Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
Author Message
ก้ามปู Offline
Junior member
**

Posts: 37
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 29 Mar 2009
Reputation: -4
#1
เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
เรื่องที่เราจะสอนวันนี้ เป็นเรื่อง คำว่า รูท(root) กับคำว่า โทนิค(tonic)..
บางคนสงสัย ว่ามันต่างกัน หรือมันเหมือนกัน แบบไหน...
คำว่า รูท กับ โทนิค เป็นความหมายที่แตกต่างกัน รูท คือค่ากำหนดความคงที่ในสเกลนั้นๆ
ส่วนโทนิค เป็นค่ากำหนดการเคลื่อนไหวในสเกลนั้นๆ..

เช่น ในเมจอร์สเกลC เมโลดี้ ที่เป็นCเสียงต่ำ ถึง Cเสียงสูง เราจะเรียกว่า รูท(root)
แต่ ค่าเคลื่อนไหวในสเกล คือ โหมด ตั้งแต่โหมดD ถึงโหมดB เราเรียกว่า โทนิค(tonic)

เพราะฉนั้นถ้ามีหลายๆคนสงสัย กับคำว่า รูท กับ โทนิค มันต่างกันยังไง นี้คือคำตอบง่ายๆ
ที่ทุกๆคนควรจะรู้ ในการใช้งานจริงๆในชีวิตประจำวัน ของผู้ที่เรียนรู้ดนตรี....
29-03-2009, 11:56
Find Like Post Reply
karn Offline
you may say I'm a dreamer
******

Posts: 3,884
Likes Given: 81
Likes Received: 97 in 64 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 39
#2
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
ขอบคุณครับ...

สอนที่นี่...ศิษย์เพียบครับBig Grin
In my life, I love you more... [Image: 2685i.jpg]




29-03-2009, 15:27
Find Like Post Reply
yodchula Offline
-1833 Custom Shop-
******

Posts: 1,676
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 26
#3
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
(29-03-2009, 11:56)ก้ามปู Wrote: เรื่องที่เราจะสอนวันนี้ เป็นเรื่อง คำว่า รูท(root) กับคำว่า โทนิค(tonic)..
บางคนสงสัย ว่ามันต่างกัน หรือมันเหมือนกัน แบบไหน...
คำว่า รูท กับ โทนิค เป็นความหมายที่แตกต่างกัน รูท คือค่ากำหนดความคงที่ในสเกลนั้นๆ
ส่วนโทนิค เป็นค่ากำหนดการเคลื่อนไหวในสเกลนั้นๆ..

เช่น ในเมจอร์สเกลC เมโลดี้ ที่เป็นCเสียงต่ำ ถึง Cเสียงสูง เราจะเรียกว่า รูท(root)
แต่ ค่าเคลื่อนไหวในสเกล คือ โหมด ตั้งแต่โหมดD ถึงโหมดB เราเรียกว่า โทนิค(tonic)

เพราะฉนั้นถ้ามีหลายๆคนสงสัย กับคำว่า รูท กับ โทนิค มันต่างกันยังไง นี้คือคำตอบง่ายๆ
ที่ทุกๆคนควรจะรู้ ในการใช้งานจริงๆในชีวิตประจำวัน ของผู้ที่เรียนรู้ดนตรี....

เดี๋ยวผมจะมาช่วยขยายความครับ Cool ตอนนี้ขอไปกินข้าวเย็นกับครอบครัวก่อนจ้า Big Grin
[Image: myworkspace.jpg]
29-03-2009, 16:43
Find Like Post Reply
yodchula Offline
-1833 Custom Shop-
******

Posts: 1,676
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 26
#4
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
กลับมาแล้วครับ Big Grin

ว่ากันด้วยข้อความที่คุณก้ามปูเขียนครับ อันนี้ผมขอถกเป็นข้อๆไปตามที่คุณก้ามปูบรรยายมาครับ

(29-03-2009, 11:56)ก้ามปู Wrote: คำว่า รูท กับ โทนิค เป็นความหมายที่แตกต่างกัน รูท คือค่ากำหนดความคงที่ในสเกลนั้นๆ
ส่วนโทนิค เป็นค่ากำหนดการเคลื่อนไหวในสเกลนั้นๆ..

ตามที่คุณอธิบายมาด้านบนนี้ เกรงว่าคุณกำลังเข้าใจผิดครับ

Root หมายถึง โน้ตตัวฐานที่ใช้่สร้างคอร์ดครับ ไม่เกี่ยวกับ Scale ครับ
ยกตัวอย่างเช่น C Chord ประกอบไปด้วยโน้ต C E และ G
โดยมี C เป็น Root แล้วสร้าง Triad จึงได้โน้ต E และ G ตามมา ถึงเรียกว่า C Chord ครับ

Tonic หมายถึง โน้ตตัวแรกของ Scale ครับ
ยกตัวอย่างเช่น C Major Scale จะมี C เป็น Tonic นอกจากนั้น โน้ตที่เรียงกันทั้ง 7 ตัวใน Scale ยังมีชื่อเรียกดังนี้

Tonic = โน้ตตัวแรกของ Scale
supertonic = โน้ตตัวที่ 2 ของ Scale
mediant = โน้ตตัวที่ 3 ของ Scale
subdominant = โน้ตตัวที่ 4 ของ Scale
dominant = โน้ตตัวที่ 5 ของ Scale
submediant = โน้ตตัวที่ 6 ของ Scale
leading tone = โน้ตตัวที่ 7 ของ Scale

โน้ตตัวที่ 7 จะมีชื่อเรียก 2 ชื่อด้วย ชื่อแรกก็คือ leading tone หรือ leading Note
แต่มันสามารถเรียกว่า subtonic ก็ได้ ถ้าโน้ตตัวที่ 7 นี้ มีระยะเสียงห่างกับโน้ต Tonic อยู่ 1 เต็ม (Tone หรือ 2 Semi Tone)
ซึ่งเราจะเจอ subtonic ได้ใน Natural Minor Scale ครับ
[Image: myworkspace.jpg]
(This post was last modified: 29-03-2009, 20:01 by yodchula.)
29-03-2009, 19:59
Find Like Post Reply
ก้ามปู Offline
Junior member
**

Posts: 37
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 29 Mar 2009
Reputation: -4
#5
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
แล้วแต่จะเข้าใจก็แล้วกันนะครับ ... เพราะเท่าที่ผมรู้มา รูท เค้าใช้ในการควบคุม ช่วง ออฟเฟ็ต
ส่วน เสียงที่3 และเสียงที่5 เป็นคู่ประสานเพื่อทำให้เกิดเสียงของคอร์ด ภาษาการร้องเพลงเค้าเรียก
ว่า รูท(เบส) เทรนเนอร์ กับ ออร์โต้... แค่นี้เองง่ายจะตายไป.... เพราะว่า การเกิดคอร์ด ไม่จำเป็นจะ
ต้องมีเสียงที่ 3 หรือ 5ก็ได้ แค่มีเสียง รูท เสียงเดียวมันก็เป็นคอร์ดได้ ไม่เชื่อถามมือเบสดูสิ..
แต่ว่าต้องใช้รูทในสเกล การสร้างคอร์ด เค้าใช้เมโลดี้ในการสร้างเสียง ไม่ใช่เอาเสียงในคอร์ดมาสร้าง
เป็นเมโลดี้... รูทถึง อยู่ในสเกล ผมเข้าใจแบบนั้น ผมถึงแนะนำ ให้เรียน เรืองโหมด ก่อน เรียนเรื่องคอร์ด,และฮาโมนี่
เขียนคุยไปมันทันจะข้ามวัน มีคนเข้าใจแบบนั้นจริงๆ เห็นไม๊ แล้ว เป็นคนส่วนใหญ่ซะด้วยนะ....

ส่วนโทนิค เค้าใช้เป็นหัวเสียง ในโหมด เช่น โหมดD ดอเลียน ขึ้นต้นด้วยเสียง D E F G A B C D
เสียงD หรือ หัวเสียงในสเกลเค้าเรียกโทนิค เพราะมันไม่ใช่เสียงหลัก ใน Cเมเจอร์ โดยรูท มันจะขยับไปอยู่ในตำแหน่งที่7
หรือมันจะกลายตัวไปเป็นโหมดB(หรือเรียกว่าอะไรนะเขียนไม๊ถูก)ของสเกลไม่ใช่เหรอ สงสัยตำราคนละเล่ม แล้วแหละ
ผมใช้ตำรา ของเบิร์กเล่ย์... ผมไม่ได้ใช้ ตำรา เพลงแจ๊ส ซะด้วยสิ..

แปลว่าคนไทย ใช้งานโหมดไม่เป็นกันจริงๆเลยหนะสิ... ล้อเล่น อย่างน้อยก็ผม คนนึง นี่แหละ ใช่เป็น..

ลองนึกถึง หลักความจริงสิครับว่า เสียงC มันจะไปเป็นฐานเสียงให้ กับ เสียงE และ เสียงG ได้ยังไง
แล้วถ้าไม่มี C หรือรูท เป็นตัวกำหนดค่าคงที่ในสเกล มันก็จะทำให้เสียงอื่นๆที่เกิดขึ้นร่วมกันไม่เป็นเสียงC หนะสิ...

ความหมาย leading tone ที่ผมเข้าใจอะนะ มันเป็นแบบนี้คือ ถ้าเรา จับคอร์ดซีสายเปิด ในกีต้าร์
แล้วดีดจากบนลงล่าง เสียง สายหก เค้าเรียกว่า โทนิค, เสียงสาย5 เค้าเรียกว่า ซุปเปอร์โนนิค, เสียงสาย4เรียกว่า
mediant(อ่านไม่ออก) ,เสียงสาย3 เรียกว่า ซับโดมิเน้น ,เสียงสาย2 เรียกว่าโดมิเน้น, ตามลำดับ
ถ้าดีดจากล่างขึ้นบน ก็จะกลับกัน จากสาย1ถึงสาย6 โดยทุกๆเสียงจะต้องดังออกมาพร้อมๆกัน แต่เค้าเขียนว่า leading
มันจะต้องออกมาทีละ1เสียงไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะดังออกมาพร้อมๆกันแบบคอร์ดได้ไม๊ แต่ภาษาผม เรียกว่า ไดโทนิค นะ
เพราะฉนั้น กีต้าร์,เบส จะไม่มีกรณี subtonic หรือ Natural Minor เพราะว่า มันไปไม่ถึง 7เสียง
แต่ในเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ให้เสียงคอร์ด ได้เกินกว่า7เสียงขึ้นไป เช่น เปียโน มันก็จะเป็นอย่างที่บอกได้...

ผมเข้าใจแบบนี้ แหละเด็ก เบิร์กเล่ย์ ผมไม่ใช่พวกที่แค่ได้ไปแค่ เคนตักกี้ฮอล แล้วก็เอามาโฆษณาอวดอ้างซะใหญ่โต...

ในเมื่อ มั่ว กับ มั่ว มาเจอกัน อะไร มันจะเกิดขึ้นกันนะ
เลยตอบคำถาม เป๋ เลยหนะสิ พอดีไปเจอ โพสอื่นๆ เค้าว่าเค้ามาเรื่อง ที่ผม เรียนเบิร์กเล่ย์ ผมเลยเขียนตอบอะไรไม่ค่อยถูกเลย
เค้าว่าผมซะตัวผมเองแทบเสียสติแหนะ....
(This post was last modified: 29-03-2009, 21:11 by ก้ามปู.)
29-03-2009, 20:13
Find Like Post Reply
yodchula Offline
-1833 Custom Shop-
******

Posts: 1,676
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 26
#6
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
(29-03-2009, 11:56)ก้ามปู Wrote: เช่น ในเมจอร์สเกลC เมโลดี้ ที่เป็นCเสียงต่ำ ถึง Cเสียงสูง เราจะเรียกว่า รูท(root)

ตรงนี้คุณก้ามปูก็คงจะเข้าใจผิดครับ คำว่า Root จะถูกใช้ใน Triad Chord เท่านั้นครับ
ไม่เกี่ยวกับ Melody หรือ C Scale เลยครับ

(29-03-2009, 11:56)ก้ามปู Wrote: แต่ ค่าเคลื่อนไหวในสเกล คือ โหมด ตั้งแต่โหมดD ถึงโหมดB เราเรียกว่า โทนิค(tonic)
Mode ที่คุณว่ามา Mode D และ Mode B คืออะไรผมไม่รู้จักมาก่อนเลยครับ
ผมรู้จักแต่ Mode Ionian, Dorian, Phrygian, Lydian, Mixolydian, Aeolian, Locrian ครับ

แล้ว Mode D ถึง Mode B มันเรียกว่า tonic ได้ยังไง?? อันนี้ผมงงมากๆเลยครับ
(29-03-2009, 20:13)ก้ามปู Wrote: แล้ว จะเข้าใจก็แล้วกันนะ... เพราะเท่าที่ผมรู้มา รูท เค้าใช้ในการความคุม ช่วง ออฟเฟ็ต

-คุณก้ามปู บอกว่า "Rood ใช้ในการควบคุมช่วง Octave" มันหมายความว่ายังไงช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยครับ

(29-03-2009, 20:13)ก้ามปู Wrote: เสียงที่3 และเสียงที่5 เป็นคู่ประสานเพื่อทำให้เกิดเสียงของคอร์ด

-เสียงที่ 3 และ 5 ที่คุณกล่าวมา ผมว่ามันคือ Triad นะครับ ไม่ใช่คู่ประสาน (Harmony)

(29-03-2009, 20:13)ก้ามปู Wrote: ภาษาการร้องเพลงเค้าเรียกว่า เทรนเนอร์ กับ ออร์โต้... แค่นี้เองง่ายจะตายไป....

-ภาษาร้องเพลง???? คำเรียก Soprano, Alto, Tenor, Baritone ถ้าจะเรียกกันในภาษาคนร้องเพลง
มันหมายถึงช่วงเสียงที่นักร้องคนหนึ่งสามารถร้องได้นะครับ
ยกตัวอย่างเช่น Soprano หมายถึงนักร้องหญิงที่มีเสียงร้องสูงมาก
ไม่เห็นจะเกียวกับเสียงที่ 3 หรือ 5 ที่คุณกล่าวมาเลย


คุณก้ามปู ก่อนที่คุณจะตอบคำถามของผม ผมขอให้คุณตั้งสติ และตอบอย่างตรงไปตรงมานะครับ
ที่ผมเข้ามาเขียนข้อความถกเรื่องทฤษฎีดนตรีกับคุณเพราะผมเห็นว่าข้อความอาจจะมีการเข้าใจถูกบ้าง,ผิดบ้าง
ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะเข้าใจผิด เพราะในบ้านนี้ มีคนที่เข้าใจทฤษฎีดนตรีสามารถให้ความรู้และขจัดสิ่งเข้าใจผิด
ให้กับคุณได้ครับ

คำถามของผมมีอยู่ว่า
-คุณเรียนดนตรีจากที่ไหน
-คุณศึกษาดนตรีมากี่ปี
[Image: myworkspace.jpg]
(This post was last modified: 29-03-2009, 20:25 by yodchula.)
29-03-2009, 20:13
Find Like Post Reply
ก้ามปู Offline
Junior member
**

Posts: 37
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 29 Mar 2009
Reputation: -4
#7
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
ผมเรียนดนตรี จากการศึกษาต้องดนเอง แม้กระทั้งโน้ตความเข้าใจทั้งหมด ศึกษามาแล้วกว่า 20ปี จนผมส่งวิทยานิพนธ์
เพื่อขอคุณสมบัติจาก มหาวิทยาลัยเบิร์กเล่ย์ ในภาควิชาดนตรี (คณะวิทยาศาสตร์_ ฟิสิกส์ปรัญชาคณิตศาสตร์)
ไม่เห็นจะยากตรงไหน... สาเหตุที่ผมส่งไป เพราะ คนที่เก่งๆและรักดนตรีทั่วโลก ใครๆเค้าก็อ้างถึงเบิร์กเล่ย์ กันทั้งนั้น...
และผมรู้จัก เบิร์กเล่ย์ที่เดียว เท่านั้น ที่สุดยอดที่สุดในภาควิทยาศาสตร์ หรือ เบลแล็ป...
ผมขอคุณสมบัติ ในการเป็น CONTENNER หรือ ภาษาปัจจุบันเรียกว่า Sound Engineer จากเบิร์กเล่ย์ ด้วยครับ
เพราะผมอยากเป็นวิศวกรที่สมบูรณ์แบบที่สุดทุกๆกรณี มีแค่นั้นแหละชีวิตผมหนะ...

เรามาดู คำแปลกัน ก่อนว่า คำว่า โทนิคแปลว่าอะไร ดีกว่าจะมาเถียงกัน โทนิค มันแปลว่า การนำมาผสม หรือการรวมตัวกัน เพื่อให้เกิดความลงตัวรึเปล่า นะ สงสัย ต้องไปลองหาเครื่องดื่ม ที่มีชื่อว่าโทนิค ดื่มดูหนะสิ จะได้เข้าใจ...
ถ้าเรารู้ ความหมาย หรือ ภาษา ที่เรียกว่า โทนิค จะได้รู้ว่า มันแปลว่าอะไร แล้วทำไม ผม ถึงยกตัวอย่างให้
โหมด ที่เป็นองค์ประกอบ ในเมเจอร์ สเกล เป็น โทนิค แค่นั้นเอง...
แล้ว การ ที่เสียงมันออกมา เป็น เสียง3กับ เสียง 5 รวมกับ รูท มันไม่ใช่คู่ประสาน และจะให้เรียกว่าอะไร
คอร์ด... แล้วก็ ที่การออกเสียงของคอร์ด มันแสดงเสียงรวมออกมา มันไม่ใช้การประสานเสียงเหรอ...

ฮาโมนี่ ในความเข้าใจ ผม คือ การ เคลื่อนไหวของเสียง ให้รวมตัวกัน ครั้งละ ครึ่งเสียงไม่ใช่เหรอ นั้นคือ ฮาโมนี่
แล้วคำว่า ฮาโมนี่ เป็นภาษาทางศิลปะ มันจะต้องให้ภาพที่ชัดเจน ด้วยนะ คนที่จะทำความเข้าใจเรื่องฮาโมนี่
ต่อมาเรื่อง ที่สงสัยว่า โหมดD และ โหมดB เป็นโทนิค คือ...
ตั้งแต่ D ถึง B ทุกๆตัวเป็น โทนิค หมด ยกเว้น C เพราะCเป็นรูท... เพราะว่าเรา อยู่ในคีย์ C เมเจอร์
เราจึงใช้C เป็นรูท ส่วนD ถึง B ทุกๆตัวเป็นโทนิคทั้งหมด...
ถ้าเราอยู่ในคีย์D ตัวD ก็จะเป็นรูท โดย E ถึง C# ก็จะเป็นโทนิค พอเข้าใจไม๊ ผมก็อธิบายไม่คอยถูก
แต่ผมหนะเข้าใจที่สุด แต่เขียนอธิบายไม่คอ่ยถูกหนะครับ.... (ตอแหลนิดๆหนะครับ)

หลายคน สงสัย ว่า หัวเสียง สรุปแล้ว เรียกว่า โทนิค หรือรูท จริงๆเรียกแบบไหนก็ได้
แต่ถ้าเป็นคีย์ หรือ ฐานหลักของฟอร์มเสียทั้งหมด จะให้เรียกตัวนั้นว่า รูท จะดีที่สุดครับ...
ส่วนโน้ตตัวอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบในสเกล เราจะแทนตัวโน้ตเหล่านั้น เป็นโทนิค กัน เพื่อให้แยกแยะออกมาจากรูท
หรือให้เกิดความหลายหลายมากขึ้น เหมือนกันเครื่องดื่มที่มีชื่อ ว่า โทนิค ไง...

ไชโย ตอบได้ละ... เกือบมั่ว แหนะเรา..
(This post was last modified: 29-03-2009, 21:46 by ก้ามปู.)
29-03-2009, 21:19
Find Like Post Reply
Pri-a-pism Offline
Member
***

Posts: 193
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 15 Dec 2008
Reputation: 6
#8
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
ผมว่าน้าก้ามปูอาจเป็นคนที่เก่งด้านดนตรีมากจริงๆก็ได้

แต่น้าลองอ่านกระทู้ในบ้านนี้ย้อนกลับไป กลับไป เรื่อยๆ จะพบว่า

หยิบยื่นไมตรี การอ่อนน้อมถ่อมตน หรือแม้แต่การหยอกล้อกันโดยไม่ถือโกรธทั้งที่อาจไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตากัน น่าจะเรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เป็นเสนห์สำหรับ webboard นี้

เกรงว่าน้าก้ามปูจะไม่มีความสุขในการเป็นสมาชิกน่ะครับ
คิดถึงทุกปี..... http://www.nimitguitar.com/mybb/showthread.php?tid=3448
29-03-2009, 21:43
Find Like Post Reply
Teera Offline
VIP member
******

Posts: 1,038
Likes Given: 4
Likes Received: 15 in 14 posts
Joined: 19 Feb 2008
Reputation: 16
#9
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
ทีแรกบอกว่า โทนิค ค่าเคลื่อนไหวในสเกล พอโดนถาม ก็เลยไปแปลว่า การนำมาผสม หรือการรวมตัวกัน ยังแนะนำให้ไปกินอีก แล้วไอ้
1. ค่าเคลื่อนไหวในสเกล
2. การนำมาผสม
3. การรวมตัวกัน
อะไรมันคือความหมายของ โทนิค ครับ น้าก้าม
ตำราไหนๆเค้าก็บอกว่า Tonic หมายถึง โน้ตตัวแรกของ Scale ไม่เห็นต้องมาอธิบายกันให้มากความ อย่างที่น้าก้าม พยายาม

แล้วที่งง ที่สุด Mode D กะ Mode B นี่ มันมีชื่อเต็มว่าอะไรครับ

แต่ดีน๊ะ นานๆมีอย่างนี้ที แปลกดีครับ
29-03-2009, 21:56
Find Like Post Reply
ก้ามปู Offline
Junior member
**

Posts: 37
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 29 Mar 2009
Reputation: -4
#10
RE: เรื่อง ก้ามปู สอนดนตรี
หรือ ว่าผมคิดมากไปรึเปล่า นะ... บางทีการที่เรารักอะไรมากเกินไป เช่นงาน หรือความรักอื่นๆ ที่เป็นชีวิตของผม
บางทีความรักนั้นมันทำให้เราแยกแยะไม่ออกว่าคนอื่นๆ เค้าหลอกเล่นกับเรารึเปล่าหนะสิ นั้นแหละความรักของผม
ผมคงคิดมากไปหนะ เพราะผมกลัวว่า คนอื่นๆ เค้าจะมาดูถูกความรักของผม ... เพราะชีวิตผมมีแค่นั้น
กว่าที่ผมเองจะกล้า เอาตัวผมมาเล่าให้คนอื่นๆ อ่านผมก็ทำใจอยู่นาน ถ้าผมไม่อาสาที่จะเผยแพร่ความรู้ และ
ให้ความเข้าใจ กับสิ่งที่ผมรักคือ ดนตรี กับคนอื่นๆ ผมคงไม่เข้ามาในเวบเพื่อให้คนอื่นๆ เค้าดูถูกผมหรอก...

ถ้าเค้าเป็นผม เค้าจะเข้าใจว่าถ้าทั้งชีวิตคุณไม่เคยที่จะสนใจอะไรเลย ทุ่มเททั้งหมดให้กับดนตรีวันนึงไม่ต่ำกว่า
8ชั่วโมงกับแค่ทฤษฎีดนตรี และวิทยาศาสตร์ แต่บทสรุปในสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้น นอกจากไม่ได้ดีกลับมาแล้ว
กลับมีแต่คนอื่นๆ มาต่อว่าหรือดูถูก ทั้งๆที่ผมก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เค้า เค้าจะรู้สึกยังไง ผมก็คนเหมือนๆพวกคุณ
นั้นแหละ... ผมเชื่อเรื่องความรัก คืองานที่ผมทำแค่นั้น..

เขียนแบบนี่ โอเวอร์ไปไม๊ ขอ โหวต หน่อย เด้อ..... อ่านเล่นๆ อย่าคิดมาก กันนะ..
(This post was last modified: 29-03-2009, 22:18 by ก้ามปู.)
29-03-2009, 22:03
Find Like Post Reply


Forum Jump:


Users browsing this thread: 16 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication