(08-06-2009, 11:52)Maew Wrote: ขอบคุณครับ
ถ้าอ่านแล้ว อยากจะแลกเปลี่ยน ก็ยินดีนะครับ
และแล้วผมก็ใช้เวลายามที่ไม่วุ่นวายอ่านหนังสือ "เดินสู่อิสระภาพ" ของ อ.ประมวล จนจบแล้วครับ
เป็นหนังสือที่น่าติดตามอ่านอย่างไม่มีตอนเบื่อครับ ได้สาระหรือแก่นสารของความกลมกลืนกันระหว่างคน หรือ มนุษย์ ที่อาศัยอยู่ร่วมกันบนโลกที่ไม่ค่อยจะกลมนักสักเท่าไหร่ใบนี้ แต่ด้วยความคิดหรือความฝัน ถ้าหากทุกคนมีจิตใจที่เมตตา โอบอ้อมอารี รักทุกคนเหมือนญาติสนิท โลกนี้ก็คงเป็นโลกที่น่าอยู่และเป็นไปด้วยความมีไมตรีหรือมิตรภาพอย่างไร้ขอบเขต แต่ด้วยสิ่งที่มีอำนาจ และมีมนต์ตราทำให้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่เราอยากจะให้เป็นสักเท่าไหร่ อาจกล่าวได้ว่า เงิน เป็นสิ่งที่ทุกคนใคร่ใฝ่หาและเป็นตัวที่มีอำนาจบดบังหรือครอบงำจิตใจของมนุษย์ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามมันก็คงจะเป็นวัฎจักรอย่างนี้หรือเป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ แต่หากแม้แต่ละคนหันมามองคนที่อยู่ข้างๆ แล้วมอบมิตรหรือไมตรี รวมถึงความจริงใจแก่กัน การเชื่อมหรือสมานใจเข้าด้วยกันก็คงเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ความฝัน
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วผมยอมรับว่าผมน้ำตาคลอเบ้าอยู่ 2 รอบ คือในช่วงเริ่มต้นหนังสือ และช่วงของบทสุดท้ายได้แก่ช่วงของหนังสือคือบท "กลับบ้าน" มันเป็นความรู้สึกของคนที่มีความลึกซึ้งทางด้านปรัชญาของการมองชีวิตของตัวเอง ความเชื่อความศรัทธาที่มีมาอย่างไม่มีความเสื่อมคลายตลอดเลยทั้งชีวิต การที่คนๆ หนึ่งเก็บผงดิน ณ บริเวณ บ้านเกิด เอาไว้กับตัวไม่ว่าจะเดินทางไปไหน เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงอยู่เสมอว่าเรามาจากไหน และสักวันเราจะต้องกลับไปที่นั้น ช่างเป็นกุศโลบาย และเป็นปรัชญาที่แยบคาย และผมยังได้รู้สึกเข้าใจถึงคำว่า "ไม่ว่าเราจะอายุมากขนาดไหนก็ตาม แต่ในสายตาของคนที่เลี้ยงดูเรามา เราก็ยังเป็นเด็กน้อยที่น่าทนุถนอม ของท่านนั้นๆ อยู่อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย" มันช่างเป็นความอบอุ่นที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย และผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นอยู่อย่างนี้ไปตลอดการ ด้วยความผูกพันและความรักที่ก่อตัวขึ้นทางสายเลือดและสืบทอดต่อกันไปจากรุ่นหนึ่ง ถึงอีกรุ่นหนึ่ง หรืออาจเป็นการปลูกฝังที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่มันค่อยแผ่นซ่านเข้าไปภายในจิตใจของเราวันละเล็กละน้อย
แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังชอบในอีกวลีหนึ่งที่ อ.ประมวล ได้กล่าวให้กับผู้ที่ถามว่าความหมายของ ปรัชญา คืออะไร และปรัชญาอันไหนดีที่สุด ซึ่งคำว่าปรัชญาก็เป็นคำที่เข้าใจกันดีว่าเป็นความคิด หรือความเชื่อของคนแต่ละคน ที่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี โดยแต่ละคนก็จะมีความเชื่อหรือปรัชญาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับคนแต่ละคน ซึ่งผมก็คิดว่ามันค่อนข้างที่จะเป็นบทสรุปที่ค่อนข้างจะลงตัว เนื่องจากว่าภูมิหลังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การดำเนินชีวิตก็แตกต่างกัน หากเพียงแต่ถ้าแต่ละคนมีปรัชญาในด้านที่ดี และใช้ด้านที่ดีนั้นมาเกื้อกูลกัน ความสงบ หรือความมีมิตรภาพก็คงจะเกิดขึ้นและยากที่จะเสื่อมคลาย...ผมเชื่อเช่นนั้น...