คืนนี้เกิดแรงบันดาลใจอยากจะเขียนอะไรๆ ขึ้นมา
หลังจากห่างหายจากการเขียนไปนานร่วมเดือน...
ตั้งใจว่าพอเจ้าจอมป่วนสองคนหลับ คงได้เริ่มกัน...
.
.
.
22.00 น. ฉันละจากอ้อมกอดอันแสนอุ่นของเจ้าจอมป่วนสองคน
ซึ่งตอนนี้นอนหมดสภาพ หลับตาพริ้มกันอย่างมีความสุข...
คาดว่าตอนนี้น่าจะหลับสนิทกันแล้ว
นึกเสียดายอยู่เหมือนกัน...
นานๆ ที น้องเพลงจะยอมหลับในอ้อมกอดของแม่
เพราะเธอจะเป็นเด็กขี้รำคาญและต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
เธอแค่ยอมให้แม่กอดและหอมทีนึงแล้วผละไปนอนกอดหมอนข้างอยู่คนเดียว
ผิดกับน้องพีซที่เป็นเด็กขี้ประจบจะต้องคอยคลอเคลียแม่จนผลอยหลับไปในอ้อมกอดเสมอ...
.
.
.
แรงบันดาลใจที่ว่า...เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย หลังจากได้รับ เมลล์จากเพื่อน เรื่อง ***แล้วแม่จะกอดใคร?***
(คุณสามารถอ่านเรื่องนี้ได้จากลิงค์นี้
http://sukanyastory.multiply.com/reviews/item/12)
ฉันนั่งอ่านเมลล์ขณะที่กำลังประชุมทางไกลกับเพื่อนร่วมงานอีกซีกโลกหนึ่ง
หาอะไรๆ ทำหลังจากบรรยากาศในการประชุมเริ่มน่าเบื่อเต็มที...
ซึ่งมันก็ได้ผล...ฉันอ่านเรื่องนี้ไป น้ำตาเริ่มคลอเบ้า..
จนพี่ที่นั่งประชุมด้วยกันหันมามองด้วยแววตาสงสัยว่า...เรื่องที่ประชุมกันอยู่มันน่าอินตรงไหน..
ฉันแอบเช็ดน้ำตา ทำสีหน้าจริงจัง ตั้งใจฟังการประชุม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
จริงๆ แล้ว บางคนอาจไม่รู้สึกอะไรเลย หลังจากอ่านเรื่องนี้...
แต่สำหรับฉันเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับแม่ๆ ลูกๆ มักจะกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ทำงานเสมอ
หลังจากได้เป็นแม่...ฉันเริ่มเข้าใจและสัมผัสได้ทุกความรู้สึกในทุกเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดมาจากเรื่องเล่าต่างๆ
ราวกับว่าเป็นเรื่องของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้มันก็เป็นแค่เรื่องหนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
อย่างเช่นเรื่องนี้...ในฐานะที่เป็นแม่...ฉันเข้าใจความรู้สึกของแม่ในเรื่องนี้ดีว่า
ในใจคงกำลังร้องไห้ด้วยความอาลัย เศร้าใจและรู้สึกแย่ขนาดไหน
แต่แม่ก็ต้องแสดงความเข้มแข็ง เพื่อปล่อยให้ลูกได้ไปเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง
แม่จะต้องไม่ทำให้ลูกเป็นกังวลและเป็นห่วงเมื่อถึงเวลาที่ต้องห่างกัน...
และสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดยิ่งกว่าคำพูดใดๆ ก็คือ การกอด...
กอดลูกไว้แน่นๆ เพื่อบอกลูกว่า...
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่จะยังคงอยู่เคียงข้างเสมอ
ฉันเป็นคนหนึ่งที่แสดงความรักด้วยการกอดลูกเสมอ...
ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ ปลอบใจหรือแม้แต่มันเขี้ยว...
ฉันจะกอดลูกไว้...และบอกพวกเค้าเสมอว่า...ฉันรักพวกเค้าที่สุด
และก็มักจะได้รับคำตอบกลับมาที่ทำให้ชื่นใจที่สุดเช่นกันว่า "หนูก็รักแม่ที่สุดในจักรวาล"
แค่คำพูดคำเดียวของลูก แม่ก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ...
มันเหมือนการเติมพลังชีวิตให้ดำเนินต่อไปและรู้ซึ้งถึงเป้าหมายว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เพื่ออะไร
.
.
.
ในทางกลับกัน...ในฐานะที่เป็น..ลูก...
ฉันแทบไม่เคยกอดแม่เลยตั้งแต่จำความได้
ทั้งที่ฉันรู้ว่าแม่รักฉันมากแค่ไหน...และฉันรักแม่มากแค่ไหน
ตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวเราไม่ค่อยแสดงความรักโดยการกอด
ไม่เคยแสดงความรักโดยใช้คำพูด...
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะเริ่มแสดงความรู้สึกด้วยอากัปกิริยาเหล่านั้นเมื่อโตขึ้น
สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่แสดงความเป็นห่วงเมื่อเจ็บป่วยหรือไม่สบาย และพาไปหาหมอ
อย่างเช่นวันนี้...แม่มองด้วยสายตาเป็นห่วงเมื่อเห็นว่า...
สุขภาพฉันเริ่มแย่หลังจากหักโหมกับงานใหม่ที่ได้รับมอบหมาย...
เพราะไม่ได้ทานอาหารตามเวลา ทำให้เกิดอาการปวดท้อง..
แม่เดินมานวดมือ นวดเท้าให้แล้วบอกว่า...ถ้างานใหม่มันหนักนักก็กลับไปทำอย่างเดิมดีกว่าไหม
ฉันบอกไปว่า ไม่เป็นไรค่ะ ใหม่ๆ ก็หนักอย่างนี้แหละเดี๋ยวก็ปรับตัวได้ แม่ไม่ต้องกังวล
จนถึงเวลาก่อนนอน...แม่เดินเอายาธาตุน้ำขาวมาให้ดื่มแล้วบอกว่า...
กินซะแล้วก็รีบเข้านอน พักผ่อนเยอะๆ...
.
.
.
นี่แหละค่ะ...การแสดงความรักของแม่ฉัน...
ถึงฉันไม่ได้รับกอดจากแม่ แต่ฉันก็รับรู้ได้ถึงความรัก ความเป็นห่วง ที่ถ่ายทอดออกมาจากทุกคำพูดนั้น...ซึ่งฉันก็เห็นว่าคุณค่าของมันไม่ได้ต่างกันแต่อย่างใดเลย
.
.
.
23.00 น. หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...จนถึงบรรทัดนี้ ก็ยังไม่รู้ว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหัวข้อที่ตั้งไว้ว่า...แล้วฉันจะกอดใคร?
จริงๆ แล้วตั้งให้มันเท่ห์ ๆ ไปยังงั้นเองแหละค่ะ...
อืม...แล้วฉันจะกอดใครดี...เอาเป็นว่า กอดใครก็ได้ที่พอกอดแล้วทำให้เรามีความสุขและเค้าก็มีความสุขที่ได้รับกอดของเราเช่นกันค่ะ