ตามหลักวิชาการแล้ว dead notes กับ wolf tone อยู่ฝ่ายตรงข้ามกันครับ
wolf tone เกิดขึ้นเมื่อความถี่ของแรงกระทำภายนอกเกิดไปตรงกับ resonance
frequency ของวัสดุอย่างต่อเนื่องเลยเกิดแรงเสริมในการสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นเรื่อยฯ
เรื่องนี้วิศวกรโครงสร้างรู้ดีครับเพราะต้องออกแบบกันใว้ให้พวกคุณเปลืองเงินเล่นเนื่อง
จาก กทม. เขาบังคับให้ออกแบบอาคารกันแผ่นดินไหวแล้วในตอนนี้
บางครั้งแม้แค่แรงลมก็ยังทำให้โครงสร้างพังใด้ถ้ามันกรรโชกในจังหวะพอดีเหมือนเราไกว
ชิงช้า ลองดูตัวอย่างของ Tacoma bridge ที่พังเพราะแรงกรรโชกลมไปตรงกับ resonance
ของตัวสะพานในปี 1940 ใด้เลยครับ
http://www.youtube.com/watch?v=P0Fi1Vcbp...re=related
ส่วน dead notes นั้นตรงข้ามกับ wolf tone เพราะเป็นการ cancellation ของความถี่
ส่วนใหญ่จะเกิดกับเบสมากกว่ากีต้าร์โปร่ง การแก้แบบชาวบ้านก็คือหาอะไรหนักฯไปถ่วง
headstock อย่างเจ้า Fatfinger ด้านล่างเป็นต้น
http://www.zzounds.com/item--GVTFFB
บางคนก็แนะนำให้เอาเหรียญเพนนีไปแปะใว้ใต้ bridge บริเวณสายที่มีปัญหา แต่ผมยังไม่เคยเจอ
กีต้าร์โปร่งแพงฯที่มี dead note เลยครับ ที่เจอบ่อยมากคือ dead string ที่ทำให้โน้ตบางตัวไม่มี
หางเสียงโดยเฉพาะพวก coated string นี่แหละตัวดีเลยเพราะถึงตายไปแล้วมันก็ยังดูใหม่อยู่
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก้เจอเจ้า Sharapovation สายตายที่ Tom Lee เมื่อสองวันก่อนก็เจอ takamine
รุ่นแพงสายตายที่ฟอร์จูน
เท่าที่เคยเจอมาสายประเภทสวยแต่ตายด้านก็มี DR Extra กับ D'addario EXP บ่อยสุดครับส่วน
Elixir ยังไม่เคยเจอเพราะมันทนจริงอย่างที่ตา Chris Martin เคยบอกว่า "They just sound bad
longer."
ผมไม่ทราบว่า Lowden ใส่สายรุ่นใหนมาจากโรงงานครับ