เนื่องจากมีน้าๆหลายคนใด้ PM มาถามผมเกี่ยวกับ Yamaha L serie ว่าผมมีขายหรือเปล่า ผมก็เลยขอเอาเรื่องราวของกีต้าร์รุ่นนี้มาเล่าสู่กันฟังในหน้า gallery เพราะถ้าไปเล่าในหน้าซื้อขายกระทู้ก็จะตกเร็วมากจนไม่เป็นประโยชน์กับคนอื่นที่สนใจประวัติของรุ่นนี้
หลายๆคนคงจะไม่ทราบว่า Yamaha เป็นบริษัทแรกที่เปิด custom shop ที่โรงงานใน Hamamatsu ตั้งแต่ปี 1966 (ก่อนหน้า Martin และ Fender เป็นสิบปี)
ในยุคแรกนั้นก็ทำแต่กีต้าร์คลาสสิค Grand Concert Series อย่างเดียว ต่อมาในปี 1972 ถึงใด้เริ่มผลิตกีต้าร์สายเหล็ก Handcrafted Series สองรุ่นแรกคือ FG1500 และ FG2000 อีกสามปีต่อมาก็เลิกผลิตสองรุ่นนี้และออก L series ที่ออกแบบใหม่หมดมาหลายรุ่น L series แบ่งเป็นสองระดับราคาคือพวก limited edition ที่ราคาแพงเท่าๆกับรถยนตร์มือสองในสมัยนั้นทำเอาไว้แจกพวกศิลปินดังๆเอย่าง John Denver, James Taylor, John Lennon, Paul Simon, Bruce Springsteen เพื่อโปรโมทยี่ห้อและรุ่นที่ชาวบ้านพอซื้อใด้ซึ่งเรียกว่า handcrafted series เหมือนกัน
พวกรุ่นแพงที่ออกมาในปี 1975 มีดังนี้คือ L51, L52, L53, L54 lส่วนรุ่นปกตินั้นก็มี L5, L6, L7S, L8, L10, L15 และ L31 (L31 ออกเป็นรุ่นแรกปลายปี 1974) ส่วนราคานั้นถ้ารุ่นปกติก็คือชื่อรุ่น + 0000 อย่างรุ่น L5 = 50000 yen รุ่น L15 = 150000 yen เป็นต้น ข้อมูลเพิ่มเติมดูใด้ที่นี่ครับ
http://www.yamaha.co.jp/product/guitar/a...eries.html
การที่ Yamaha เอาราคาไปผูกไว้กับชื่อรุ่นนั้นก็ทำให้เกิดปัญหาเพราะตอนที่วัสดุแพงขึ้นหรือค่าเงินอ่อนตัวกำไรก็หายหมด ดังนั้นหลังจากผลิตใด้แค่สองปีกว่าก็มีการเปลี่ยนสเป็คเพื่อลดต้นทุนในปี 1978 ในต้นยุค 80s นั้นค่าเงินเยนแข็งขึ้นเรื่อยๆทาง Yamaha เลยต้องขยายโรงงานที่ไต้หวันที่ค่าแรงถูกกว่าและลดยอดผลิตที่ญี่ปุ่นลงเรื่อยๆ
โรงงาน Hamamatsu Wada gลิกผลิตกีต้าร์โปร่งในปี 1985 ซึ่งก็เป็นจุดจบของ L series (Japan) ทุกรุ่นและปิดกิจกรรมทั้งหมดในปี 1987 และไม่มีการผลิตในญี่ปุ่นอีกจนถึงปี 1997 ที่กลับมาเปิดโรงงาน Yamaha Music Craft ที่ Hamamatsu อีกเพื่อผลิตกีต้าร์ high end.
ดังนั้นพวก L series รุ่นหลังปี 1985 จนถึงปี 1997 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น LL, LA, LD, LE นี่ผลิตในไต้หวันหมดนะครับ ผมไม่ใด้บอกว่ากีต้าร์ไต้หวันเสียงสู้ญี่ปุ่นไม่ใด้นะครับแต่การเปลี่ยนจาก lacquer มาเป็น polyurethane finish นี่ทำให้กีต้าร์ไต้หวันขึ้นฝ้าเกือบทุกตัวเมื่อมาเจอความชื้นในบ้านเรา
Yamaha L-8 มีสองรุ่นนะครับ รุ่นแรกผลิตอยู่แค่สองปีกว่าเป็น all soli สเป็คเดียวกับ L-10 รุ่นสองส่วนรุ่นหลังเป็น solid back ครับ
ส่วน L-8S นั้นหน้าตาและสเป็คต่างจาก L-8 ปกติโดยสิ้นเชงเพราะมันคือ L-7S ที่โดนเปลี่ยนชื่อใหม่ในปี 1980 เพื่อเพิ่มราคาขายจากเจ็ดหมื่นเป็นแปดหนื่นเยนครับ
หน่าตาสามพี่น้องครับ
Fingerboard inlay รุ่นแรกจะเรียบง่ายสุด
Purfling รุ่นแรกเป็นรูป diamond ส่วนรุ่นสองเป็น herringbone pattern
คอรุ่นแรกเป็นคอ V ส่วนรุ่นหลังเป็นคอ C เหมือน Martin รุ่น Vintage vs. Standard ครับ
รุ่นแรกหลังนูน ส่วนรุ่นหลังหลังเรียบ
ลูกบิดเป็นคนละรุ่นครับ
ส่วนเรื่องเสียงนั้นคล้ายกันมาก (ผมชอบ balance เสียงรุ่น L-8 มากกว่า L-10 ที่ผมว่าเบสหนักไปหน่อย) รุ่นแรกหางเสียงยาวกว่าคล้ายๆกับมี reverb ในตัว ส่วน L-8S นั้นเสียงฉ่ำดีมากครับแต่เสียงไม่ใด้ไกล้เคียงกับอีกสองตัวเลย
ผมคิดว่า Yamaha L series Japan น่าจะเป็นกีต้าร์สะสมอีกรุ่นหนึ่งในอนาคตเพราะเป็นกีต้าร์เสียงดีราคาแพงในยุค 70s และเริ่มหายากขึ้นทุกวัน อย่าง L-10 รุ่นแรกนี่สภาพสวยๆก็ซื้อขายกันประมาณห้าหมื่นบาทในญี่ปุ่นแล้วครับ หรือแม้แต่กีต้าร์ถูกๆอย่าง FG180 ที่ราคามือหนึ่งแค่ 18000 เดี๋ยวนี้ก็ยังขายกันเกือบสองหมื่นบาท ส่วนพวก L series รุ่น 50 up นั้นตอนนี้ถ้าสภาพดีก็ราคาไม่ต่ำกว่าสองแสนแล้วครับ ใครใด้มาครอบครองอย่างที่บ้านเต่าก็นับว่าโชคดีไป (ผมก็อยากใด้แต่ใจไม่ถึง)