(03-05-2009, 12:12)povation Wrote: เรื่องไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญและอันตราย
ยิ่งไปเล่นในหน้าฝน ยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
โปรดสอบถามก่อนทุกครั้งว่าสถานที่เล่นมี Save T Cut
หรืออุปกรณ์ช่วยในการตัดไฟเวลาเกิดไฟฟาลัดวงจรหรือไม่
มิฉะนั้นท่านไม่อาจต้องเสี่ยงภัยในการเล่นเพิ่มขึ้น
งั้นเอาเป็นว่าพวกเราควรทำประกันชีวิตก่อนรับงานดีมั้ยคะน้าป๋อ น้าๆ หลายท่านยิ่งชอบสาบาน พักนี้ฝนตกฟ้าคะนองตลอด ความเสี่ยงก็สูงขึ้นนะเนี่ย
(04-05-2009, 10:12)SARUN Wrote: อย่าลืม Big Bag เอาไว้ใส่ของ ดังกล่าวด้วยนะ
น้าป๋อให้คะแนนกระทู้เต็ม 5 แต่ข้าพเจ้าให้ reply ของน้าซ่าส์เต็ม 10 เล้ยยยยยย
ดูเหมือนน้าหนึ่งจะเน้นเรื่อง hardware ไปเยอะแล้ว ขออนุญาตเพิ่มเติมส่วน software นะครับ ...
อย่างแรกคือการเลือกเพลงที่จะไปเล่น ข้อนี้อาจไม่จำเป็นสำหรับท่านที่ขึ้นชื่อว่าศิลปินและลูกค้าต้องง้อท่าน แต่ถ้ายังต้องง้อลูกค้า โดยส่วนตัวผมจะเล่นตามใจผู้ว่าจ้าง (อันนี้แน่นอนที่สุด ก็เขาเป็นคนจ่ายตังค์นี่นะ) .. ที่น่าลำบากใจคือบ่อยครั้งที่ผู้ว่าจ้างเป็นบ่าวสาวอายุน้อย ซึ่งมักจะขอให้เราเล่นเพลงรักวัยจ๊าบ แต่งานแต่งงานมักเป็นงานของพ่อแม่ มองลงไปจากเวทีเห็นป้าๆ นุ่งซิ่นตีโป่งนั่งตาลอยฟังเพลงพี่บอยด์กะพี่ป๊อดแล้วเราก็อดสงสารไม่ไหว ต้องจัดเพลงสุนทราภรณ์หรือลูกทุ่งแทรกให้ทุกครั้งไป แม้จะเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับเพลงที่ตกลงกันไว้กับผู้ว่าจ้าง
อีกแบบหนึ่งคือเล่นให้เหมาะกับลักษณะงาน งานอื่นๆ คงไม่ต้องเข้มงวดมากเท่าไร แต่ถ้างานแต่งงานผมจะไม่เล่นเพลงที่มีเนื้อหาอกหักต่อให้มีคนส่ง request บนมาบนเวทีก็ตาม โดยเฉพาะในกรณีที่ยังมีแขกเหรื่ออยู่กันพร้อมหน้า เพราะนอกจากมันไม่ถูกกับกาลเทศะแล้ว เราเองนั่นแหละที่จะเสีย credit ว่าไม่มีวิจารณญาณ แล้วคราวหน้าใครจะอยากจ้างเราละครับ (เคยเจอวงหนึ่ง พอเสร็จพิธีการ บ่าวสาวยังไม่ทันลงจากเวที วงนั้นก็ร้องเพลง ?รู้เขาหลอก? สวนขึ้นมาเลย สรุปว่าโดนผู้หลักผู้ใหญ่สวดยับครับ) แต่ถ้าแขกส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้ว คู่บ่าวสาวอยากมันส์กันเองในกลุ่มเล็กๆ จะขอเพลง I will survive ก็ไม่ว่ากันครับ
ยังไงก็ตาม แม้จะเตรียมเพลงไปแล้วแต่ก็ควรมีสำรองเผื่อกรณีที่หน่วยข่าวกรองผิดพลาดนะครับ ผมเคยเตรียมเพลงสากลไปเพราะหน่วยข่าว(ไม่)กรองแจ้งว่างานนี้มีต่างชาติเยอะ เอาเข้าจริงมีเจ้าบ่าวชาวอาทิตย์อุทัยและญาติเพียง 4-5 ท่าน ในขณะที่ฝั่งเจ้าสาวพาญาติข้ามลำน้ำโขงมากว่าสองร้อยชีวิต โชคดีที่มีนักร้องลูกทุ่งไปด้วยคนหนึ่งจึงได้เธอช่วยชีวิตไว้รอดตายกันทั้งวง
เรื่องทักษะการพูดก็สำคัญนะครับ จะได้เอาไว้แก้ปัญหา dead air เวลาที่เครื่องเสียงยังไม่พร้อมหรือจำเป็นต้องหยุดเล่นกลางอากาศด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งแล้วเกิดโชคร้ายหาพิธีกรไม่เจอ เราคงต้องแปลงร่างจากนักดนตรี-นักร้องเป็นพิธีกรจำเป็นเพื่อขัดตาทัพไปพลาง ดีกว่าไปยืนเก้ๆ กังๆ เป็นเป้าสายตาให้ตัวเองประหม่าเปล่าๆ
การทานอาหาร อันนี้อาจจะสูตรใครสูตรมันนะครับ สำหรับท่านที่ต้องทั้งเล่นทั้งร้องคงพอนึกออกว่าการทานอาหารที่ไม่ถูกชนิด ไม่ถูกเวลา อาจก่อปัญหาระหว่างการแสดง เช่น มีลมย้อนจากกระเพาะอาหาร หรือน้ำลายเหนียว หรือปัญหาอื่นๆ ทำให้ควบคุมการร้องไม่ได้เต็มที่ ...นี่ปัญหาทางกายภาพนะครับ ยังมีปัญหาด้านภาพลักษณ์อีก ผมพบว่าบางครั้งนักร้องนักดนตรีถูกตำหนิจากเจ้าของงานว่าเห็นแก่กิน ได้เวลาที่ควรจะเริ่มแสดงแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมขึ้นเวทีเพราะมัวแต่ห่วงกับข้าวบนโต๊ะจีน แถมบางคนยังร้องจะเอาเหล้าอีก ผมไม่ใช่นักร้องอาชีพ แต่ผมก็ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกคนที่เป็นนักร้องนักดนตรีว่าต่ำต้อยกว่าอาชีพอื่นๆ เลยเลือกที่จะทานอาหารก่อนไปทำงาน ส่วนในงานก็ทานเฉพาะน้ำเปล่าไม่ใส่น้ำแข็ง เลยตัดปัญหาทั้งด้านกายภาพและภาพลักษณ์ไปซะพร้อมๆ กัน
โรคประจำตัวสุดฮิตอย่างโรคภูมิแพ้ก็ประมาทไม่ได้นะครับ เอายาแก้แพ้อากาศติดไปด้วยเผื่อฉุกเฉิน จะได้ควบคุมคุณภาพการร้องได้อย่างใจ อย่างไรก็ตาม ยาแก้แพ้มักจะทำให้เส้นเสียงแห้ง ถ้าดื่มน้ำเยอะๆ ไว้เลย 2-3 วันล่วงหน้าจะช่วยให้เส้นเสียงชุ่มชื้นและลดอัตราการบาดเจ็บได้ครับ สำหรับท่านที่เล่นอาชีพทุกวันก็คงต้องดื่ม(น้ำ)ให้หนักทุกวันนะคร้าบบบบบบบบ
ด้วยความปรารถนาดีขอรับ