอยกตัวอย่างชัดๆเลยแล้วกันนะครับ

ในการประลองรอบแรกกลุ่มแรกที่นายแอ้นท์เป็นคนเล่นเริ่มด้วยการเล่น fingerstyle แบบนุ่มๆช้าๆและจบด้วยการตีคอร์ดผลปรากฏว่าตัวที่ใด้ที่หนึ่งคือ
DW-5S ที่เฉือน FG-140 ไปเพียงคะแนนเดียวตอนเจอกันตัวต่อตัว พอมาถึงรอบสองที่น้า sarun เป็นคนเล่นโดยเริ่มด้วยการตีคอร์ดและต่อด้วยเพลงเร็วปรากฏว่า
Fg-140 ชนะเพราะหลายคนบอกว่า DW-5S เสียงไม่นิ่งตอนโซโล่เร็วๆ

ดังนั้นถ้าไม่มีการเปลี่ยนคนเล่น FG-140 คงไม่ผ่านรอบสองครับ

2.คนฟัง:
หูของคนเราเริ่มเสื่อมตามอายุครับ เริ่มต้นด้วยอาการหูตึงจนแยกแยะระดับความดังใด้ไม่ละเอียด ตามมาด้วยการฟังเสียงในย่าน harmonic ใด้ไม่ชัดเจนเพราะหูไม่ใด้ยินเสียงความถี่สูงๆ พวกนักดนตรีที่เล่นในร้านเสียงดังๆหรือพวกชอบเที่ยวเทคไม่ต้องแก่ก็เป็นแล้วครับ ผมเองสมัยหนุ่มๆความดังต่างกันแค่ 1 dB ก็เคยฟังออกแต่ตอนนี้ต้อง 3 dB. ถึงจะฟังออกครับ

ดังนั้นคนต่างวัยต่างประสพการณ์ฟังเสียงเดียวกันก็ใด้ยินไม่เหมือนกัน อย่างตัวผมเองเวลาไปเลือกกีต้าร์ก็ต้องพาหนูฟิล์มไปด้วยทุกครั้งเพราะเดี๋ยวนี้ไม่เชื่อหูตัวเอง 100% แล้วครับ ในวันประลองผมสังเกตุว่าคนต่างวัยมักจะยกมือให้กีต้าร์คนละตัวกัน การทดสอบคราวหน้าควรมีการให้กรรมการไปเช็คหูมาก่อนแบบคุณหมอ Rasun นะครับ

เดี๋ยวขอเวลาไปหาข้อมูลก่อนครับว่ามีใครเคยจัดประลองแบบที่เราจัดหรือเปล่า